วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม 2564
จิปาถะ เรื่องสั้น อีเถื่อน (สู้ สู้ สู้)
27
เย็นวันหนึ่ง ที่หมู่บ้านเจิดกอฮอม (หัวใจสีแดง) ตำบลหนองกราด อำเภอเมืองสารขัณฑ์ ซึ่งมีนายเสา เป็นผู้ใหญ่บ้าน ได้ตีเกราะเคาะไม้ เรียกลูกบ้านให้มาร่วมประชุม เมื่อลูกบ้านมาพร้อมกันแล้ว ผู้ใหญ่บ้านได้แจ้งให้ทุกคนทราบว่า “ลูกชายของพ่อทิด และลูกสาวของแม่จัน ซึ่งทั้งสองคนนั่งหน้าละห้อยอยู่ตรงนี้” นายเสาชี้มือไปที่คนทั้งสอง และกล่าวต่อไปว่า “ลูกหลานของเรา 2 คน ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ในเมือง และได้เขียนป้ายแสดงความคิดเห็นติดไว้ทั้งในและนอกมหาวิทยาลัย ความว่า “เราต้องการอธิการที่โปร่งใส” “ค่าเทอม นศ ก็โกง” ทำให้นางแต้ม ซึ่งอ้างตนว่าเป็นรักษาการอธิการบดีโกรธมาก ได้มอบหมายให้ น.ส. เสาหรี๋ ทนาย แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับลูกหลานเรา ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ที่นี้พวกเราจะทำอย่างไรดี”
เฒ่าโอ่ง ผู้อาวุโสที่สุดในหมู่บ้าน แสดงความเห็นว่า “ตั้งแต่เกิดมาจนเฒ่าขนาดนี้แล้ว ยังบ่อเคยเห็นครูแจ้งความจับนักเรียนซักเทือ ทำไมอีอธิการคนนี้มันถึงเลวระยำอย่างนี้”
นายถั่ว ลูกบ้านถามว่า “แล้วต่อไปจะเป็นอย่างไร?”
ผู้ใหญ่เสา อธิบายว่า “ตอนนี้โชคดีที่ตำรวจยังไม่ได้คุมตัวลูกหลานของเราไว้ แต่นัดให้ไปพบเพื่อสอบสวน ถ้าคดีไม่มีมูลก็จบ แต่ถ้าคดีมีมูลตำรวจก็จะทำสำนวนส่งให้อัยการฟ้องศาล ตอนนั้นก็ต้องมีการประกันตัว ถ้าไม่ประกันตัวก็จะถูกคุมขัง”
นางจัน บอกว่า “สงสารลูกสาว” นางใช้ชายเสื้อเช็ดน้ำตา “แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรได้ ไม่มีหลักทรัพย์อะไรจะไปประกันตัวลูกได้”นางสะอึกสะอื้นก้มหน้านิ่ง
พ่อทิด ลุกขึ้นยืน “งานนี้สงสัยต้องขายนาสู่คดีให้มันรู้ดำรู้แดงไปเลย หมดเท่าไรเท่ากัน”
ผู้ใหญ่เสายกมือห้าม “นั่งลงก่อน อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ ตำรวจและอัยการอาจไม่ฟ้องก็ได้ เพราะเท่าที่รู้มา นางแต้มนี่ไม่ใช่แค่ฟ้องนักศึกษานะ แต่แกฟ้องครูบาอาจารย์ที่นั่นด้วยหลายคดี เป็นคดีหมิ่นประมาททำนองเดียวกันนี้แหละ คดีหนึ่งอัยการสั่งไม่ฟ้องไปแล้ว และอีกคดีหนึ่งศาลที่สารคามบุรีก็ยกฟ้อง”
“แต่อย่างไงเสียเราก็ต้องช่วยกันออกเงินเพื่อจ้างทนายอยู่ดี”เฒ่าโอ่งแนะ
“แม่นแล้ว แต่เอาอย่างนี้ก่อนดีกว่า” ผู้ใหญ่บ้านสรุป” พรุ่งนี้เราเสียสละเวลากันสักวัน ไปกันทั้งหมู่บ้านนี่แหละ ไปพบเจ้าเมืองของเราเลย ดูซิท่านจะว่าอย่างไร”
“เอาตามนั้นนะ ไปแต่เช้าเด้อ!… เอ้า ไชโย 3 เอาฤกษ์ชัย ครั้ง สู้.. สู้.. สู้.
…