เรื่องสั้น อิงสถานการณ์ (หัวมึงอยู่ไส)
28
มีนา จัน ไลน์มาว่า เรื่องที่นางแต้ม รักษาการอธิการบดี มหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ ละเมิดคำพิพากษาของศาลปกครอง ที่พิพากษาในพระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์ ว่านางขาดคุณสมบัติ ไม่สามารถเป็นอธิการบดี ซึ่งก็หมายถึงไม่สามารถรักษาการอธิการบดีได้ด้วยนั้นชัดเจนแจ่มแจ้งอยู่แล้ว แต่ทำไมนางถึงยังเป็นรักษาการอธิการบดีอยู่ได้
เท่าที่ทราบ นางแต้มอ้างว่า คดีอยู่ในระหว่างการอุทธรณ์ นางโกหกแบบหน้าด้านๆ เพราะนางไม่ได้อุทธรณ์เรื่องขาดคุณสมบัติ เพราะถ้านางอุทธรณ์เรื่องขาดคุณสมบัติ ศาลก็จะไม่รับอุทธรณ์ เพราะการขาดคุณสมบัตินั้นมันชัดเจนอยู่แล้ว นางอายุเกิน 60 ปี นอกจากนางมีหลักฐานที่เป็นใบแจ้งเกิดว่า อายุยังไม่ถึง 60 ศาลจึงจะรับเรื่องอุทธรณ์
แต่นั่นแหละ นางอ้างแบบมั่วๆว่า สภามหาวิทยาลัยทำเรื่องอุทธรณ์ เรื่องการคุณสมบัติของนาง แต่ความจริงแล้ว สภามหาวิทยาลัยอุทธรณ์คำพิพากษาที่ว่า วิธีการสรรหาอธิการบดีนั้นมีขั้นตอนการสรรหาไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน
จะเห็นได้ว่านางแต้มนั้นขาดคุณสมบัติการเป็นอธิการบดีและรักษาการอธิการบดี แน่นอน ชัดเจน
มีคำถามที่น่าสนใจ คือ แล้วนางอยู่ได้อย่างไร ใครปล่อยให้นางอยู่ ซึ่งสามาถอธิบายได้ ดังนี้
1.เมื่อสภาฯซึ่งทราบจากคำพิพากษาของศาลแล้วว่า นางขาดคุณสมบัติ แต่สภาฯยังดื้อรั้นแต่งตั้งให้นางดำรงตำแหน่งรักษาการอธิการบดีมาจนถึงปัจจุบันนี้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า สภามหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ “ละเมิดอำนาจศาล”
- เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ สภามหาวิทยาลัยฯยังลงมติเห็นชอบให้เสนอชื่อนางแต้ม
เพื่อโปรดเกล้าฯ ให้เป็นอธิการบดีอีกเป็นสมัยที่สอง ทั้งๆที่นางขาดคุณสมบัติและถูกส่งกลับคืนมาแล้วถึง 2 ครั้ง “ระวังนะ ไอ้ 12 หัวตะกั่ว คอยเอามือคลำหัวไว้ให้ดี เดี๋ยวหัวมึงจะหาย”
จากที่กล่าวมา จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าสภามหาวิทยาลัยฯนั้น สำคัญตนเองผิด คิดว่าใหญ่กว่าศาล (ซึ่งน่ากลัวมาก)โดยไม่สนใจว่า ศาลนั้นพิพากษาคดีในพระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์ แบบนี้ ถ้าเป็นสมัยอยุธยา ตัดหัวเจ็ดชั่วโคตรลูกเดียว แต่เรื่องนี้ไม่นานหรอกครับ “เดี๋ยวก็รู้ว่าหมู่หรือจ่า”
….