จิปาถะ
เรื่องสั้น หัวใจเปื้อนชอล์ก
192
“อาจารย์ครับ จิตวิญญาณของนางแต้มถูกจับมาขังไว้ที่ยุ้งข้าวกลางทุ่งนา แล้วปล่อยให้ร่างกายของนางแข็งโด่เด่อยู่ที่บ้านอย่างนั้น ป่านนี้ไม่ม่อยกระรอกไปแล้วรึ ถากถางเปิดประเด็นใหม่”
“ไม่หรอก แม่และญาติพี่น้องของนางก็คงต้องช่วยกันรักษาร่างกายไว้รอให้จิตวิญญาณกลับมา
คงทำอย่างที่หมอผีบอกไว้ และคงต้องทำกายภาพบำบัดจนนางสามารถขยับตัวได้บ้างแล้วละ กระมัง”
“อาจารย์ไม่เห็นเล่าถึง นี่ครับ”
“มันเป็นเรื่องสั้น หรือ นวนิยาย เธอต้องจินตนาการต่อเอาเองบ้าง จะให้เล่าไปทุกซอกทุกมุมได้อย่างไรล่ะ”
“ถ้าให้ผมจินตนาการ ผมว่าที่บ้านนางแต้มคงจะวุ่นวายน่าดู” ถากถางแสดงความคิดเห็น
“วุ่นวายอย่างไร ลองว่ามาซิ”
193
“หลังจากหมอผีได้พยายามที่จะนั่งสมาธิเพื่อเพ่งดูให้รู้ว่า นางแต้มอยู่ที่ไหน และตกอยู่ในสภาพอย่างไร
แต่ปรากฏว่า หมอผีก็หมดปัญญา เพราะว่าสถานที่ที่นางแต้มถูกจับไปนั้น ได้มีฉากมาปิดกั้นเสียแล้ว
จึงได้แต่คาดการณ์เอาว่า คงจะมีการปฏิบัติการอะไรสักอย่าง ซึ่งคงเป็นความลับ
สิ่งที่หมอผีทำได้ ก็เพียงแต่คอยสังเกตสายใยบางๆที่ยังเชื่อมต่อระหว่างกายและกายทิพย์กับจิตวิญญาณอยู่เท่านั้น
ดังนั้นบ้านนางแต้มจึงตกอยู่ในสภาพเงียบเหงา วังเวง น่ากลัว ใครเดินผ่านไปมาก็ไม่กล้าจ้องมอง เพราะกลัวว่าเดี๋ยวจะมีวิญญาณอะไรมาทำให้ต้องรับเคราะห์กรรมไปด้วย”
“เข้าท่าดีนี่ถากถาง” ผมแสดงความชื่นชม “เล่าแทนผมได้เลยนะนี่ ว่าต่อไปซิ”
“ได้ครับ อาจารย์”
194
“คืนหนึ่ง ผมเดินไปที่บริเวณหมู่บ้านที่นางแต้มอยู่ ผมเดินไปคนเดียว ปรากฏว่าคืนนั้นแทนที่ท้องฟ้าจะดำมืด แต่กลับเป็นสีแดงฉานจนน่าสะพรึงกลัว ก้อนเมฆสีม่วงลอยต่ำวนเวียนไปมาจนเกือบจะแตะหลังคาบ้าน และอยู่ดีๆก็เปลี่ยนเป็นสีดำ มีแสงไฟริบหรี่ลอดหน้าต่างออกมาพอให้รู้ตำแหน่ง ที่แรกผมคิดว่าจะเดินกลับออกมาแล้ว แต่อีกใจหนึ่งก็อยากจะรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นที่นี่บ้าง จึงเดินเข้าไปและเดินใกล้บ้านนางแต้มเข้าไปทุกที
บริเวณรอบๆบ้านนางแต้ม มีต้นไม้ขนาดใหญ่สูงหลายต้น ใบหนาดกดำทะมึนสั่นพลิ้วไปมาเหมือนคนตัวสั่นเพราะจับไข้ สายลมที่พัดกระโชกมาเป็นบางครั้งทำให้รู้สึกสยอง ผลจากลมกระโชกทำให้ต้นไม้โอนเอน ลำต้นบิดไปมาเหมือนร่างของสัตว์ร้ายที่ได้รับบาดเจ็บบิดตัวไปมาด้วยความเจ็บปวด กิ่งและลำต้นสะบัดขึ้นลงจนแทบจะหักโคล่นล้มลงมา และทันใดนั้นได้มีสิ่งที่คล้ายสายหมอกพวยพุ่งออกมาจากพื้นดินรอบบ้านหลายแห่งพร้อมๆกัน สายหมอกนั้นมีหลากสี วิ่งวนซ้อนทับกันอย่างสลับซับซ้อน ความแรงของสายหมอก ทำให้ใบไม้หลุดออกจากขั้วปลิวไปตามสายหมอกที่แรงและเร็วนั้น เสียงที่เกิดจากสายหมอกวิ่งวนทับซ้อนกันเล็กแหลมจนแสบแก้วหู สอดรับกับเสียงเห่าหอนของสุนัขที่โหยหวน ผมรู้สึกกลัว มือเท้าเย็นไปหมด และทันใด ผมรู้สึกตกใจ เมื่อแสงไฟจากหลอดไฟฟ้าแรงสูงหลากสีที่ติดตั้งไว้ตามมุมต่างๆเปิดขึ้นพร้อมกัน ตรงหน้าผมเป็นเวทีขนาดใหญ่ ดนตรีกำลังบรรเลงเพลงในจังหวะเร่าร้อน ผู้คนทั้งหญิงชายวัยคะนองรวมทั้งผมด้วยกำลังกระโดดโลดเต้นอย่างเมามันไปตามจังหวะลีลาของเพลงอย่างสนุกสนานบนกลุ่มควันที่ปล่อยออกมาจากพื้น ทันใดนั้นมีแสงไฟส่องมาที่หน้าผม สว่างจ้า แต่แทนที่ผมจะหลับตา ผมกลับลืมตาตื่น….ผมฝันไปครับ อาจารย์”
“อ้ายบ้า นึกว่าเรื่องสั้น”
……….