วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2566
จิปาถะ เรื่องสั้น เหตุเกิดที่สารขัณฑ์ (นางหูดำ)
7
“แต่ก่อนนี้ นางแต้มเข้ามาอ่านจิปาถะ เรื่องสั้น เหตุเกิดที่สารขัณฑ์ เหมือนกัน แต่งมาในชุดเต็มยศเลย แต่เดี๋ยวนี้หายหัวไป เพราะขึ้นสูงสุดอยู่ในระดับที่ไม่ต้องอ่านเองแล้ว ให้ลูกน้องอ่านให้ฟัง และบางครั้งนางก็ไม่เข้าใจข้อความ เช่น คม หักศอก บอกว่า “นางแต้มเป็นกาลกิณี คือ หูดำ เป็นคนอัปรีย์จัญไร” นางจึงถามลูกอันหยี๋หมอดูคู่กายว่า มันหมายความว่าอย่างไร มันว่าฉันรึ อันหยี๋ก็จะบอกว่า เปล่าหรอก มันชมท่านต่างหาก และแปลส่งเดชว่า กาล หมายถึงเวลานี้ กิ มาจากกิเลน หรือสิงโต ณี แปลว่าหญิงสาว รวมกันแปลว่า หญิงสาวราศีสิงห์เป็นใหญ่ในเวลานี้ ที่ว่าหูดำนั้น ไม่ใช่อัปรีย์จัญไร แต่เป็นลักษณะของผู้มีบุญาธิการ ตัวอย่างเช่น พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ กษัตริย์พม่า มีปานดำที่ลิ้น จึงมีอีกพระนามหนึ่งว่า “พระเจ้าลิ้นดำ” ส่วนท่านแม่ หูดำ เป็นผู้มีบุญาธิการ ก็น่าจะได้ชื่อว่านางหูดำ (ระวังพิมพ์ผิดนะครับ) ซึ่งทำให้นางแต้มหัวเราะชอบใจ อุทานว่า เจ้าคม หักศอก นี่มันสะหลาด”
ขอนำความเห็นที่เฉียบคม และตกหล่นไป นำมาเสนอเพิ่มเติมดังนี้
ท่าน ผศ.ดร. Ni Pon บอกว่า “ยุคมืดในมหาวิทยาลัยสารขัณฑ์จะผ่านพ้นได้ คงต้องต้องกวาดล้างกันแบบอุกาบาตชนโลกเพื่อให้สัตว์เลื้ิอยคลานขนาดยักษ์สูญพันธุ์ ก่อน มนุษย์จะได้ผุดเกิดขึ้นมา แต่มหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ไม่น่าต้องรอธรรมชาติจัดสรรเช่นนั้น รวมพลคนดีให้มากพอช่วยกันขยี้กันอย่างจริงจัง มันไม่น่าจะทนอยู่ได้ เพียงแต่คนดีก็ไม่ยอมเป็นอุกาบาต พวกมันจึงเลื้อยคลานกันยั้วเยี้ยต่อไป
และตามด้วย นงนภัส ฮมภิรมย์ บอกว่า “ก่อนที่จะเกษียณอยากเห็นรถตำรวจจอดหน้าตึก 15 และลากคอนางพร้อมทีมงานลงมา นั่งคุกเข่ากับพื้นเหมือนกับที่พวกมันชอบให้นักศึกษาทำ แล้วกราบขอขมาทุกๆ คน แล้วค่อยขึ้นรถตำรวจไปอย่างน้อยก็มีหนูคนนึงแหละที่พวกมันสมควรกราบ สาธุ! ปีใหม่แล้วให้พบเจอสิ่งที่ดีๆ บ้างอย่าให้อยู่แต่กับสิ่งชั่วร้ายต่อไปอีกเลย ขอให้ฟ้าเปิดตาเร็วๆ เทอญ” ทุกๆ คนจะได้มีความสุขขึ้นสวรรค์เสียทีพากันอยู่ในนรกมาหลายปีแล้ว”
และวันนี้ ผศ.ดร.La Ph บอกว่า “อ่านจิปาถะวันนี้ทั้งสนุกแบบเข้มข้น ทั้งขำแบบถี่ๆ (ขออภัยครูภาษาไทยนะคะถ้าใช้ภาษาไม่ถูก) แต่คิดว่าถ้านางแต้มได้อ่านคงโกรธจนหน้าดำและหูดำ ส่วนตาอาจทั้งดำและเขียวปั๊ด ใครอยู่ใกล้ๆ ต้องหลบให้ไกลๆ เพราะเดี๋ยวโดนลูกหลงไปด้วย 55555”
….