หัวใจเปื้อนชอล์ก ตอน บ้านสวนน้ำว้า

วันพฤหัสบดีที่ 1  มิถุนายน  2566

หัวใจเปื้อนชอล์ก ตอน บ้านสวนน้ำว้า (เผยแพร่เมื่อ 27 สิงหาคม 2557)

พายุดีเปรสชัน ทำให้ฝนตกหนักตลอดทั้งคืน เพิ่งจะซาเม็ดไปเมื่อใกล้แจ้ง  ถนนหนทางชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำ พื้นถนนเฉอะแฉะเกรอกรังด้วยดินโคลนสีแดง  เสียงแม่ค้าหาบผักผลไม้ผ่านหน้าบ้านไปขายที่ตลาดเช้าบ่นกันพึมพรำ “ไม่รู้จะตกกันไปถึงไหน ตั้งแต่หัวค่ำจนสว่าง”  อีกคนแย้งว่า  “เมื่อวานแกยังบ่นอยู่เลยว่าร้อน  ถามหาฝนว่าเมื่อไรจะตกสักที”  “นั่นมันเรื่องเมื่อวาน ไม่ใช่วันนี้” มีเสียงสวนกลับ  “แกก็เป็นเสียอย่างนี้แหละ เถียงข้างๆคูๆ”  เสียงที่โต้ตอบกันค่อยๆเลือนหายไปเมื่อพวกเขาเดินผ่านเลยบ้านไปแล้ว  

 ผมและครูทวีกำลังจะย้ายออกจากบ้านครูใหญ่ไปเช่าบ้านอยู่ใหม่ ด้วยเหตุผลที่ว่าต้องการอยู่กันตามลำพัง มีอิสระและสะดวกสบายในการจะไปไหนมาไหน  อีกประการหนึ่ง เรารับราชการมีเงินเดือน  การที่จะไปอาศัยบ้านท่านอยู่ตลอดไปก็คงจะไม่เหมาะ  การที่ท่านอนุเคราะห์ให้อาศัยอยู่ในระยะแรกๆนั้น ก็ถือว่าเป็นบุญคุณที่ยิ่งใหญ่แล้ว ดังนั้นเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง เราก็บอกกับครูใหญ่ว่าจะไปเช่าบ้านอยู่ด้วยกันสองคน ท่านก็เข้าใจและไม่ว่าอะไร เรากะว่าจะขนย้ายกันวันนี้  แต่ถ้าฝนไม่หยุดอาจต้อง   โพซทโพน (postpone)

 “บ้านสวนน้ำว้า” เป็นชื่อบ้านเช่าที่ผมตั้งขึ้น เนื่องจากเจ้าของบ้านปลูกกล้วยน้ำว้าไว้เต็มสวน แต่ไม่มีเวลามาดู จึงค่อนข้างรก แต่ก็ร่มรื่นดีมาก บ้านสวนน้ำว้าเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ใต้ถุนสูง กลางเก่ากลางใหม่ หลังคามุงสังกะสี เมื่อเดินขึ้นบันไดจะเป็นระเบียง มีประตูเข้าไปยังห้องโถงต่อเนื่องไปยังห้องครัว ด้านข้างเป็นห้องนอนสองห้องติดกัน ส่วนห้องน้ำอยู่ข้างล่าง เนื่องจากบ้านปลูกอยู่ในสวน จึงกว้างขวาง สามารถทำอะไรเล่นได้อย่างสบาย ที่สำคัญอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนนัก เราจึงไม่ต้องรีบร้อนตื่นแต่เช้า ดูแล้วก็น่าจะเวิร์ค

 วันแรกที่เราเข้ามาอยู่บ้านใหม่นี้ ผมได้นำหลวงพ่อสัมฤทธิ์จำลอง วัดต้นสน อันเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของชาวบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ที่แม่ให้ไว้บูชา ทำหิ้งประดิษฐานไว้หน้าห้อง  ชวนครูทวีจุดธูปเทียนบอกกล่าวขอให้อยู่เย็นเป็นสุข ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ และอุปสรรคใดๆทั้งปวง

 เมื่อเรามาอยู่ได้สักสองสามวัน ผมเริ่มสังเกตเห็นว่า ประตูทางเข้าบ้าน ประตูครัว และหน้าต่างครัว ซึ่งมีอยู่บานเดียว ตรงกันพอดี ทุกครั้งที่เปิดประตูเข้าบ้าน  มองเข้าไปเห็นประตูครัวซึ่งเปิดอยู่ ผมจะรู้สึกแปลกๆบอกไม่ถูก หวิวๆอย่างไงชอบกล มันเหมือนมีอะไรซึ่งผมก็ไม่รู้ แต่ว่าไม่เห็นมี  ผมเริ่มเอะใจว่า บ้านหลังนี้มีลักษณะปิด คือ มีแต่ทางเข้า ไม่มีทางออก ไปตันอยู่ที่ห้องครัว และเนื่องจากเราไม่ได้ทำครัว  ผมจึงปิดประตูครัวไว้เสมอแต่ไม่ได้บอกครูทวี เพราะเป็นเรื่องที่ผมอาจจะหลอนไปเอง

 วันหนึ่งผมลงไปสำรวจบริเวณด้านล่างของห้องครัว ซึ่งเต็มไปด้วยต้นกล้วยน้ำว้า สิ่งที่ทำให้ผมไม่สบายใจก็คือ มีต้นกล้วยอยู่ต้นหนึ่งที่ขึ้นอยู่ตรงหน้าต่างครัวพอดี  มันไม่ใช่กล้วยน้ำว้า แต่เป็นกล้วยตานี

 ผมบอกกับตัวเองว่าคงอยู่บ้านนี้ไม่ได้  เพราะบ้าน ควรเป็นที่อยู่อาศัยพักผ่อนหลับนอนได้อย่างสบาย ไม่มีเรื่องที่ทำให้วิตกกังวลใดๆ ผมจึงพยายามหาที่อยู่ใหม่  ในระหว่างที่ยังอยู่ที่บ้านสวนน้ำว้านั้น ผมมักหลีกเลี่ยงที่จะอยู่บ้านคนเดียว จะอยู่ก็ต่อเมื่อทวีอยู่ด้วย หรือมีเพื่อนฝูงที่ชวนมาเล่นรัมมี่กัน ครูทวีน่าจะสังเกตพฤติกรรมประหลาดๆของผมได้

 วันหนึ่ง ขณะที่ผมและครูทวีนั่งรับประทานอาหารกลางวันที่โรงอาหารของโรงเรียน

 ครูทวีถามผมว่า “พี่สังคม พี่ว่าบ้านที่เราเช่าอยู่มีอะไรแปลกๆไหม?”

 “มี” ผมตอบโดยไม่ต้องคิด

 “มันมีอะไรแปลกชอบกล  จนรู้สึกกลัว ไม่ค่อยกล้าอยู่คนเดียว” ผมบรรยายต่อ

  “แล้ว ทวี ล่ะ  คิดว่าอย่างไร”  ผมถามบ้าง

 “ก็แปลกๆ”  ทวีตอบสั้นๆ  ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มก่อนที่จะพูดต่อ

 “มันเหมือนมีคนอยู่ในครัว”

 ผมและครูทวีมองตาอย่างรู้กัน สักครู่ครูทวีปรารภขึ้นว่า

 “พี่สังคม เราหาที่อยู่ใหม่ดีไหม?”

 “พี่ติดต่อไว้แล้วละ! ว่าจะบอกทวีอยู่พอดี”

 “อยู่แถวไหนครับ?”

 “คนละทิศกับบ้านหลังนี้ และใกล้โรงเรียนเข้าไปอีก” ผมชี้มือไปตามทิศทางของบ้านเช่าใหม่

 “ดี แล้วเราจะไปอยู่กันเมื่อไรล่ะ?” ครูทวีถามเพราะอยากรู้วันที่แน่นอน

 “เร็วที่สุด” คำตอบของผมทำให้สีหน้าของครูทวีสดชื่นขึ้น

 “ช่วงนี้เรามานอนที่โรงเรียนกันก่อนดีไหม?” ครูทวีออกความเห็น

 “ดี  ทวี พี่ก็คิดอยู่เหมือนกัน” …

 “เราจะไปทนกลัวอยู่ทำไม”

 ในที่สุดเราก็ย้ายมาเช่าบ้านอยู่ใหม่ ทั้งๆที่อยู่บ้านเก่าได้ยังไม่ถึงเดือน ที่บ้านเช่าใหม่ผมมีความสุขมาก อยู่อย่างสะดวกสบาย ปลอดภัยไม่มีปัญหา เพลิดเพลินเจริญใจจนลืมเรื่องบ้านเช่าเก่าไปเลย

 เย็นวันหนึ่ง ขณะที่ผมนั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน ครูทวีกลับมาจากทำงานพอดี และเล่าให้ผมฟังว่า

 “มีตำรวจกระโดดหน้าต่างห้องครัวตาย”

 ผมถามทวีว่า “ที่ไหน?”

  “บ้านเช่าเก่า”  ครูทวีตอบ

  “บ้านเช่าเก่าไหน?”  ผมย้อนคำตอบ

  “ก็บ้านสวนน้ำว้าของพี่สังคมนั่นแหละ มีตำรวจมาเช่าต่อจากเรา เพิ่งกระโดดลงมาจากหน้าต่างครัวเมื่อเช้านี้เอง ผมไปดูมาด้วยละ คนมุงกันเต็มเลย”

 ครูทวีเล่าต่อไปว่า “เห็นศพคว่ำหน้าอยู่ใต้ต้นกล้วยตานีพอดี สยองจริงๆ”

 ผมสะดุ้งและอึ้งไป   คิดในใจว่า “เราเกือบเสร็จมัน!”

………….

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *