การเมืองสยามประเทศ

วิสุทธิ์ ตูน 11 กค 52

วันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11445 มติชนรายวัน

“บุรีรัมย์”ตั้งม็อบ”ขาว-น้ำเงิน” คุ้มกัน”นายกฯ” “สันติบาล”ห่วงมวลชนปะทะ
“เนวิน”คุมเข้ม-ผวา”ปาไข่” “แม้ว”ปัดใชั8พันล.แลกลี้ภัย

ตร.เตรียมแผนอพยพ”มาร์ค”รับมือเหตุฉุกเฉิน “แดง”ตามป่วนบุรีรัมย์ ระดมมวลชนกลุ่มหนุน รบ.สวมเสื้อขาว-น้ำเงิน เป็นกันชนสกัดช่วย

“แม้ว”ปัดทุ่ม8พันล.แลกขอลี้ภัย

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม นายนพดล ปัทมะ อดีตที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาปฏิเสธรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์ ดิ ออสเตรเลียน ที่ระบุ พ.ต.ท.ทักษิณเจรจากับนายกรัฐมนตรีฟิจิและหัวหน้าคณะรัฐประหารฟิจิ พร้อมกับเตรียมนำเงิน 300 ล้านเหรียญหรือ 8,000 ล้านบาท ไปลงทุนที่นั่นแลกกับการขอลี้ภัยภายใต้เงื่อนไขต้องไม่ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับประเทศว่า พ.ต.ท.ทักษิณฝากชี้แจงว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง การไปพบนายกรัฐมนตรีฟิจิ เป็นเพียงการเข้าพบเพื่อขอข้อมูลในการลงทุนโครงการเล็กๆ น้อยๆ ไม่ใช่การลงทุนขนาดใหญ่จำนวน 8,000 ล้านบาท ไม่ได้เป็นการเจรจาเพื่อขอลี้ภัยกับนายกรัฐมนตรีฟิจิ พ.ต.ท.ทักษิณยืนยันว่าไม่มีความคิดที่จะลี้ภัยทางการเมือง เพราะที่ผ่านเมื่อครั้ง พ.ต.ท.ทักษิณไปอยู่ประเทศอังกฤษและเคยยื่นเรื่องขอลี้ภัยที่อังกฤษก็ได้ตัดสินใจขอถอนการขอลี้ภัย

“เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 10 กรกฎาคม ผมได้โทรศัพท์คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ท่านกลับมาพักอยู่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) แล้ว ไม่ได้ไปอยู่ประเทศตองกา หรือเร่ร่อนต่างประเทศแถบแปซิฟิกตามที่เป็นข่าว การเดินทางที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณไปพบปะผู้นำประเทศและเก็บข้อมูลการลงทุนเท่านั้น

หยันรบ.ต่างชาติเมินช่วยล่าตัว

นายนพดลกล่าวว่า กรณีที่รัฐบาลและสื่อต่างประเทศระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณใช้ชื่อปลอมในการทางเข้าประเทศต่างๆ นั้น ขอยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นบุคคลที่รู้จักกันทั่วโลกไปที่ไหนก็มีคนขอลายเซ็น จึงขอฝากไปยังรัฐบาลว่าควรจะเอาเวลาปล่อยข่าว ไปแสดงความจริงใจในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประเทศจะดีกว่า

ผู้สื่อข่าวถาม พ.ต.ท.ทักษิณประเมินหรือไม่ว่ารัฐบาลอาจประสานไปยังยูเออีอีกครั้งในการจับกุมตัวมาดำเนินคดี นายนพดลกล่าวว่า คิดว่ารัฐบาลไทยมีความพยายามที่จะใช้ช่องทางต่างๆ ในการล่าตัว แต่ที่ผ่านมาหลายๆ ประเทศเข้าใจในสถานการณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณและไม่ได้ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลไทย เพราะรัฐบาลไทยให้ข้อมูลเท็จและเวลาที่ทางการประเทศต่างๆ ขอข้อมูลเพิ่มเติมไม่สามารถให้ได้ ล่าสุด ทราบข่าวมาว่ารัฐบาลไทยใช้วิธีการเจรจาระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) ในการขอนำตัวอดีตนายกฯกลับประเทศ เพราะไม่สามารถดำเนินผ่านสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนและไม่สามารถขอความร่วมมือจากตำรวจสากล ในการจับกุมตัวส่งกลับประเทศไทยได้

“แม้ว”ทำล็อตโต้ฟิจิ-เล็ง”ลาว”ต่อ

ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า รัฐบาลควรเอาเวลาไปทำอย่างอื่น เช่น การเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และอย่าเสียเวลาไล่จับ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณสละความเป็นพลเมืองไทยชั่วคราว เพราะการเดินทางเข้าออกประเทศต่างๆ มีการใช้หนังสือเดินทางของ 6 ประเทศ ทั้งนี้ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณไปที่ประเทศฟิจิ ก็เพราะไปรับสัมปทานลอตเตอรี่หรือล็อตโต้ และในอนาคตอันใกล้ก็จะมาที่ลาว เพราะตอนนี้กำลังเจรจากับนักธุรกิจจีนเพื่อร่วมทุนทำล็อตโต้ที่ลาว

ปชป.สงสัยเบนเป้าเหตุ2ปท.ห้าม

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปประเทศฟิจิ โดยอ้างว่าไปพบผู้นำทางทหารของประเทศฟิจินั้น เชื่อว่าอาจนำไปสู่การที่ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปยังในประเทศออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ เนื่องจากขณะนี้ประเทศฟิจิถูกทั้ง 2 ประเทศ บอยคอตไม่ให้เข้าร่วมประชุมประเทศกลุ่มเกาะแปซิฟิก

ส่วนการที่นายนพดล ปัทมะ ออกมาระบุจะนำเสนอรูปผู้นำของกลุ่มประเทศต่างๆ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะเข้าพบเพื่อหักล้างข้อมูลฝ่ายต่างๆ ที่บอกเป็นการกุเรื่องนั้น นพ.บุรณัชย์เลี่ยงตอบว่า กลุ่มประเทศเมลานีเชีย ทั้งตองกา วานูอาตู ตูวาลู น่าจะเป็น 3 ประเทศสุดท้ายที่ยังมีความสัมพันธ์กับฟิจิ หลังจากที่ถูกบอยคอตจาก ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และสหภาพยุโรป ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณใช้โอกาสยื่นข้อเสนอเรื่องผลประโยชน์ ซึ่งมีรายงานทั้งในสื่อประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์

ปชป.เปลี่ยนให้”บังสุกุลทั้งแผ่นดิน”

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึง 6 ยุทธศาสตร์ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ภายใต้แผนแดงทั้งแผ่นดินว่า ดูจากเนื้อหาแล้วเป็นการทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น อยากถามว่าคำว่าแดงทั้งแผ่นดิน จะใช้แดงอะไรทั้งแผ่นดินหรือต้องการให้เลือดแดงนองแผ่นดินถึงจะบรรลุเป้าหมาย ส่วนการที่จะมีการจัดงานทำบุญแซยิดครบรอบ 60 ปีให้ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยใช้ชื่อว่า “เพลทั้งแผ่นดินเพื่อทักษิณ ผู้ปลดหนี้ ไอเอ็มเอฟ” ตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศในวันที่ 26 กรกฎาคมนั้น อยากเปลี่ยนชื่องานใหม่ว่า “บังสุกุลทั้งแผ่นดินแด่ทักษิณ ผู้ร่วมกู้ไอเอ็มเอฟ” ที่น่าจะตรงกับข้อเท็จจริงมากกว่า เพราะการบังสุกุลก็เป็นการทำบุญ หากเสียชีวิตก็บังสุกุลตาย หากยังมีชีวิตอยู่ก็ทำบังสุกุลเป็น ก็เลือกเอาเองว่าจะทำบังสุกุลเป็นหรือบังสุกุลตายเพื่ออุทิศไปให้ พ.ต.ท. ทักษิณ คิดว่าเป็นความต้องการของ พ.ต.ท. ทักษิณที่ต้องการเคลื่อนไหวทางการเมืองพร้อมกันทั่วประเทศ โดยทำในลักษณะดาวกระจายจึงต้องจับตามองว่าจะมีอะไรแอบแฝงหรือไม่ต่อไป

มส.ไม่ห้าม-ให้61วัดตัดสินใจเอง

นายอำนาจ บัวศิริ ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม (มส.) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า กรณีกลุ่ม ส.ส.พท.เตรียมทำบุญในวันคล้ายวันเกิด พ.ต.ท.ทักษิณ ในวัด 61 แห่งทั่วประเทศ ในวันที่ 26 กรกฎาคมว่า หากกลุ่ม ส.ส.ต้องการเข้าวัดทำบุญจริงๆ และมีเจตนาที่ดี ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด หรือต้องห้าม แต่อยากให้ระมัดระวัง และไม่ควรนำวัด พระสงฆ์ หรือพื้นที่วัด ไปใช้เป็นเครื่องมือและหาประโยชน์ทางการเมือง โดยเฉพาะการใช้พื้นที่บริเวณวัดเป็นสถานที่ชุมนุม หรือเป็นสถานที่โฟนอิน และจัดงานรื่นเริง ซึ่งถือว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ส่วนการที่จะจัดงานบุญใน 61 วัดนั้น ทาง มส.ปล่อยให้ทางวัด เจ้าคณะจังหวัด หรือเจ้าอาวาส เป็นผู้ตัดสินใจว่าอนุญาต และจะรับกิจนิมนต์หรือไม่

“สุเทพ”ปรามแดงตามป่วน”มาร์ค”

สำหรับการลงพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 11 กรกฎาคมนั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงการรักษาความปลอดภัยว่า ได้สั่งการไปตามปกติ เป็นหน้าที่ตำรวจดูแล โดยตำรวจจะต้องทำหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์ ทั้งนี้ ไม่รู้สึกกังวลใจต่อกระแสข่าวกลุ่มคนเสื้อแดงที่อาจเดินทางไปป่วนที่นั่น เพราะรู้ชัดเจนแล้วว่าเขาต้องไปหาเรื่องแน่นอน แต่ก็ให้ตำรวจไปดูตามหน้าที่ ซึ่งไม่จำเป็นต้องคาดโทษใคร แค่ให้ทุกคนทำตามหน้าที่อย่างดี “ถ้าเป็นรัฐบาลแล้วไม่สามารถพบปะประชาชนได้ก็แย่แล้ว เราก็ต้องไปตรงไหนที่มีงานมีการมีเรื่องมีราวก็ต้องไปดูกัน” นายสุเทพกล่าว

เมื่อถามว่า ต้องจัดเสื้อน้ำเงินไป รปภ. นายกฯหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า คนอีสานก็เหมือนคนไทยทั่วประเทศ ก็มีเหตุมีผล มีความรู้สึกนึกคิดของเขาเอง ไม่ได้รักหรือเกลียดใครจนกระทั่งก่อเหตุวุ่นวายในบ้านเมือง แต่มีคนบางกลุ่มเท่านั้นเองที่พยายามจะสร้างสถานการณ์ให้บ้านเมืองวุ่นวายเข้าไว้ ให้ดูเหมือนบ้านเมืองจะลุกเป็นไฟถ้าไม่ได้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกลับมา ไม่เข้าใจว่าเขาจะทำไปทำไม เพราะทำอย่างนี้ไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติ ชาวบ้านเดือดร้อนถึงที่สุด แต่ถ้าเขายังไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมายก็ยังดำเนินการอะไรไม่ได้ ถ้าผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการ

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีเครือข่ายวิทยุชุมชนในพื้นที่อีสาน 60 สถานี เชื่อมสัญญาณกับสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย เพื่อถ่ายทอดเสียงการลงพื้นที่ของนายกฯครั้งนี้ด้วย หลังจากการลงพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์เสร็จ จะประเมินผลเพื่อจะจัดคิวให้นายกฯลงพื้นที่รอบสองในภาคอื่น ถ้าเป็นไปได้นายกฯ ก็อยากจะเดินทางไปทุกจังหวัด

ชทพ.จี้ลง3จว.ใต้-อย่าเอาใจใคร

นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า พรรคในฐานะพรรคการเมืองและพรรคร่วมรัฐบาล สนับสนุนการเดินทางไปจังหวัดบุรีรัมย์ของนายกฯเต็มที่ โดยไม่สนใจเหตุผลที่นายกฯเลือกไปบุรีรัมย์ เพราะใครหรืออะไร เพราะไม่ใช่สาระสำคัญ อย่างไรก็ตาม ขอตั้งข้อสังเกตว่าการเดินทางไปตรวจราชการไม่ควรทำแบบลูบหน้าปะจมูก หรือทำเพื่อเอาอกเอาใจคนใดคนหนึ่งหรือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง แต่ควรไปด้วยความตั้งใจจะไปซื้อใจประชาชน ด้วยการเข้าไปแก้ปัญหาและทุกข์ให้ชาวบ้าน พร้อมนำเอางานของรัฐบาลไปเสนอต่อประชาชน

โฆษก ชทพ.กล่าวว่า พรรคขอเสนอนายกรัฐมนตรีว่า พื้นที่ต่อไปที่ควรเดินทางไปคือ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ฐานการ เมืองสำคัญของพรรคและเป็นพื้นที่สำคัญ การไปอีสานอาจหวังผลทางการเมือง แต่การไป 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพราะคนไทยพุทธและมุสลิมที่รักสันติรอการเยียวยาจากรัฐบาล แน่นอนการไปอาจไม่ได้คะแนนเสียงมากขึ้น แต่สิ่งที่ทุกคนคาดหวังคือรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์จะสามารถแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนในพื้นที่เหล่านี้ได้

มท.1ไม่กังวล”แดง”อ้างมีขื่อ-แป

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และหัวหน้าพรรค ภท. กล่าวว่า จะร่วมเดินทางไปกับนายกฯด้วย ในฐานะที่เป็นเจ้าของพื้นที่ ได้เตรียมความพร้อมต้อนรับนายกฯเป็นอย่างดี ไม่มีความกังวลใดๆ เมื่อถามว่ากลัวม็อบเสื้อแดงหรือไม่ นายชวรัตน์กล่าวว่า “ทำไมจะต้องกลัว คนเสื้อแดงก็เป็นคน เพียงแค่ใส่เสื้อแดง พวกเราก็เป็นคน ที่ใส่เสื้อน้ำเงิน แค่สีเสื้อที่ต่างกันเท่านั้น จึงไม่มีอะไรต้องกลัว เพราะการเป็นผู้นำจะต้องสร้างขวัญกำลังใจให้กับคนอื่นๆ และบ้านเมืองมีขื่อมีแป ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ในการรับมือแล้ว ไม่ต้องสั่งซ้ำ เพราะผู้ว่าฯรู้หน้าที่ตัวเอง เหมือนที่บ้านมีแม่บ้าน คงไม่ต้องสั่งว่าทำกับข้าวจะต้องหุงข้าวหรือทำกับข้าว”

เผยมีระดมฝ่ายหนุนสกัด”แดง”

พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (ผบช.ส.) กล่าวว่า เท่าที่ประเมินสถานการณ์ขณะนี้ดูจากแผนต่างๆ ในการรักษาความปลอดภัยและดูแลความเรียบร้อยในพื้นที่พบว่ามีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ป้องกันแน่นหนา มีความสมบูรณ์ อีกทั้งยังมีการระดมมวลชนที่สนับสนุนรัฐบาลมาเป็นแนวกั้นอีกชั้น ซึ่งค่อนข้างมั่นใจว่ากลุ่มผู้ต่อต้านรัฐบาลไม่สามารถเคลื่อนขบวนใหญ่เข้ามาในบริเวณใกล้เคียงได้

ผบช.ส.กล่าวว่า จากข้อมูลก็มีการปล่อยข่าวมามากว่าจะมีการขนคนที่ต่อต้านเข้ามาในพื้นที่จำนวนมาก สันติบาลก็พยายามเจรจากับแกนนำเพื่อป้องกันเหตุรุนแรง เท่าที่ประเมินจำนวนไม่น่าเกิน 1,000 คน อย่างไรก็ตาม ได้ส่งตำรวจสันติบาลประจำจุดเข้าออกในพื้นที่ทุกจุดเพื่อจะได้ทราบความเคลื่อนไหวกลุ่มมวลชนอย่างที่ต่อต้านเพื่อจะได้ประสานงานและป้องกันเหตุวุ่นวายได้ทันท่วงที ทั้งนี้ แม้แผนการวางกำลังของทุกฝ่ายดูรัดกุมแต่ยอมรับว่าห่วงเกรงจะมีการปะทะกันของมวลชนที่ความเห็นต่างกันเพื่อสร้างเหตุวุ่นวายและสร้างข่าว ซึ่งตำรวจกำลังเจรจากับแกนนำอยู่เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปโดยสงบ

รายงานนายกฯ2กลุ่มต้าน-ไม่แรง

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า หน่วยงานด้านการข่าวและหน่วยงานด้านความมั่นคง ได้ประเมินสถานการณ์ด้านมวลชนในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ที่เตรียมเคลื่อนไหว และอาจมีผลต่อภารกิจการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 11 กรกฎาคมนี้ และส่งรายงานชิ้นนี้ให้นายกฯและผู้เกี่ยวข้องรับทราบ ระบุโดยสรุปว่า จะมี 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มต่อต้านรัฐบาล (เสื้อแดง-นปช.) แยกเป็นในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ จำนวน 1,000 คน และนอกพื้นที่ 5 กลุ่มรวมประมาณ 500 คน 2.กลุ่มที่จะยื่นหนังสือเรียกร้องเกี่ยวกับที่ดินทำกิน และปัญหาพืชผลทางการเกษตรจำนวน 5 กลุ่ม คาดว่าเมื่อยื่นหนังสือแล้วก็จะสลายตัวไป สำหรับในภาพรวมเชื่อว่าจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น (อ่านรายละเอียดหน้า 2)

ขนมวลชนป้อง”มาร์ค”จุดละ3พัน

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า นายสุเทพ เทือก สุบรรณ ได้รับทราบรายงานสถานการณ์ด้านการข่าวและเตรียมการรับมือแล้ว โดยนอกจากการประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคง ยังมีการประสานกับนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทยเจ้าของพื้นที่ โดยฝ่ายการเมืองในพื้นที่ ได้เตรียมจัดตั้งมวลชนมาทำหน้าที่สนับสนุน ปกป้องนายกฯ โดยกำหนดให้ประจำแต่ละจุดสำคัญๆ ที่นายกฯปฏิบัติภารกิจ จุดละ 2-3 พันคน และให้สวมเสื้อสีขาวหรือน้ำเงิน เพื่อป้องกันกลุ่มเสื้อแดงเข้ามาปะปนสร้างสถานการณ์ เพราะทราบมาว่ากลุ่มเสื้อแดงจะสวมเสื้อหลากสีเข้ามา รวมถึงมีการจัดมวลชนสนับสนุนไว้เป็นแนวกันชน เพื่อต่อต้านกลุ่มเสื้อแดงในวงนอก และตามเส้นทางต่างๆ ที่เข้าสู่จุดปฏิบัติภารกิจของนายกฯอีกด้วย โดยเบื้องต้นคาดการณ์จำนวนกลุ่มเสื้อแดงที่จะเข้ามาเคลื่อนไหวไว้ประมาณ 4,000 คน

วางแผนอพยพ”ผู้นำ”ไว้รับ”ฉุกเฉิน”

ในส่วนการเตรียมการต้อนรับนายอภิสิทธิ์ในพื้นที่นั้น ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ สั่งการให้สถานีตำรวจทุกแห่งบนเส้นทางมุ่งสู่ตัวจังหวัดบุรีรัมย์ตั้งจุดตรวจจุดสกัด ตรวจค้นรถยนต์ทุกคันอย่างเข้มงวด เน้นตรวจค้นอาวุธ หรือการขนผู้ชุมนุมเข้ามาก่อความวุ่นวายในช่วงที่นายกฯเดินทางลงพื้นที่ รวมทั้ง ผบ.ตร. และรอง ผบ.ตร.ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบมาตรการการเตรียมรักษาความปลอดภัยนายกฯ โดยวางแผนอารักขา ดูแลความปลอดภัยนายกฯและคณะอย่างเต็มที่ รวมทั้งเตรียมแผนอพยพผู้นำประเทศและบุคคลสำคัญออกจากจุดที่ลงพื้นที่ทั้ง 8 จุดที่จะลงพื้นที่ กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินหรือความวุ่นวายของกลุ่มผู้ชุมนุม

พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ได้เตรียมความพร้อมแผนดูแลความปลอดภัยนายกฯและคณะไว้หมดแล้ว โดยใช้กำลังตำรวจ ทหาร ประมาณ 4,800 นาย เป็นชุดรักษาความปลอดภัยทุกจุด ยอมรับว่ามีรายงานความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านหลายกลุ่ม แต่คงไม่หนักหนา ซึ่งตำรวจมีข้อมูลทุกกลุ่มแล้ว ส่วนกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินหรือเหตุการณ์รุนแรงบานปลาย ก็มีแผนอพยพผู้นำประเทศรองรับไว้พร้อมแล้วเช่นกัน

ตร.รายงาน”เนวิน”อาจแฝงตัวปาไข่

แหล่งข่าวจากผู้ใกล้ชิดนายเนวินแจ้งว่า ตลอดทั้งวันนายเนวินเรียกประชุมแกนนำชาวบ้านที่บ้านพักในตัวเมืองบุรีรัมย์ เพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจก่อนนายกฯลงพื้นที่ พร้อมกล่าวกับชาวบ้านว่า การมาของนายกฯเปรียบเสมือน “ช้างเหยียบนา พญาเหยียบเมือง” ประชาชนไม่ควรออกไปขับไล่ เพราะนายกฯมารับฟังปัญหา และนำงบฯมาพัฒนาพื้นที่ หากมีการรวมกลุ่มกันขับไล่ รัฐบาลก็อาจจะจัดสรรงบฯไปลงพื้นที่อื่นแทน จากนั้น นายเนวินได้สั่งการให้นายศุภชัย โพธิ์สุ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปเจรจากับกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยประมาณ 1,000 คนเพื่อขอร้องมิให้มาชุมนุม นอกจากนี้ยังมีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และ ส.จ.บุรีรัมย์ได้มารายงานสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงให้นายเนวินรับทราบ โดยระบุว่า นายโสภณ เพชรสว่าง อดีต ส.ส.นำเสื้อแดงมาตั้งเวทีหลายจุด เช่น อ.นางรอง เป็นการขนประชาชนมาจากนอกพื้นที่ ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบพยายามสกัดกั้นจนบางจุดเหลือเพียงเล็กน้อย

“นายตำรวจยังประเมินสถานการณ์ด้วยว่า กลุ่มเสื้อแดงอาจใส่เสื้อสีอื่นแล้วแฝงเข้ามาคราวละประมาณ 10 คน และมีแนวโน้มจะใช้ไข่ไก่และขวดขว้างปาใส่นายกฯ” แหล่งข่าวกล่าว

“แดง”ชี้แค่หาเสียง-เยียวยาเนวิน

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวว่า จะบอกว่าคนเสื้อแดงตามป่วนนายกฯคงไม่ใช่ เพราะประชาชนมีสิทธิไปที่ใดก็ได้ในประเทศไทย เรื่องนี้คนที่ไปป่วนน่าจะเป็นนายอภิสิทธิ์มากกว่า เพราะลงพื้นที่ก็มีตำรวจกว่า 4,000 นาย ไปรักษาความปลอดภัย ประชาชนก็ถูกเกณฑ์มาต้อนรับ ความจริงน่าจะอยู่ที่ กทม.มากกว่า ที่สำคัญมีโอกาสเสี่ยงติดหวัด 2009 ด้วย เชื่อว่าจะไปหาเสียงและเป็นการเยียวยานายเนวิน ในเรื่องที่ ส.ส.ในพื้นที่สอบตก

หน้า 1

Comments are closed.