จิปาถะ
ผู้อาจหาญต่อพระเจ้า
1
ณ ดินแดนอันไพศาลแห่งหนึ่ง ไม่มีมนุษย์โลกผู้ใดจะมีพลังความสามารถทำลายล้างศัตรูได้เทียบเท่ากับนางแต้ม ผู้ยิ่งยง แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่ก่อนหน้านี้ก็ยังต้องสยบเพียงสัมผัสด้วยวาจาอันหวานเจื้อยแจ้วของนาง ที่พ่นออกมาอย่างมีเลศนัย รวดเร็ว นุ่มนวล รุนแรง หนักหน่วง และแม่นยำ ราวกับ โรบินฮูด แห่งป่าเชอร์วู้ด วีรบุรุษนอกกฎหมายที่มีความเชี่ยวชาญในการยิงธนูที่แม่นยำ ความรวดเร็วของนางในการทำร้ายผู้อื่นเปรียบเสมือนสุนัขป่าบ้า กำลังไล่ต้อนกระต่ายน้อยเคราะห์ร้ายที่ตื่นตระหนก หรืออีกนัยหนึ่ง นักล่าสัตว์ที่พร้อมด้วยฝูงสุนัขไล่ล่ากำลังไล่ต้อนกวางเคราะห์ร้ายอย่างถึงพริกถึงขิง นางสามารถทำลายล้างศัตรูได้รวดเร็วฉับพลันยิ่งกว่าฝูงสุนัขรับใช้ไล่ล่าของนางหลายเท่านัก
2
ผู้คนต่างยกย่องในความสามารถของนาง เว้นแต่อิสระชนผู้ซึ่งพำนักอยู่ที่อาศรมศิลป์ ที่ขัดขืน ทำให้นางไม่สบอารมณ์นัก วันหนึ่งอิสระชนได้อัญเชิญจอมเทพให้เสด็จมาประทับ ณ อาศรมศิลป์แห่งนี้ เพื่อพักผ่อนหย่อนใจกับเหล่านางฟ้านางสวรรค์ ดังนั้น บริเวณดังกล่าวจึงเป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่าเป็นสถานที่ ที่ผู้อื่นไม่ควรละเมิด จึงไม่มีมนุษย์โลกหรือสัตว์ใดๆบังอาจที่จะเข้าไปในบริเวณอันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่รื่นรมย์สดใสบริสุทธิ์และตะหลบอบอวนไปด้วยกลิ่นเครื่องหอมนานาชนิด อันเป็นเครื่องหมายเตือนให้มนุษย์โลกหรือสัตว์ได้รับรู้ว่ามิบังควรกล้ำกรายเข้าไป พวกเขาจึงได้พากันหลีกผ่านเลยไปเสียทางอื่น ด้วยความเคารพบูชา
3
วันนั้น นางแต้ม ผู้ไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆทั้งสิ้น ได้เดินเข้าไปยังสถานที่ดังกล่าว นางไปยืนอยู่ที่ข้างต้นสมอ และลอบมองเข้าไป ขณะที่เหล่านางฟ้ารายล้อมจอมเทพที่กำลังจะสรงสนาน นางแต้มมองความเป็นไปโดยหาได้คิดไม่ว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เพราะนางไม่สามารถแยกแยะความถูกผิดได้อยู่แล้ว ทันใดนั้นนางฟ้าองค์หนึ่งได้เหลือบมาเห็นและส่งเสียงร้อง เมื่อจอมเทพเห็นนางแต้ม พระองค์ทรงบันดาลโทสะในความบังอาจของนาง พระองค์หันไปจะหยิบหอกเพื่อสังหารนางเสีย แต่เนื่องจากหอกอยู่ไกลเกินไป พระองค์จึงหยิบเหยือกน้ำสาดไปที่หน้านางแต้ม และร้องขึ้นว่า “ไปให้พ้น แล้วจงไปคุยโวโอ้อวดถึงความบังอาจของเจ้า หากสามารถทำได้”(30)
4
นางแต้มล้มลงที่พื้น ทันใดนั้นหูของนางก็ขยายใหญ่และยาวขึ้น ขนของนางงอกยาวออกมาปรกคลุ่มแขนขาและร่างกายของเธอ นิ้วมือและนิ้วเท้าเปลี่ยนเป็นกรงเล็บ และมีหางสั้นๆงอกออกมา และเมื่อนางวิ่งไปที่แอ่งน้ำก้มลงดูตัวเอง นางมองเห็นกระต่ายชราตัวหนึ่งที่กำลังตื่นตระหนก จึงวิ่งกระเจิดกระเจิงกลับไปยังที่อยู่ของตน
นางแต้มวิ่งมาพบกับฝูงสุนักรับใช้ของตนเอง นางรู้สึกตกใจมากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นเหล่าสุนัขที่หื่นกระหายเหยื่อ จึงวิ่งกลับไปกลับมาอย่างไร้ทิศทาง ฝูงสุนัขรับใช้เห็นนางแต้มผู้น่าสงสารกระโจนเข้าไปในร่างของกระต่าย พวกมันจึงกระโจนไล่ตามไปอย่างไม่ลดละ ไม่ว่านางแต้มจะวิ่งไปทางไหน วิ่งด้วยความเร็วเท่าใด ฝูงสุนัขรับใช้ก็จะวิ่งไล่ตามไปติดๆ
5
ช่วงนี้เองนางแต้มได้ย้อนกลับมาใคร่ครวญถึงความชั่วร้ายของตนเองที่เคยทำร้ายผู้อื่นด้วยความเพลิดเพลินเจริญใจที่ได้เห็นเขาเหล่านั้นประสบกับโศกนาฏกรรมของความเจ็บปวด ความกลัว ความสูญเสีย ความทุกข์โศก ทรมานกายใจ นางยังจำได้ว่า บ่อยครั้งที่นางได้กระตุ้นให้พวกฝูงสุนัขรับใช้เหล่านั้นจัดการกับศัตรูของนางโดยปราศจากความเมตตาปราณี
6
ในขณะที่นางแต้มวิ่งไปมาอย่างไร้จุดหมาย หัวใจของนางเต้นรัวเร็วด้วยความเหนื่อยอ่อน ในที่สุดนางก็ทรุดลงกับพื้น และฝูงสุนัขรับใช้ก็กระโจนเข้าขย้ำร่างของนางอย่างหิวกระหาย วิญญาณของนางหลุดลอยออกจากร่างกระต่าย ไปอยู่ ณ ดินแดนอันมืดมนอนธการนางได้รับความเจ็บปวด ความกลัว ความสูญเสีย ความทุกข์โศก ทรมานกายใจอย่างแสนสาหัส นี้คือวิบากกรรมและความเกรี้ยวกราดของจอมเทพ อันมีต่อมนุษย์โลกผู้ท้าทายอำนาจของพระองค์
(ปรับแต่งจากเรื่อง Diana and Actaeon)
….
มาร์กาเร็ต อีแวนส์ ไพรธ์. วัชรินทร์ อำพัน แปลเรียบเรียง.(2544).เทพนิยายกรีก. (6).กรุงเทพฯ: เรืองปัญญา.