วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2564
จิปาถะ เรื่องสั้น โจรขโมยเงินเดือน (ว่ากันเป็นเรื่องๆไป 2.2)
5
2.รายได้ของกองทุนสวัสดิการพนักงานมหาวิทยาลัยสารขัณฑ์
(1)ทุนประเดิมที่มหาวิทยาลัยจัดสรรให้จากเงินรายได้มหาวิทยาลัย จำนวนหนึ่งล้านบาท
(2)เงินงบประมาณแผ่นดิน ประเภทอุดหนุนทั่วไปประเภทบุคลากรที่มหาวิทยาลัยได้รับการจัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานมหาวิทยาลัย และค่าใช้จ่ายบุคคลากรในส่วนที่เหลือจากการจ่ายเป็นเงินเดือนหรือค่าจ้างพนักงานมหาวิทยาลัยในรอบปีงบประมาณ
(3)เงินที่ได้จากการจัดสรรจากเงินรายได้ของมหาวิททยาลัย
รายได้ของกองทุนฯ ตาม (1) จะเห็นว่ามหาวิทยาลัยใช้เหยื่อล่อพนักงานมหาวิทยาลัยด้วยการจัดสรรเงินจากรายได้ของมหาวิทยาลัยให้หนึ่งล้านบาทเพื่อเป็นทุนประเดิม และเงินจำนวนนี้ก็คงกองไว้อย่างนั้นไม่ได้ใช้ เงินที่ใช้ส่วนใหญ่จะเป็นเงินที่หักจากพนักงาน 0.2 เปอร์เซ็น จาก 1.5/1.7 ดังนั้น จึงเท่ากับมหาวิทยาลัยไม่ได้จ่ายอะไรเลย เพียงแจกยาหอม
เงินรายได้ใน(2) เป็นเงินงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งระบุไว้ในตอนท้ายว่า “เป็นเงินเดือนหรือค่าจ้างพนักงานมหาวิทยาลัยในรอบปีงบประมาณ” ฉะนั้นหากเหลือจ่ายจะต้องส่งคืนคลัง แสดงว่าการตั้งกองทุนแบบเอาเงินงบประมาณมาใช้นั้นทำไม่ได้ จึงปรากฏว่า สตง.ได้ทำหนังสือถึงมหาวิทยาลัยเพื่อเรียกเงินจำนวนนี้คืนประมาณ 150 กว่าล้านบาท ทราบว่ามหาวิทยาลัยยังไม่ยอมคืนให้ ตรงนี้ต้องยอมรับว่านางแต้มเก่งจริงๆ กล้าหาญชาญชัยมาก ยิ่งใหญ่กว่าอำนาจรัฐ
ส่วนข้อ 3 ไม่ทราบว่ามหาวิทยาลัยจ่ายให้กองทุนฯ ปีละเท่าไร และจ่ายให้ทุกปีหรือเปล่า เนื่องจากไม่มีข้อมูลจึงขอผ่าน
3.การใช้จ่ายเงินกองทุนสวัสดิการพนักงานมหาวิทยาลัยสารขัณฑ์
(2) เงินตอบแทนตำแหน่งทางวิชาการและวิชาชีพ
(3) เงินสมทบทุนสำรองเลี้ยงชีพ
(4) เงินประกันสังคม
(7) เงินบำเหน็จหรือรางวัลของพนักงานมหาวิทยาลัยที่ปฏิบัติงานดีเด่น และมีระยะเวลาปฏิบัติราชการมานานกว่า 10 ปี
การใช้จ่ายเงินกองทุนจาก (2) ใช้เป็นค่าตอบแทนตำแหน่งทางวิชาการและวิชาชีพ และ (4) ใช้จ่ายเป็นค่าประกันสังคม ทั้งสองข้อนี้ ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยแล้วว่า นำไปใช้ไม่ได้ แสดงให้เห็นว่ามหาวิทยาลัยออกระเบียบผิดมาต้นแล้ว เหมือนติดกระดุมเม็ดแรกผิด ก็ผิดหมด นี่แหละคุณภาพกรรมการสภามหาวิทยาลัยของเรา
…..
พรุ่งนี้ ตอนสุดท้าย ข้อ (3) และ (7) ที่ไม่ควรพลาด