วันพุธที่ 30 มิถุนายน 2564
จิปาถะ เรื่องสั้น เหตุเกิดที่กำแพง (ลาออก)
30
เมื่อวานนี้ ถึงแม้ว่าอากาศจะร้อนระอุ แต่ที่หน้าตึก 14 มหาวิทยาลัยกำแพงมณี ปรากฏว่ามีอาจารย์ออกมารวมตัวกันเป็นจำนวนมากเต็มไปหมด เพื่อรอพบนายกสภามหาวิทยาลัยตามนัดหมาย อาจารย์ทุกคนทั้งหญิงชายแต่งชุดดำอย่างพร้อมเพียง ปรบมือประสานเสียงผ่านแมสป้องกันโควิด 19 ด้วย คำว่า “ลาออก” ดังก้อง เพื่อแสดงเจตนารมณ์ มุ่งมั่นที่มาจากใจ มีความสมัครสมานสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว ถือเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ที่งดงามในการต่อสู้ เพื่อความบริสุทธิ์ยุติธรรมให้เกิดขึ้นในองค์กร เป็นแบบอย่างให้มหาวิทยาลัยแห่งอื่นที่มีปัญหาอย่างเดียวกันนำไปใช้ เพื่อแก้ปัญหาสิ่งที่ผิดเพี้ยนไม่เป็นไปตามทำนองครองธรรม ได้กลับคืนมา กระผมขอแสดงความชื่นชมและขอเอาใจช่วยอย่างเต็มที่ “ขอความสำเร็จจงบังเกิดแก่ทุกท่าน”
คุณ Piggypink Pinmanee ที่เป็นบุคลากรที่นั่น บอกว่า การรวมตัวกันนี้ เพื่อเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ต้องการคำตอบจากข้อสงสัยนี้
1. ทำไมสภาถึงไม่เลือกผู้ที่ประชาคมของมหาวิทยาลัยต้องการ (ไม่เลือก เบอร์ 1 ไม่เลือกเบอร์ 2 แต่เลือกเบอร์ 3 ที่คะแนนน้อยสุด)
2. เกณฑ์ด้านวัยวุฒิ คุณวุฒิ วิสัยทัศน์ ตำแหน่งทางวิชาการ ผลงานการทำงาน และประสบการณ์การบริหาร มีผลในการตัดสินใจของท่านหรือไม่
3. เบอร์ 3 มีดีอะไรที่สภามหาวิทยาลัยฯเลือก ทั้งที่ประชาคมส่วนใหญ่ยังไม่ต้องการ ด้อยกว่าทั้งด้านวัยวุฒิ คุณวุฒิ ตำแหน่งทางวิชาการ ผลงานการทำงาน และประสบการณ์การบริหาร
การรวมตัวกันครั้งนี้ ในฐานะที่น้องๆเป็นศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน อาจารย์ บุคลากร คนกำแพง หรือประชาชนทั่วไป สามารถแสดงความคิดเห็นหรือขอทราบคำชี้แจงการพิจารณาได้
สภามหาวิทยาลัย ซึ่งได้รับเงินเดือนจากงบประมาณของแผ่นดิน มีหน้าที่ใน การพัฒนา แก้ไขปัญหา ไม่ใช่สร้างปัญหา หากผู้นำคือนายกสภามหาวิทยาลัยฯจะทำหน้าที่ให้คำตอบ แทนกรรมการสภามหาวิทยาลัย ควรชี้แจงต่อประชาคมเพื่อหาแนวทางแก้ไข แต่ก็ยังไม่เคยให้คำตอบที่ชัดเจน
ความเห็นจากผู้สันทัดกรณี : “ประชาคมเดินมาถูกทางแล้วครับ การปกป้องศักดิ์ศรีของมหาวิทยาลัยเป็นหน้าที่อันชอบธรรม และการเสนอแนะให้นายกสภา ลาออก (ตะโกนว่า” ลาออกๆๆๆๆ”) ก็เป็นเอกสิทธิ์ของประชาคมเหมือนกัน ก่อนที่ความยุติธรรมและธรรมาภิบาลในมหาวิทยาลัยจะถูกทำลายไป โดยกรรมการสภาบางคนที่อ้างว่าการลงคะแนนเลือกอธิการบดีเป็นเอกสิทธิ์ของกรรมการสภามหาวิทยาลัยโดยไม่ให้ความสำคัญกับประชาคมโดยคิดว่าจะเอาใครก็ได้มายัดเยียดให้เป็นอธิการบดี โดยไม่เห็นหัว อาจารย์และพนักงานมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นเจ้าของบ้านและเป็นเสียงส่วนใหญ่ของประชาคม”
…..