
วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฏาคม 2564
จิปาถะ เรื่องสั้น เหตุเกิดที่กำแพง (อยู่ฝ่ายไหน)
15
“ และวันนี้ สภามหาวิทยาลัยกำแพงมณีจะประชุม และตัดสินใจว่าอยู่ข้างไหน (which side are you on) จะอยู่ข้างความถูกต้องเป็นธรรมหรือจะอยู่ข้างพวกมากลากไป และถ้าถามผม ก็จะตอบได้ทันทีว่าเลือกข้างที่ถูกต้องเป็นธรรมซิครับ”
มีเสียงถามว่า “แล้วจะรู้ได้ไงว่าข้างไหนถูกต้องเป็นธรรม” “ก็เพียงแค่ใช้ปัญญาเท่านั้น”
ส่วนผู้สันทัดกรณีแสดงความเห็นว่า
“ส่องเข้าไปในสภามหาวิทยาลัย หนองปลิง ขณะนี้ ความคิด ของกรรมการสภามหาวิทยาลัย ได้แบ่งแยกออกเป็น 3 กลุ่มดังนี้
1 กลุ่มแรก คือกลุ่มที่ ไม่เห็นด้วยกับมติสภามหาลัย ในการสรรหาอธิการบดีมาตั้งแต่ต้น
2 กลุ่มที่เห็นด้วยกับมติสภามหาวิทยาลัยในการสรรหาอธิการบดี
3 กลุ่ม ลังเลใจ ก็คือกลุ่ม เดียวกับ กลุ่มที่ 2 ซึ่งต่อมาได้รับข้อมูลอันถูกต้องก็มีแนวโน้มที่จะมาอยู่กับกลุ่มที่ 1 มากขึ้น เนื่องจาก ได้ไปปรึกษาผู้รู้ด้านกฎหมายและผู้มีประสบการณ์ในการถูกดำเนินคดี และถามลูกศิษย์คนที่ถูกคณะกรรมการ ปปช.สอบสวนเล่าถึงความทุกข์ใจกินไม่ได้นอนไม่หลับแล้ว ทำให้รู้ และเข้าใจถึงสภาพในการ เป็นจำเลยต่อศาลคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบว่าหนักกว่าหลายเท่า
สรุป ในการประชุมสภามหาวิทยาลัยหนองปลิงครั้งต่อไป คะแนนเสียงกลุ่มที่ 1 ก็จะมีมาเพิ่มขึ้นอีกประมาณไม่น้อยกว่า 5 คะแนน ส่วนกลุ่มที่ 2 ก็จะเหลือ กรรมการแกนนำ2คน (เสือ 2 ตัว) ที่คอยชี้นำและปลุกใจกรรมการว่าฝ่ายเราชนะ ฝ่ายเราทำถูกต้อง อีกหน่อยพวกนั้นก็เงียบไปเองเพราะรู้ว่าเองผิดพลาดแต่ก็ไม่ยอมรับความจริง ยังจะดันทุรัง ให้กรรมการ คนอื่นๆ มา มีความผิด และรับโทษทางอาญา ตามแนวความคิดของตัวเอง ก็จะเสียคะแนนเสียงไม่ต่ำกว่า 5 คะแนน
สำหรับข้าราชการและพนักงานมหาวิทยาลัยที่เป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัย ขอได้โปรดไปอ่านพระราชบัญญัติ ระเบียบข้าราชการพลเรือน ในสถาบันอุดมศึกษา พ. ศ. 2547 มาตรา 39 และมาตรา 40 ซึ่งเป็นความผิดร้ายแรง มีโทษถึงขั้นปลดออก หรือไล่ออก ถ้าถูกปลดออกก็ยังมีสิทธิ์ได้รับบำเหน็จบำนาญ แต่ถ้าถูกไล่ออก ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้บำเหน็จบำนาญ
ดังนั้น ก่อนจะเข้าประชุมและลงมติ ก็ขอให้ไตร่ตรองให้จงดีคิดถึงครอบครัวลูก หลานภรรยา และสามีว่าพวกเขาจะอยู่กันอย่างไร ถ้าหากตัดสินใจ”เลือกทางถูกใจ ไม่เลือกความถูกต้อง” นอกจากนี้ยังมีดาบ 2 คอยฟันอยู่ก็คือ ศาลคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ โทษก็คืออาจจะถูกจำคุก ตามมาตรา 152 หรือมาตรา 157 ครับ”
และผู้สันทัดกรณียังเสริมอีกว่า “คนดวงจะติดคุกห้ามกันไม่ได้ครับ และคนที่ทำผิดกฏหมายก็ไม่มีการกำหนดคุณสมบัติในเรื่องอายุไว้ชัดเจนว่า จะต้องอายุเท่าไรจึงจะทำผิดและติดคุกขอเพียงแต่อยากได้ในสิ่งที่ไม่ควรได้ อยากมีในสิ่งยังไม่ควรมี โดยไม่สนใจว่าสิ่งนั้นตัวเองมีสิทธิหรือไม่ ซึ่งมันเหมือนการปล้นหรือฉกชิงวิ่งราวมา อาศัยมีพวกเป็นโจรห้าร้อยคอยสนับสนุนใช้กำลังไปบังคับมาจนได้ ทั้งๆที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เห็นทีต้องปล่อยเธอไปตามกรรม แต่ก่อนจะติดคุกเธอคงต้องถูกไล่ออกจากราชการเสียก่อนแล้ว
อย่างนี้ตรงกับสุภาษิตไทยว่า เป็น “พวกชิงสุกก่อนห่าม”หมายความว่า ติดคุกก่อนเวลา อันสมควรที่จะติด หรือ “คบคนพาลพาลพาไปหาผิด ” เลยติดคุก เพราะไปหลงคารมของกรรมการสภาที่ไม่ดีบางคน”
….