เรื่องสั้น หัวใจเปื้อนชอล์ก เชโรกี 1

horses

จิปาถะ

เรื่องสั้น  หัวใจเปื้อนชอล์ก  เชโรกี 1

224

“ว่าไง คุณชวด เรื่องการบุกรุกอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า ฉันก็ได้สาธยายวิธีแก้ไขให้เธอฟังจนหมดสิ้นแล้ว ทีนี้ก็เหลือแต่อาณาเขตของพวกในอาศรม ที่มีบางคนยังอาลัยอาวรณ์ต่อสิ่งชั่วคราวเหล่านั้น  แถมเที่ยวโพนทะนาว่าฉันทำลายจิตวิญญาณของพวกเขาเสียด้วย   ฉันก็อยากจะรู้นักว่า มันทำลายจิตวิญญาณอย่างไร คุณชวดช่วยอธิบายให้กระจ่างใจฉันบ้างจะได้ไหม”

“ฉันคงไม่สามารถไปบรรยายความรู้สึกของพวกในอาศรมได้ ว่ามีความรู้สึกเจ็บปวดกับการรุกรานของเธออย่างไร

แต่ขอยกตัวอย่างเหตุการณ์ในลักษณะนี้ ให้เธอฟังสักเรื่องหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นคำตอบของคำถามของเธอก็ได้”

“ดีเหมือนกัน ว่ามาเลย คุณชวด” นางแต้มนั่งเชิดหน้า

225

“ในเรื่อง ลิตเติ้ลทรี วรรณกรรมเยาวชนเผ่าเชโรกี ซึ่งเขียนโดย ฟอร์เรสต์ คาเตอร์ (2543: 45-46) ตอน “รู้จักอดีต” มีความตอนหนึ่งสรุปโดยย่อว่า  พวกอินเดียแดง เผ่าเชโรกี เผ่าชนที่เป็นชาวพื้นเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกาที่เดิมตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา ส่วนใหญ่ในรัฐจอร์เจีย, นอร์ทแคโรไลนา, เซาท์แคโรไลนา และทางตะวันออกของเทนเนสซี พวกเขาจะสอนลูกหลานว่า  “ถ้าพวกเราไม่รู้จักอดีต  เราก็จะไม่มีอนาคต หากเราไม่รู้ว่าพวกเราอยู่ที่ไหนมาก่อน เราก็ไม่รู้ว่าเรากำลังจะไปไหน”

เล่ากันมาว่า  แต่เดิมนั้น พวกเชโรกีอาศัยอยู่ในดินแดนที่เป็นหุบเขาที่อุดมสมบูรณ์ อยู่มาหลายชั่วอายุคน ทำไร่ไถนา ล่าสัตว์เพื่อเก็บไว้กินในฤดูหนาว และปฏิญาณตนว่า จะปฏิบัติตามวิถีแห่งธรรมชาติ

เล่ากันมาว่า วันหนึ่งทหารของรัฐบาลได้เข้ามาบอกให้พวกเขาลงนามบนแผ่นกระดาษ เพื่อคนขาวจะได้รู้ว่า เชโรกี อยู่ตรงไหน จะได้ไม่เข้าไปรุกล้ำที่ทำกินของพวกเชโรกี   และเมื่อลงนามแล้วทหารของรัฐบาลก็เข้ามาเพิ่มมากขึ้น และบอกกับเชโรกีว่า ข้อตกลงในกระดาษนั้นเปลี่ยนไปแล้ว เชโรกี จะต้องอพยพออกจากบริเวณที่ตนเองเคยอยู่  ไปอยู่บนที่ดินผืนใหม่ที่ห่างไกลออกไป บนพื้นที่ที่คนขาวไม่ต้องการ ข้ออ้างเหล่านี้มาพร้อมกับปืน

226

เล่ากันมาว่า ทหารได้จับ เชโรกี มารวมกันใส่คอกขังเหมือนวัวควาย จากนั้นได้นำเกวียนและล่อมาให้ และบอกว่า ให้อพยพไปยังดินแดนที่พระอาทิตย์ตกดิน เชโรกี หมดสิ้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีทางที่จะต่อสู้ได้ แต่เชโรกีไม่ยอมขึ้นเกวียนที่ทหารนำมาให้ เขาจึงยังสามารถรักษาบางสิ่งบางอย่างของชนเผ่าของเขาไว้ได้ สิ่งนั้นเขาไม่อาจเห็น ไม่อาจสวมใส่ ไม่อาจกิน แต่พวกเขารักษาไว้  พวกเขาไม่ยอมขึ้นเกวียน แต่พวกเขาจะเดินไป  เกวียนที่ว่างเปล่าเคลื่อนตามมาพร้อมกับเสียงเอี๊ยดอ๊าต อย่างไร้ประโยชน์  “เกวียนไม่อาจขโมยจิตวิญญาณของเชโรกีไปได้”

227

“เริ่มมีคนล้มตายลง ขณะที่พวก เชโรกี เดินห่างออกมาจากเทือกเขาที่พวกเขาเคยอยู่  แต่ไม่ว่าเชโรกีจะตายไปเท่าใด จิตวิญญาณพวกเขาไม่ตาย  ทั้งไม่อ่อนแอลงด้วย ผู้ตายเป็นเด็กที่ยังเล็กมาก ผู้เฒ่าที่แก่มาก  ผู้หญิง และผู้เจ็บป่วย….ทหารบอกให้ เชโรกี เอาศพใส่เกวียนไป แต่เชโรกีไม่ยอม พวกเขาแบกศพและเดินไป   มันเป็นภาพที่สะเทือนใจและเจ็บปวด

ฟอร์เรสต์ คาเตอร์ (2543:47)ได้บรรยายภาพเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า “เราไม่อาจเขียนบทกวีถึงทารกที่ตายจนตัวแข็งในอ้อมแขนของผู้เป็นมารดา จ้องมองท้องฟ้าที่เขย่าไปมาตามแรงเดินของมารดาด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง

เราไม่อาจขับขานบทเพลงถึงบิดาที่วางศพของผู้เป็นภรรยาแล้วนอนเคียงข้างเธอตลอดค่ำคืนนั้น เพื่อที่จะตื่นมาในยามเช้าแล้วแบกเธอเดินทางต่อไป และบอกให้ลูกชายคนโตอุ้มศพของลูกชายคนเล็ก ไม่มอง ไม่พูด ไม่ร้องไห้ ไม่จดจำรำลึกถึงเทือกเขาแห่งนั้นอีกเลย”

………….

ฟอร์เรสต์ คาเตอร์ (2543).กรรณิการ์ พรมเสาร์ แปล. ลิตเติ้ลทรี. The Education of Little Tree. (3) กรุงเทพฯ: มูลนิธิโกมลคีมทอง.

 

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *