เรื่องสั้น หัวใจเปื้อนชอล์ก “อิงอาศัยกัน” 2 (ตอนจบ)

legs

จิปาถะ

เรื่องสั้น หัวใจเปื้อนชอล์ก “อิงอาศัยกัน” 2  (ตอนจบ)

3

“นี่ พ่อวิญญาณ  ฉันอยากจะบอกอะไรเธอสักอย่างหนึ่งนะ  เธออาจจะลืมเลือนไปแล้ว”

“เรื่องอะไร”

“เรื่องอมตะ นะซิ  ความจริงมีอยู่ว่าความเป็นอมตะกับเวลานั้นมันคนละเรื่องกัน ถึงแม้วิญญาณของเธอจะเป็นอมตะ  แต่เวลาเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เวลาจะผ่านไปเรื่อยๆ และเวลานี่แหละที่จะทำให้ “วิญญาณ” หรือ “เธอ”แก่เพิ่มขึ้น  เช่นเดียวกับร่างกายฉันนี่แหละ   ดังนั้น เมื่อเธออยู่ไปนานๆ วันหนึ่งเธอก็จะแก่มาก และหาร่างกายอยู่ด้วยยาก เพราะไม่มีใครอยากร่วมหัวจมท้ายกับวิญญาณแก่ๆของเธอ  เธอเคยเห็นไม่ใช่หรือ เด็กๆ ที่มีวิญญาณคนแก่  แต่ละวันจะนั่งจับเข่าเจ่าจุก ไม่อยากเดินไปไหนมาไหนตั้งแต่อายุยังน้อย เวลาต้องไปไหนมาไหนที ซึ่งตามวัยก็น่าจะกระฉับกระเฉง แต่กลับเดินย็อกๆแย็กๆเหมือนคนแก่”

“พอเถอะ…พอเถอะ  เรื่องนี้ฉันก็ไม่ชอบฟังเหมือนกัน”

“ก็ได้ ฉันตามใจเธอทุกอย่าง”

ความเงียบเข้ามาปลกคลุม นานและนาน จนกระทั่งมีเสียงกระซิบบางเบาของวิญญาณ ถามร่างกายว่า “แล้วเราควรทำอย่างไรดี”

“ฉันว่า เราน่าจะอยู่อย่างอิงอาศัยกัน โดยนำคำสอนในพระพุทธศาสนามาใช้นะ”

“หัวข้อธรรมข้อไหนละ”

“ปฎิจจสมุปบาท”

“มันคืออะไร ไม่เคยได้ยินเลย ออกเสียงยากด้วย” วิณญาณรู้สึกงง

“ปฎิจจสมุปบาท เป็นหัวใจคำสอนในพระพุทธศาสนา  แต่ฉันคงอธิบายได้ไม่แจ่มแจ้ง  จะขอยกคำอธิบายของท่านพุทธทาสมาทั้งหมดเลยก็แล้วกันนะ เธอจะได้เคลีย”

“ดีเหมือนกัน”

4

“เรื่อง ปฎิจจสมุปบาท นี้ พุทธทาสท่านบรรยายอบรมผู้ที่จะเป็นผู้พิพากษา ไว้เมื่อปี 2503 หรือ 66 ปีมาแล้ว ท่านอธิบายว่า..“ปฎิจจสมุปบาท เป็นภาษาบาลีมาจากคำว่า “ปฎิจจ” หมายความว่า “อาศัย”  “สมุปบาท” หมายความว่า “เกิดขึ้นครบถ้วน” เมื่อนำมารวมกันแล้วแปลว่า “อาการที่มันอาศัยกันแล้วเกิดขึ้น” ซึ่งสามารถอธิบายเพิ่มเติมให้เข้าใจง่ายๆ และชัดเจนขึ้น คือ “ไม่มีสิ่งใดที่เกิดขึ้นได้และดำรงอยู่ได้ด้วยตัวมันเอง แต่ทุกสิ่งทุกอย่างต้องพึ่งพาอาศัยกันก่อนจึงจะสามารถเกิดขึ้นได้ หรือดำรงอยู่ได้”(อ้างจากมนตรี ภู่มี.2549 : 89)

“วิญญาณร้อง อ๋อ ! เข้าใจแล้ว สั้น แต่แจ่มแจ้งชัดเจนที่สุด”

“ที่ว่า อ่อ! นะ เข้าใจว่าอย่างไร” ร่างกายถาม

“เข้าใจว่าอย่างนี้  ไม่มีใครเกิดขึ้นและดำรงอยู่ได้ด้วยตนเอง แต่จะต้องพึ่งพาอาศัยกันจึงเกิดขึ้นได้ หรือพูดง่ายๆว่า  เพราะมีฉันจึงมีเธอ และเพราะมีเธอจึงมีฉัน ต่างอิงอาศัยซึ่งกันและกัน ดังนั้นต่อไปฉันคิดว่า เราควรจะอยู่อย่างพึ่งพาอาศัยกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกันจนกว่า จะแตกสลายไปข้างหนึ่ง”

“ฉันก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น”

“ไม่ต้องห่วง” วิญญาณ บังคับให้ร่างกายใช้นิ้วมือ 2 นิ้วยกขึ้นแตะที่ปลายคิ้วท่าทำความเคารพแบบลูกเสือ และพูดว่า “ลูกเสือมีเกียรติเชื่อถือได้ “ฉันสัญญา”

“ดีจ้ะ แค่นี้ฉันก็มีความสุขแล้ว  เออ! ฉันจะนอนแล้วละ” วิญญาณ

“ดี นอนเถอะ ดึกแล้ว พรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้าและกลับเข้ากรุงเทพฯ  ฉันจะพาเธอไปเดินห้าง หาซื้อไม้เท้าดีๆ สักอัน เพื่อที่เราจะได้ไปไหนมาไหนอย่างสะดวกสบายและมีความสุขมากขึ้น”

“โอเค จ้ะ ฉันก็อยากได้อยู่เหมือนกัน….ฉันจะนอนละนะ”

“นอนพักผ่อนให้สบายเถอะ  หลับให้ลึกๆ”

“ได้..เวลาฉันหลับแล้วเธออยากจะไปเที่ยวไหนก็ไปได้นะ  แต่อย่าผจญภัยนักล่ะ เพราะเมื่อเธอรีบกลับมาด่วน ฉันสะดุ้งตกใจ ฉันเหนื่อยและหายใจไม่ทัน”

“หลับให้สบายเถอะ คืนนี้ฉันไม่ไปไหนหรอก ฉันจะอยู่กับเธอตลอดทั้งคืน”

ร่างกายยิ้มน้อยๆที่มุมปาก หลับตา นึกถึงคำของเปาโล คูเอลญ.(2546: 187) “ชีวิตคนเราอาจสั้นหรือยาวก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราดำเนินชีวิตอย่างไร”  และหลับไปอย่างมีความสุข

“จบบริบูรณ์”

………

เปาโล คูเอลญ.(2546).กอบชลี และ กันเกรา แปล.เมืองทดสอบบาป (   The Devil and Miss Prym.).(2) กรุงเทพฯ : นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์ จำกัด.

มนตรี ภู่มี.(2549).ศาสตร์แห่งการเปลี่ยนแปลงเพื่อความสำเร็จ อี้จิง.กรุงเทพฯ: สำนำพิมพ์ดีเอ็มจี.

 

 

 

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *