วันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 (กรอบบ่าย)
จิปาถะ เรื่องสั้น อีเปรต (ถลกหนังเอาเกลือทา)
16
นายสาธิต ผลเจริญ : ชอบและได้ประโยชน์มากจากเรื่องที่พี่เป็ดนำมาเสนอให้ข้อคิด โลกเขาไปถึงไหนกันแล้ว แต่แต้ม ณ สารขันฑ์เป็นปีศาจร้ายหลงยุค สารขันฑ์จึงถูกปกคลุมด้วยความมืดยังกะครูเอลล่าในหนังวอลท์ ดิสนีย์ ตอนนี้เขารู้กันทั่วทั้งในและนอกสารขันฑ์ว่าแต้มเป็นนางวายร้ายเห็นแก่ตัวเป็นที่สุด ไม่ปล่อยวาง ใจไม่เคยว่างจากความเคียดแค้นพยาบาทเบียดเบียน ผู้ที่เห็นต่างเตือนด้วยความหวัง แต่นางเต็มไปด้วยโมฆะนอกจากไม่ฟังเสียงเตือนแล้ว เธอกลับตั้งตนเป็นศาสดาอสูร จัดการพวกหวังดี(เธอว่าเขาประสงค์ร้ายต่อเธอ)ชนิดที่กัดไม่ปล่อย(เอ๊ะ สัตว์ชนิดไหนนะ) จะทำบุญทอดกฐินร้อยวัดพันวัด มีโล่รางวัลหมื่นโล่ แต่ถ้าเธอยังบ้าบอเต็มไปด้วยโมหะจริต โทสะจริต ละวางไม่ได้ ไม่เจริญเมตตา ยังหลงตัวหลงตนอยู่เต็มไปด้วยทิฏฐิมานะ จะหวังสุขคติภูมิได้อย่างไร มีทางเดียวคือทุคติภูมิเป็นที่ไป นี่ไม่ได้พูดเองนะ จำคำพระมาบอกมาเตือนด้วยความหวังดีและไม่เคยประสงค์ร้ายต่อนางหรือสมุนของนางเลย ขอบอก
ผศ.ดร.ชลิดา ภัทรศรีจิรากุล : เธอฟังไม่รู้เรื่องแล้ว แต่ชอบพูดว่า เธอเป็นคนมีธรรมะ พี่ละงง สงสัยคนละธรรมะกับพวกเราแน่ๆเลย
ผศ.ดร.La Ph : จ่าฝูงของสารขัณฑ์นอกจากทำงานด้านเดียวแล้วยังมองลูกน้องที่ไม่ใช่เด็กในโอวาทของตนเป็นศัตรู กัดไม่ปล่อย ฆ่าฟันแบบเมามัน นางไม่รู้เลยเหรอว่าน้องๆเหล่านั้นเขามีครอบครัว มีญาติพี่น้อง ลูกๆหลานๆ ที่จะต้องดูแลและได้รับผลกระทบจากการกระทำของนางกี่คน กี่ชีวิต ปากก็ป่าวประกาศทุกที่ทุกเวลาว่าตนเองเป็นคนดี????…ไม่ทราบว่าเป็นคนดีในยุคไหน ศาสนาใดที่มีพฤติกรรมแบบนี้…
ชลิดา ภัทรศรีจิรากุล : นิยามความเป็นคนดีของนางต่างกันกับ คนดี ของสังคมทั่วไป
คม หักศอก : “อยากเอานางลุยไฟ ให้ความชั่วร้ายมันไหลออกมา ถลกหนังเอาเกลือทา เก็บรักษา ให้ลูกหลานดู”
…