จิปาถะ เรื่องสั้น เหตุเกิดที่สารขัณฑ์ (เรื่องเก่า)

วันอังคารที่  14  มีนาคม พ.ศ. 2566

จิปาถะ เรื่องสั้น เหตุเกิดที่สารขัณฑ์ (เรื่องเก่า)

ขอนำเรื่องเก่า ที่โพสต์ไว้เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2558 หรือเมื่อ 8 ปีที่แล้ว พร้อม comment ของท่าน ผศ.ดร.นิพนธ์ ทวีกาญจน์ กัลยาณมิตร ที่ได้รับความทุกข์ทั้งกายและใจอย่างหนักจากการเจ็บป่วยที่ยังหาสาเหตุไม่พบ  แต่ที่นำมาโพสต์ซ้ำก็เพื่อจะบอกว่า ด้วยจิตใจที่เข็มแข็ง และความรักความเอาใจใส่ของภรรยาและบุตรธิดา ตลอดจนญาติพี่น้องและเพื่อนๆ ทำให้ท่าน ผศ.นิพนธ์ ผ่านบททดสอบครั้งนั้นมาได้อย่างงดงามสมบูรณ์ ปัจจุบันท่านมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดีมาก ยังคงเขียนรูปเพราะเป็นงานที่รัก และทำประโยชน์ให้สังคมอย่างสม่ำเสมอ ครับ “ปาฏิหาริย์นั้นมีจริง และเกิดขึ้นได้เสมอกับคนดี ใจดี ทำดี มีเมตตา ครับผม

จิปาถะ : จงเป็นธุระเลี้ยงดูทั้งกายและใจ

พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นวิวิธวรรณปรีชา ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “เพ็ชรในหิน” ซึ่งเป็นหนังสือที่พิมพ์เผยแพร่ เพื่อเป็นหิตานุหิต*ประโยชน์ บำรุงความรู้พุทธศาสนิกชนผู้แสวงหาหนทางสัมมาปฏิบัติ โรงพิมพ์พิศาลบรรณนิติ์ กรุงเทพฯ พิมพ์เมื่อ ร,ศ, 127 (พ.ศ.2451) ความตอนหนึ่งว่า

“ร่างกายนั้นต้องการบริหารเลี้ยงดูด้วยอาหาร จึงจะอ้วนพีมีความศุขสำราญ แลใจนั้นก็ต้องบริหารเลี้ยงดูด้วยอาหารเหมือนกัน จึงจะมีกำลังเจริญขึ้นเปนศุขสำราญได้ แต่อาหารที่เลี้ยงกายนั้น จะเอาไปเลี้ยงใจไม่ได้ กายนั้นต้องเลี้ยงด้วยข้าวสุกแลขนมกับอาหารอื่นๆข้างฝ่ายโลก แต่ใจนั้นต้องเลี้ยงด้วยวิชาความรู้ต่างๆข้างฝ่ายธรรม คนพาลมักมัวเพลินเปนธุระเลี้ยงดูแต่ร่างกายอย่างเดียว ครั้นกายทำลายแล้วใจก็เหี่ยวแห้งด้วยอดอาหารได้ความทุกข์ยากลำบากมาก ผู้มีปัญญาเปนผู้ไม่ประมาท เป็นธุระเลี้ยงดูทั้งกายและใจให้อ้วนพีมีความเจริญทั้งสองฝ่าย เพราะฉะนั้น ผู้มีปัญญาจึงประสบความศุขทั้งโลกนี้แลโลกหน้าด้วย.(วิธิธวรรณปรีชา.ร,ศ, 127.64-65)

ส่วนผมนั้น ไม่เคยเอาธุระบำรุงเลี้ยงดูทั้งร่างกาย และจิตใจมาตั้งแต่แรก เมื่อย่างเข้าสู่วัยชรา ร่างกายก็ทำท่าจะไปไม่ไหว ใจก็เช่นเดียวกัน ในโค้งสุดท้ายนี้ จึงหันมาเป็นธุระทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่งดูเหมือนว่าจะสายเกินไปไม่น้อย

แต่ก่อนนั้นนอกจากไม่เป็นธุระในการเลี้ยงดูร่างกายแล้ว ยังใช้ร่างกายอย่างฟุ่มเฟือย อาหารที่ใช้บำรุงร่างกายก็มักจะเป็นอาหารที่มีอันตราย เช่น ลาบเลือด ไข่มดแดง กุ้งเต้น ฯลฯ ส่วนเครื่องดื่มก็เป็นประเภทที่ให้โทษ เช่น สุรา เบียร์ สาโท กระแช่ น้ำตาลเมา เป็นต้น และสิ่งที่สูดดมเข้าไปก็เป็นพวกควันพิษ เช่น บุหรี่ ยาเส้น ฯลฯ โชคดีที่ไม่ได้กินยาบ้า นอกจากนั้นร่างกายยังพักผ่อนไม่เพียงพอ เช่น เล่นดัมมี่จนดึกดื่นเที่ยงคืนถึงสว่าง ดังนั้นเมื่อเข้าสู่วัยชรา โรคภัยไข้เจ็บต่างๆก็จะพากันมารุมเร้าให้ต้องเจ็บปวดทุกข์ทรมานได้หนักหนาสากรรจ์ทีเดียว

สิ่งที่เป็นวัตรปฏิบัติในตอนนี้ก็คือ ต้องไปหาหมอไม่ให้ขาด เพราะไม่ต้องการให้หมอมาหา ถ้าหากหมอมาก็จะเอารถ ambulance มาพร้อม อันตรายมากครับ ดีไม่ดีอาจต้องอยู่กับหมอไปเลย คิดแล้วสยอง!

ศัพท์ * หิตานุหิตประโยชน์ = ประโยชน์เกื้อกูล ร.ศ. 127 + 2324 = พ.ศ. 2451

อ้างอิง:วิวิธวรรณปรีชา.(ร,ศ, 127). เพชรในหิน กรุงเทพฯ:โรงพิมพ์พิศาลบรรณนิติ์ ดูน้อยลง

comment : Ni Pon  ผมใช้ชีวิตสิ้นเปลืองมาตลอด ดื่มเหล้าตั้งแต่เรียนมัธยม เพิ่งเลิกดื่มเมื่อปีกว่ามานี้เอง สรุปว่าดื่มเกล้ามายาวนานราว 50 ปี ตอนนี้อายุเกือบ70 เลิกดื่มเพราะป่วยเป็นเลือดข้น ความดัน เก๊า เมื่อสองปีที่ผ่านมา เป็นแผลที่ขาข้างซ้าย รักษาไม่หายทั้งๆที่ไม่ได้เป็นเบาหวาน แผลประทุลุกลามบริเวณตาตุ่มทั้งสองขา รักษาที่ศิริราช กับหมอ 5 แผนก 5 คน พอแผลหนึ่งหาย ก็เกิดแผลใหม่ เจ็บปวดสาหัสไม่เคยปวดเช่นนี้มาก่อนตอนนี้น้ำหนักลดลงห้ากิโล ยังต้องไปหาหมอที่ศิริราชเดือนละสองสามหมอ จนอิดหนาระอาใจ ที่เล่ามาเพื่อเสริมเรื่องที่ท่านวิสุทธิ์เล่า ให้ระวังรักษาสุขภาพกันแต่ยังหนุ่มสาว เน้อ…

… ภาพ :วัดมหาธาตุ เพชรบุรี สีน้ำมันบน canvas โดย นิพนธ์ ทวีกาญจน์ (มอบให้)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *