จิปาถะ เรื่องสั้น เหตุเกิดที่กำแพง (ตีกินเหมือนกัน)

วันพฤหัสบดีที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2564 

21

ว่ากันตามจริง ผมก็เป็นพวก “ตีกิน” เหมือนกัน คือ ได้ทีก็ฉวยโอกาสเอาความคิดเห็นของเพื่อน fc มาโพสต์ใน “จิปาถะ” ได้ประโยชน์ คือไม่ต้องเขียน  เท่ากับ ตีกิน ไปได้อีกวันหนึ่ง 555 เขากำลังนิยมกัน ครับผม

ผู้สันทัดกรณี : การรักษาการแทนอธิการบดีของคุณปอรสิต เหลือเวลา อีก 53 วันจะสิ้นสุดในวันที่ 12 ธันวาคม 2564 ดังนั้นจึงขอเสนอทางเลือกให้แก่นายกสภา กรรมการสภา รวมทั้งคุณปอรสิต รองอธิการบดีและผู้ช่วยอธิการบดี เพื่อจะได้เตรียมตัวตัดสินใจและรับสภาพหลังจากวันที่ 12 ธันวาคม 2564 ว่า จะปฏิบัติตัวอย่างไร ตามข้อเสนอแนะต่อไปนี้

1.คุณปอรสิตทำงานในหน้าที่ต่อไปโดยไม่ต้องไปสนใจใยดีกับเสียงนกเสียงกาที่ทักท้วง หรือเสียงร้องขอของผู้ที่เคยมีพระคุณเพื่อที่จะได้มีอำนาจต่อไปและได้รับผลประโยชน์ต่างๆ เช่น เงินประจำตำแหน่งและเงินค่ายานพาหนะ ผลที่จะตามมาคือ มีความผิดอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานประพฤติมิชอบและถูกไล่ออกจากราชการ นายกและกรรมการสภา อาจถูกดำเนินคดีอีกคดีหนึ่ง

2.คุณปอรสิต ลาออกจากการรักษาราชการแทนอธิการบดี ทำให้ทั้งรองอธิการบดีและผู้ช่วยอธิการบดี สิ้นสภาพไปด้วยพร้อมกับผู้รักษาราชการแทนอธิการบดี ผลที่ตามมา คือทุกคนจะปลอดภัยไม่มีใครทำผิดกฎหมาย ไม่มีใครเสียหน้า สภามหาวิทยาลัย สามารถแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนอธิการบดีต่อไป

3.สภามหาวิทยาลัย แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนอธิการบดีคนใหม่ก่อนวันที่ 13 ธันวาคม 2564 โดยไม่ต้องสนใจคุณปอรสิต ผลที่ตามมาคือคุณปอรสิต และรองอธิการบดี จะรู้สึกเสียหน้าเหมือนถูกปลดจากตำแหน่ง แต่นายกและกรรมการสภาปลอดภัย ไม่ถูกดำเนินคดีเพิ่มอีกคดีหนึ่ง

งานนี้ประชาคม แต่งชุดดำไปอีกสักระยะหนึ่ง แล้วก็ได้เห็นอะไรดีแน่นอน เพราะเรื่องอำนาจหากใครได้เสพรับรองได้ว่ายากที่จะยอมลงจากอำนาจอย่างเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย อาจมีการขัดใจกันถึงขั้นทะเลาะกัน ประชาคมจะได้”นั่งบนภู ดูหมากัดกัน”

ผศ.ดร.La Ph : เห็นมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งอยู่ในสภาพ “สภาเกาหลัง” แล้ว รู้สึกระอากับพฤติกรรมแบบนี้มากๆ น่าสงสารมหาวิทยาลัยและบุคลากรส่วนใหญ่จริงๆ

 ผศ.ดร.  ชลิดา ภัทรศรีจิรากุล : อ้อ ซูเอี๋ยกันต่อ  เรื่องคุกอีกไกลว่างั้นเหอะ แปลกใจมาก คนพวกนี้

ไม่มีปัญญาทำมาหากินหรืออย่างไร ถึงมาวุ่นวายกับตำแหน่งเหล่านี้ ในสายตา ไม่เห็นจะมีอะไรมากมาย ถ้าจะหาเงินก็มีมากมายหลายวิธีที่ทำได้แบบสง่างาม  หรือพวกนี้หากินกับงานราชการ

จนทำอย่างอื่นไม่เป็น เห็นใจ รุ่นเด็กๆที่ต้องเจริญในหน้าที่การงานก็มาถูกพวกผู้เฒ่าเกาะติดตำแหน่งแบบจะขอตายคาเก้าอี้ กิเลสหนามาก  ความจริง เกษียณ 60 ปี ก็ไล่ไปอยู่บ้านไม่ต้องให้ต่ออายุ  ไม่ต้องให้ทำอะไรต่อ  แต่ถ้ามีบางวิชาที่ไม่มีปัญญาหาคนมาสอนได้ก็ค่อยว่ากัน  จะได้ผลักดันรุ่นหลังขึ้นมา  น่าเบื่อมาก คนพวกนี้  ไม่รู้ว่า โลกนี้ยังมีอะไรที่น่าอภิรมย์ให้ทำได้อีกเยอะ

เก็บเงินมากไป ถ้าตายปุบปับ ไม่ได้ทำพินัยกรรม ก็ยุ่งตายห่…

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *