จิปาถะ เรื่องสั้น โจรขโมยเงินเดือน (หัวหรือก้อย/อยู่หรือไป)
27
วันนี้ วันอาทิตย์ที่ 27 เดือนกันยายน พุทธศักราช 2563 ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง วันนี้จะเป็นวันสำคัญอย่างมากวันหนึ่งของมหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ ที่จดหมายเหตุมหาวิทยาลัยฯจะต้องบันทึกไว้เป็นพิเศษ เพราะเป็นวันที่สภามหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ จะประชุมสมัยวิสามัญ (ลับ) เพื่อพิจารณาข้อเรียกร้องของคณาจารย์ให้นางแต้ม รักษาการอธิการบดี ที่มิชอบด้วยกฏหมาย หยุดปฏิบัติหน้าที่
สาเหตุที่ต้องประชุมลับ ก็คงเพื่อให้กรรมการสภาฯทุกท่านได้แสดงความคิดเห็นได้กว้างขวางและเป็นอิสระ ส่วนผลการประชุมคงจะไม่ลับไปด้วย เพราะคงต้องแจ้งให้คณาจารย์ที่เรียกร้องและประชาชมที่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมากได้รับทราบ
สำหรับผลการประชุมจะออกมาอย่างไรนั้น ไม่มีใครทราบ แต่คงมีผลเพียง 2 ประการเท่านั้น คือ ประการแรก สภาฯสั่งให้นางแต้มหยุดปฏิบัติหน้าที่ และประการที่สอง สภาฯให้นางแต้มอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ซึ่งทั้งสองประการมีเหตุและผลที่น่าสนใจ ดังนี้
ประการแรก : สภาฯสั่งให้นางแต้มหยุดปฏิบัติหน้าที่ สำหรับประเด็นนี้ ดูเผินๆก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา เพราะการแต่งตั้งหรือถอดถอนนางแต้ม หรือรักษาการอธิการบดีนั้นเป็นอำนาจของสภามหาวิทยาลัยอยู่แล้ว แต่เนื่องจากการเกิดขึ้น ดำรงอยู่และการสิ้นสุดขององค์กรที่เรียกว่าสภามหาวิทยาลัยนี้ เป็นระบบอุปถัมภ์ ในลักษณะที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน คือ “ทุกคนได้”เช่น สภาฯเลือกอธิการบดีและอธิการบดีเลือกนายกสภาฯและกรรมการสภาฯ เรียกว่าเลือกกันไปเลือกกันมา แบบเพลงลูกเสือ “ลิงจับมือเสือ” ซึ่งมีเนื้อร้องตอนหนึ่งว่า “ลิงก็จับมือเสือ เสือก็จับมือลิง จับกันไม่เบื่อ ลิงจับมือเสือ เสือจับมือลิง” เป็นกิจกรรมร่วมร้องเพลงที่สามารถสร้างความสัมพันธ์ในกลุ่มได้เป็นอย่างดี ในกรณีของสภามหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ ความสัมพันธ์ของกรรมการสภาฯนั้นแนบแน่นเหนียวหนับยังกับตังเมโบราณ และได้พัฒนามายาวนาน นำไปสู่การเป็นครอบครัวเดียวกัน ดังนั้นจึงปรากฏว่า 1) สองสมัยมาแล้ว นายกสภาฯและกรรมการสภาฯล้วนแต่เป็นคนหน้าเดิมแทบทั้งสิ้น และ 2) เมื่อนางแต้มถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตี เช่นถูกแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดี ก็จะมีบุคคลทั้งสาวแก่แม่ม้าย ที่ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน มาร่วมเป็นเดือดเป็นแค้นแทนนางแต้มให้เห็นอยู่เสมอๆ
ฉะนั้น การที่สภาฯจะสั่งให้นางแต้มหยุดปฏิบัติหน้าที่รักษาการอธิการบดี จึงไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายนัก เพราะเท่ากับตัดคนที่สำคัญที่สุดในครอบครัวออกไป ซึ่งเท่ากับทำให้ครอบครัวแตก
ท่านลองจินตนาการดูเอาเองก็แล้วกันว่า “เมื่อครอบครัวแตก” อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
ส่วนประการที่สอง สภาฯปล่อยให้นางแต้มอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ซึ่งเรื่องนี้เป็นข้อกฏหมาย
ที่ผู้สันทัดกรณีก็ได้จำแนกแยกแยะให้เห็นกันจะจะ อีกทั้งยกฏีกามาเปรียบเทียบให้เห็นถึงผลที่จะเกิดขี้น และสรุปว่า สุดท้าย ทั้งนางแต้ม นายกสภา และกรรมการสภาฯก็จะพากันติดคุกอย่างแน่นอน หมายความว่า “ยอมตายหมู่”
แต่นั่นแหละ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร หัวหรือก้อย ก็สนุกทั้งนั้น ผมขอยกนิ้วโป่งให้ มือวางระเบิดลูกสำคัญนี้ ครับผม
มีเสียงแหว๋ออกมาว่า “ไปจัดการมันเลย มือวางระเบิด ไอ้จานจิน หรือ ไอ้ดำหรุ?”
“ไม่ใช่ทั้งคู่ครับ แต่เป็นมือกฏหมายของเราเอง !”
……