เรื่องสั้น เหตุเกิดที่สารขัณฑ์  (อีลากไส้)

วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

เรื่องสั้น เหตุเกิดที่สารขัณฑ์  (อีลากไส้)

23

วันนี้ มีผู้ถามว่า “แล้ว อีลากไส้ เป็นงัย?”

คำตอบก็คือ “ตอนนี้อีลากไส้ กำลังตัวสั่นงันงกซิครับ นั่งก็สั่น ยืนก็สั่น เดินก็สั่น นอนยิ่งสั่นหนัก เพราะตอนนี้เข้าโหมดมหาวินาศแล้ว เพราะหมอดูตาบอด ซึ่งบอกสนิทจริงๆ ดูผิดหมด คดีที่ฟ้องหมิ่นประมาทเขา แพ้หมดทุกคดี ทีนี้ก็รอหมายศาลในฐานะจำเลย กำลังทะยอยเข้าบ้าน เตรียมทำที่ติดหมายให้เรียบร้อยนะครับ จะได้ไม่ปลิวหายไปไหน ส่วนพวกพยานเท็จทั้งหลายก็เตรียมตัวด้วย น้องติ่มซำนี่หนัก โดนทั้ง ผ.และ ม. เลย ตายแฝดชัดๆ

ข่าวว่า มือขัว สามพระหน่อ (ไม่ใช่กล้วยทอดสยามสามพระหน่อ ไม่อร่อยให้ถีบ!! ที่โคราชานะ) แต่ สามพระหน่อที่สารขัณฑ์ กำลังจะซิ่งหนี ข่าวว่าซิ่งหนีมาหลายรอบแล้ว แต่อีลากไส้ไม่ยอมให้ออก จะทิ้งแม่ทูลหัวไปได้ไงละลูกจ๋า  “อยู่ติดคุกด้วยกันก่อน”   แต่คราวนี้ข่าวว่าจะออกจริงๆ อีลากไส้จึงใช้ แม่ไม้แบบเดิมที่ทำสำเร็จมาทุกครั้ง “ก็ร้องให้ซิครับ”  ทำทุกครั้งที่อยากได้ ขอ รศ. ก็ทำมาแล้ว และทำมาตั้งแต่เด็ก “ร้องเป็นได้” และต่อไป ร้องก็จะได้อีก คือได้เข้าคุกแน่นอน ด่วนหน่อยนะ หนูเปิลกำลังรอฟังข่าวอยู่ วันไหนอีลากไส้ตัวแม่ ติดคุกละก็  หนูเปิล อาจจะดีใจเดินตัวปลิวเลยก็ได้ 555 ใครว่ากูแกล้งดีนัก พวกอีลากไส้ทั้งหลาย….ครับ ก็เขียนเล่น อ่านเพลินๆครับ  ต่อไปเป็นการเขียนจริงๆ ของเพื่อน fc ครับผม

ญก. บอกว่า “เมื่อสุนัขรับใช้ไปไหนไม่ได้หรอก 3 ตัว หนึ่งใน 3 ตัว คือหมอดูตาบอดขอลาออกจนชาวมหาลัยสารขัณฑ์มองเป็นเรื่องน่าสมเพชเวทนาเป็นอย่างยิ่งเจอบทละคร..บีบน้ำตาของนางแต้ม..ร้องลั่นมหาลัยสารขัณฑ์ จะทิ้งฮันไปไม่ได้นะ..ไหนสัญญากันแล้ว..จะฆ่าพวกที่ขัดขืนคำสั่งด้วยตัวเอง..ก็เชือดไก่ให้ลิงดู แล้วเป็นยังงัย..หล่ะ..”ไม่คิดว่ามันเป็นสายพันธุ์ไก่ชนมาจากพม่า” ในตำนานเสียด้วย ที่สำคัญเชือดแล้วมันไม่ตาย กลายเป็นแมวเก้าชีวิตย้อน..กลับมาแล้ว..หมอดูบอกว่าอยู่ก็ตาย แถมตายยกเข่ง..”ศาลอาญา” แห่งไหน..คงไม่ให้รับโทษเพิ่ม คงเป็นสิทธิแต่เริ่มที่ฉันคิดจะฆ่าคุณ (เพลงนะค่ะ) ธรณีนี้เป็นพยาน..เราก็ศิษย์มีอาจารย์..หนึ่งบ้าง..เราผิดท่านประหารเราชอบ เราบ่ผิดท่านมาล้างบาป ดาบนี้คืนสนอง..เข้าสุภาษิต..”กรรมใดใครก่อ” หนังทุกเรื่องตอนจบตัวโกง มักจะติดคุก หรือโดนฆ่าตาย ไม่มีตัวโกงเรื่องไหน มีความสุข บันปลายชีวิต จุดจบ..ที่แตกต่างกันไป..

และ Kittipoom L. Phonwisetsit บอกว่า “หยุดเถอะครับ..เราต่างก็มีจุดหมายเดียวกันทั้งสิ้น..เหรียญในปากไม่เห็นมีใครเอาไปได้แม้สักราย”

ปิดท้ายรายการด้วย นงนภัส บอกว่า “เมื่อสมัยก่อนงานวันสำคัญของชาติเราจะไปร่วมงานที่หน้าศาลากลางจังหวัดพร้อมกันกับหน่วยงานต่างๆ ของจังหวัดโดยมีท่านผู้ว่าฯ เป็นประธาน แต่ทำไมสมัยนี้ทุกงานมาจัดใน ม.หล่ะค้า เพราะอะไร? ควายก็ตอบได้ ก็เพราะว่า ข้าอยากเดินบนพรมแดงบ้างโดยมีเสียงดนตรีประกอบ(แต้นแต๊น ) เพื่อให้ทุกคนรู้ว่าข้ายิ่งใหญ่

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *