จิปาถะ เรื่องสั้น เหตุเกิดขึ้นที่สารขัณฑ์ (ผีอีลากไส้)

วันศุกร์ที่  10 มีนาคม พ.ศ. 2566

จิปาถะ เรื่องสั้น เหตุเกิดขึ้นที่สารขัณฑ์ (ผีอีลากไส้)

10

ตอนเป็นเด็ก นอกจากกลัวไม่มีสตางค์ซื้อขนมกินแล้ว ยังกลัวผีหลอกอีกด้วย แต่ก็ชอบฟังผู้ใหญ่เล่าเรื่องผีให้ฟัง  ผู้ใหญ่ก็เล่าเรื่องที่ทำให้กลัว เช่น เรื่องผีสาวที่สามารถยืดมือให้ยาวเอื้อมไปบีบคอเด็กและควักตับไปกินได้ ผมนั่งฟังอยู่บนพื้นบ้านก็กลัว ว่าผีจะอยู่ใต้ถุนบ้านและใช้มือลอดร่องไม้กระดานขึ้นมาบีบคอ ต้องนั่งตัวรีบบนกระดานแผ่นเดียว ใช้ผ้าห่มคลุมตัวไว้ โผล่ออกมาแต่หน้า  คิดถึงสมัยเด็กที่กลัวผีก็อดขำไม่ได้ แต่ก็มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนพลบค่ำ ผมและเพื่อนเดินผ่านต้นมะขามใหญ่ เพื่อนหลอกให้วิ่ง บอกว่าเห็นผีห้อยหัวอยู่บนต้นมะขาม จึงพากันวิ่งหนีไปคนละทิศละทาง กลับถึงบ้าน เป็นไข้นอนซมเลย แต่โชคดีที่เป็นไข้ธรรมดา ไม่ใช่ไข้หัวโกร๋น หัวจึงไม่โกร๋นมาตั้งแต่เด็ก เพิ่งจะมาโกร๋นตอนนี้ ซึ่งอาจเพราะเจอผีอีลากไส้หลอก ก็ได้”

ที่คุยเรื่องผี และไม่นำเอาความคิดเห็นของเพื่อน fc มาต่อยอดให้กว้างขวางออกไป เนื่องจากอยากให้ผู้อ่านเรื่องสั้น มีส่วนร่วมในการเขียนเรื่องสั้น และใช้เป็นที่ระบายความเจ็บปวดและความคับข้องใจ ในลักษณะของการบำบัด ก็มีอันต้องพักไป เพราะเพื่อนทนายที่เป็นลูกศิษย์เตือนมาว่า จะเข้าข่ายเป็นตัวการ อาจทำให้เพื่อน fc ครูเดือดร้อนได้  ซึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ได้บัญญัติว่า “ในกรณีความผิดใดเกิดขึ้นโดยการกระทำ ของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ผู้ที่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ ต้องระวางโทษตาม ที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น”

ผมแย้งว่า ก็มันเป็นเรื่องสั้น เป็นนิยาย ไม่ใช่เรื่องจริง เป็นจินตนาการ เป็นศิลปะ เหมือนภาพเขียน

ไม่มีผิดไม่มีถูก มีแต่ชอบหรือไม่ชอบ การที่ผู้อ่านมีส่วนร่วม เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความไม่เป็นธรรมในสังคม เป็นการสร้างสรรค์  ไม่ได้เป็นการทำลาย  เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อส่วนรวม

ลูกศิษย์ผมบอกว่า ก็ตามใจครู แต่ตอนนี้ขอให้ครูพักไว้สักระยะหนึ่งก่อน เพราะคนพาลมีเยอะ  ซึ่งผมก็เห็นด้วย ก็ผมเป็นครู มีเหตุผลมีผล ไม่ใช่คนดื้อรั้นโดยไม่ฟังใครนี่ครับ

คำคมวันนี้ “ดิ้นรนกันแทบตาย สุดท้ายก็ “ตาย” กันทุกคน”

….

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *