จิปาถะ เรื่องสั้น โจรขโมยเงินเดือน (“ขัดขืนใจ”)
29
การประชุมสมัยวิสามัญ สภามหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2563 เพื่อพิจารณาข้อเรียกร้องของคณาจารย์ให้นางแต้มรักษาการอธิการบดีโดยมิชอบด้วยกฏหมายหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะได้สร้างความเสียหายให้แก่มหาวิทยาลัยมาเป็นเวลานานแล้วนั้น ได้ดำเนินไปอย่างไม่ค่อนจะงดงามนัก เพราะกรรมการสภาฯบางท่านจากผู้ทรงคุณวุฒิร่วมวางแผนกับนางแต้มกำจัดกรรมการสภาฯฝ่ายตรงข้ามที่มาจากตัวแทนคณาจารย์ โดยอ้างว่าเป็นคู่กรณีกับนางแต้มไม่ให้อยู่ร่วมประชุม นอกจากนั้นยังกีดกัน “ขัดขืนใจ” ประธานสภาคณาจารย์ที่เป็นสุภาพสตรี ซึ่งมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนางแต้มไม่ให้อยู่ร่วมประชุมด้วย ถือเป็นปรากฏการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่ไม่เคยมีมาก่อน ของมหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ที่จะมีอายุครบ 50 ปี แห่งการก่อตั้งในปี 2564 ที่จะถึงนี้
กระผม นายจิปาถะ ขอประนามการกระทำของกรรมการสภาฯจากผู้ทรงคุณวุฒิบางท่าน ที่ไร้เกียรติ ไร้ศักดิ์ศรี ไร้ความเป็นสุภาพบุรุษอย่างสิ้นเชิงนี้ ไว้เป็นหลักฐาน ณ ที่นี้
จากพฤติกรรมดังกล่าว ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ทำไมถึงไม่ต้องการให้กรรมการสภาฯที่มาจากตัวแทนคณาจารย์อยู่ร่วมประชุม เพราะถึงอย่างไร เมื่อถึงเวลาลงมติ เพียง 3-4 เสียงก็แพ้อยู่แล้ว ฉะนั้นมีอยู่เรื่องเดียว คือ ไม่ต้องการให้กรรมการสภาฯทั้งหมดรู้ความจริง เป็นการปิดหู ปิดตา กรรมการสภาฯที่ไม่รู้อิโหน่อีเหน่ได้อย่างแนบเนียน สุดท้ายกรรมการพวกนั้นก็จะถูกปิดจมูก คือ เขากำลังพาไปติดคุกก็ไม่รู้เรื่อง สมน้ำหน้ากะลาหัวเจาะ มึง!
เรื่องนี้ผู้สันทัดกรณีให้ความเห็นว่า “การประชุม สภามหาวิทยาลัยสารขัณฑ์เมื่อวานนี้ ถ้าหากดูผิวเผิน จะเห็นว่า เป็นชัยชนะของฝ่าย นางแต้ม 100% แต่ถ้าพิจารณา ให้ลึกลงไปแล้ว จะเห็นว่า เป็นความพ่ายแพ้ของนางแต้ม เพราะว่านางแต้มและพวกกำลังเดินเข้าสู่ Killing Zone นั่นเองคือ เรื่องทั้งหมดก็จะนำเข้าสู่ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ เพราะว่าการชนะด้วยคะแนนเสียงที่ยกมืออย่างท่วมท้นนั้นไม่ใช่คำตัดสิน ว่าอะไรชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ต้องศาลสถิตยุติธรรมเท่านั้น ที่จะเป็นผู้ตัดสิน อาการความเป็นผู้แพ้ แสดงออกให้เห็นชัดเจน ดังนี้
1. เรื่องแค่นี้ ต้องใช้เวลาคิดถึงเกือบ 3 เดือนคิดหาทางออกไม่ได้ ถ้าสิ่งที่ได้กระทำมาชอบด้วยกฏหมายใช้เวลา 3 นาทีก็เรียบร้อยแล้ว เพราะกรรมการสภาฯ เป็น ศ.,รศ.และ ดร.กันทุกคน
2. กรรมการสภาฯ ที่คิดว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม มีไม่เกิน 3 คน ก็ยังกีดกัน ไม่ยอมให้เข้าประชุม เพราะกลัวว่า ถ้าทั้ง 3 คนตั้งคำถามมา ก็จะตอบไม่ได้ จึงใช้วิธีรวบรัด ถามเองตอบเอง เพื่อปลอบใจตัวเองว่าได้ทำทุกอย่างถูกต้องแล้ว
3. เวลาลงมติ ประเด็นอะไรก็แล้วแต่ ฝ่ายนางแต้ม ก็จะชนะทุกครั้ง เหตุใด จึงกลัว กรรมการทั้งสามคน “ลางติดคุกเริ่มออกอาการ”
4. นายกสภามหาลัยสารขัณฑ์ ซึ่งเป็นผู้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งรักษาราชการแทนอธิการบดีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นผู้ที่มีส่วน เกี่ยวข้อง และมีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง กลับ นั่งเป็นประธานที่ประชุม กลัวเกิดความผิดพลาด แต่หารู้ไม่การที่ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมด้วยผลการประชุมเป็นโมฆะ เป็นการเจตนากระทำความผิดเพิ่มและความผิดก็สำเร็จแล้ว
ผลการลงมติเมื่อวาน จึงถือว่าเป็นการมัดกรรมการสภา มหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ทุกคน เดินเข้าสู่ศาลอาญา ทุจริตและประพฤติมิชอบ อีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ คงจะไม่โชคดี เหมือนกับ วันที่ 24 กันยายน นะครับ”
….