จิปาถะ เรื่องสั้น โจรขโมยเงินเดือน (กอดคอกันติดคุก)

จิปาถะ  เรื่องสั้น โจรขโมยเงินเดือน (กอดคอกันติดคุก)

7

ไม่ว่าใครที่รู้เรื่องคดีของอธิการบดี มหาวิทยาลัยแถวฝั่งโขง ที่โดนคุกถึง 11 ปี 2 เดือน เนื่องจาก เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ หรือเจ้าของทรัพย์นั้น และเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใดผู้หนึ่ง หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีอนุมัติให้ยืมเงินสำรองหมุนเวียนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และอนุมัติให้กู้ยืมเงินสวัสดิการเพื่อการศึกษาแก่บุคลากรภายในมหาวิทยาลัยโดยมิชอบแล้ว ก็อดเป็นห่วงนางแต้มรักษาการอธิการบดีเถื่อน นายสุชี๋ นายกสภาฯ และพลกี๋ ทนายดีเด่น สามคู่แฝด รวมทั้งคนอื่นๆ ไม่ได้ว่า จะพากันติดคุกคนละสักกี่ปี  เพราะความผิดของกรณีมหาวิทยาลัยแถวฝั่งโขง กับกรณีของมหาวิทยาลัยสารขัณฑ์นั้นเทียบกันไม่ติด  สารขัณฑ์แสบกว่าเยอะ

มาฟังความคิดเห็นของผู้สันทัดกรณีดีกว่า  ท่านแรก  “คนดีที่ไม่มีความรู้ เรื่องกฎหมาย แต่ อาสาเข้ามา ปฏิบัติหน้าที่ เป็นผู้บริหาร ของมหาวิทยาลัย เมื่อได้กระทำผิด กฎหมาย โดยจะอ้างว่า ไม่รู้กฎหมาย หรือไม่มีเจตนา แต่เมื่อเกิดความเสียหาย แก่ทางราชการ แล้ว บุคคลผู้นั้น ก็จะต้อง รับผิดชอบ ต่อการกระทำนั้น ดังเช่น อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัย แห่งหนึ่ง ถ้าพิจารณาดูจากพฤติกรรมแล้วจะเห็นว่า อธิการบดีท่านนั้น ทำเพื่อประโยชน์ของบุคลากรและนักศึกษารวมทั้งการ ทะนุบํารุงศาสนาเสียด้วยซ้ำ แต่ต้องมารับโทษ จำคุก ถึง 11 ปีเศษ แต่สำหรับ รักษาการอธิการบดี ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของมหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ ซึ่ง กระทำการ ต่างๆ เป็นความผิด ชัดเจน ศาล ปกครองชั้นต้นพิพากษา ว่าขาดคุณสมบัติแล้วยัง ปฏิเสธ คำพิพากษาโดย ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครองชั้นต้น โดยอ้างว่า อยู่ในระหว่างอุทธรณ์ฎีกา ถ้าหาก เป็นผู้ที่เคารพกฎหมาย ก็ควรจะหยุดปฏิบัติหน้าที่รักษาการอธิการบดีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้วรอให้ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษา ตัดสินเสียก่อนถ้าหากผลการตัดสิน ออกมาว่า มีคุณสมบัติถูกต้องก็สามารถเสนอชื่อ เพื่อแต่งตั้งเป็นอธิการบดีต่อไป จึงจะถูกต้อง เทียบเคียงกับกรณีอดีต อธิการบดี ที่ถูกจำคุกในขณะนี้ ก็อยู่ในระหว่างอุทธรณ์ฎีกาเหมือนกัน แต่ตัวอธิการบดี ก็ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ฉะนั้น ข้ออ้าง ของสภามหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ และรักษาการอธิการบดีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่ว่าอยู่ในระหว่างอุทธรณ์ฎีกา แล้วจะมีสิทธิ เหมือน บุคคลปกติธรรมดา นั้น เป็นข้ออ้างที่ ใช้ไม่ได้ แสดงให้เห็นถึงเจตนา ที่จะกระทำผิด กฎหมาย โดยไม่มีความสำนึก หรือรับผิดชอบต่อส่วนรวมแต่ประการใดหรือจะเทียบเคียงกรณี สส.ที่ถูกศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุก2ปีโดยมิได้มีการรอลงอาญา และตัดสิทธิทางการเมือง10ปี ถึงแม้ว่าอยู่ในระหว่างการอุทธรณ์ ศาลรัฐธรรมนูญยังสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ สส.ระหว่างรอการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการที่จะเกิดขึ้นที่ ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสิน

สรุปว่าการที่สภามหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ ยังพยายาม ที่จะ ยืนหยัดปกป้อง ผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย ก็คือ ผู้รักษาราชการแทนอธิการบดีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ปฏิบัติหน้าที่ ต่อ โดย ไม่มีการ สั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ก็ขอให้เตรียมตัว และเตรียม เข้าไป อยู่ในเรือนจำกลางสุรินทร์ พร้อม ผู้รักษาราชการแทนอธิการบดีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็แล้วกัน

ส่วนอีกท่านหนึ่งแสดงความเห็นว่า “ผู้บริหารที่ให้บุคลากรไปราชการเกี่ยวกับงานบุญงานกฐินเป็นการใช้เงินผิดประเภท โดนคุกมาหลายคนแล้ว คนดีๆทั้งนั้น  ทั้งๆที่ใครๆก็ทำแบบเดียวกันแต่ไม่มีคนขุดคุ้ย คนพวกนั้นเลยรอดตัวสำหรับกรณีนี้น่าเห็นใจ

#แต่กรณีรู้ทั้งรู้ว่าผิดยังกระทำสิ่งที่ไม่มีอำนาจหน้าที่  ซ้ำก่อเรื่องอีกมากมายแบบว่า แผ่นดินเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียวนะเออ คิดไปก็น่าสงสารนะเหมือนคนป่วยที่ไม่มีใครช่วยได้ถ้าเกิดอะไรขึ้น ต่อจากนี้ไปก็เป็นเรื่องของผลกรรมที่ก่อไว้ คงต้องปล่อยไปให้ถึงที่สุดกรรมใครกรรมมันละกัน

ก็รอเลขที่ออกครับ ว่าคุกกี่ปี และกี่คน ครับผม

….

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *