จิปาถะ เรื่องสั้น โจรขโมยเงินเดือน (2 เด้ง)

จิปาถะ เรื่องสั้น โจรขโมยเงินเดือน (2 เด้ง)

13

มีนา จัน บอกว่า ทำไปทำมาผู้ที่จะโดนคุกก่อนใครอื่น น่าจะเป็นนายกสภาฯกรรมการสภามหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ แถมพ่วงเอาประธาน ก.อ.ม. เข้าไปด้วย คนนี้มีตำแหน่งเป็นกรรมการสภาฯด้วย ฉะนั้นจึงมีโอกาสโดน 2 เด้ง  เพื่อให้เห็นชัด ก็ต้องศึกษา พรบ. กับ ผู้สันทัดกรณี กันหน่อยนะ ครับผม

มาตรา 18 สภามหาวิทยาลัยมีอํานาจและหน้าที่ควบคุมดูแลกิจการทั่วไปของมหาวิทยาลัย

และโดยเฉพาะให้มีอํานาจและหน้าที่ดังนี้

 (9) แต่งตั้งและถอดถอนรองอธิการบดี,คณบดี,ผู้อํานวยการสถาบัน, ผู้อํานวยการสํานักและ

ผู้อํานวยการศูนย์,หัวหน้าส่วนราชการหรือหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่า

คณะ,ศาสตราจารย์เกียรติคุณ, รองศาสตราจารย์,รองศาสตราจารย์พิเศษ, ผู้ช่วยศาสตราจารย์,ผู้ช่วย

ศาสตราจารย์พิเศษ

มาตรา 33 ในกรณีที่ผู้ดํารงตําแหน่งอธิการบดีไม่อยู่หรือไม่ อาจปฏิบัติราชการได้ให้รอง

อธิการบดีเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามีรองอธิการบดีหลายคน ให้รองอธิการบดีซึ่งอธิการบดี

มอบหมายเป็นผู้ รักษาราชการแทน ถ้าอธิการบดีมิได้มอบหมายให้รองอธิการบดีซึ่งมีอาวุโสสูงสุด

เป็นผู้รักษาราชการแทน

ในกรณีที่ไม่มีผู้รักษาราชการแทนอธิการบดีตามความในวรรคหนึ่ง หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติ

ราชการได้หรือไม่มีผู้ดํารงตําแหน่งอธิการบดีให้สภามหาวิทยาลัยแต่งตั้งผู้มีคุณสมบัติตาม มาตรา

29 คนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทนอธิการบดีแต่ต้องไมเกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน

ตามมาตรา 18(9) และมาตรา 33 วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติ มหาวิทยาลัย ราชภัฏ 2547 เป็นอำนาจและหน้าที่ของสภามหาวิทยาลัย ที่จะต้องดำเนินการ ในเรื่อง การแต่งตั้ง และถอดถอน อธิการบดี และแต่งตั้ง รักษาการอธิการบดี ในกรณี ไม่มี รักษาการแทน อธิการบดี

ดังนั้น ตามเจตนารมณ์ของ พระราชบัญญัติ มหาวิทยาลัยราชภัฏ 2547 ให้ นายกสภามหาลัย และกรรมการสภามหาลัย มีคุณสมบัติ เป็นผู้มีความรู้ มีเกียรติยศ  มีวุฒิภาวะสูง และมีความรับผิดชอบสูง เพื่อปฏิบัติหน้าที่ ให้สมกับอำนาจและหน้าที่ ที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติ  จึงเป็นคณะบุคคล ที่มีอำนาจสูงสุดในการบริหารกิจการมหาลัยทั้งปวง แต่ปรากฏว่านายกสภามหาวิทยาลัย สารขัณฑ์ และกรรมการสภามหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ กลับมีคุณสมบัติตรงกันข้ามกับเจตนารมณ์ ที่กฎหมายกำหนดไว้ กล่าวคือ

1. กรรมการสภามหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ขาดความรู้ ในเรื่องกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ การออกคำสั่งสภามหาวิทยาลัยที่ผิดพลาด และบกพร่อง

 2. กรรมการสภามหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ ขาดความรู้ทางด้าน การเงินและงบประมาณ ทำให้การบริหารงบประมาณ เกี่ยวกับเงินเดือนและสวัสดิการของพนักงานมหาวิทยาลัย สร้างความเดือดร้อนให้แก่เจ้าพนักงานมหาวิทยาลัยเป็นจำนวนมาก

3.  กรรมการสภามหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายข้อบังคับและคำสั่งของผู้มีอำนาจ ตามกฎหมายจนเกิดปัญหา ทำให้มีผู้รักษาการแทนอธิการบดี ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย มาหลายปี

4. กรรมการสภามหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ ขาดจริยธรรมและธรรมาภิบาลมีพฤติกรรม ดื้อแพ่งไม่ยอมรับและปฏิบัติตาม คำตัดสินของศาลปกครองชั้นต้น ให้จ่ายเงินแก่พนักงานราชการ โดยถือว่ามีสิทธิ์ที่จะอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อน ของพนักงานมหาวิทยาลัย

5. กรรมการสภามหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ขาดจริธรรมและธรรมาภิบาล มีพฤติกรรมดื้อแพ่ง ไม่เคารพคำพิพากษาของ ศาลปกครองชั้นต้น ในกรณีที่ตัดสินว่า ผู้ที่ได้รับการสรรหาเป็นอธิการบดีนั้นขาดคุณสมบัติ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2560 และยังเจตนาช่วยเหลือให้ ผู้ที่ขาดคุณสมบัติปฏิบัติหน้าที่รักษาการอธิการบดีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายมาจนถึงปัจจุบันนี้ สร้างความเสียหายให้แก่ มหาวิทยาลัย เป็นเวลานาน

6. นายกสภามหาวิทยาลัย ขาดธรรมาภิบาลโดยออกคำสั่ง สภามหาวิทยาลัย เป็นเท็จ และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หลายกรณี

7. ประธานกรรมการอุทธรณ์และร้องทุกข์มหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ขาดธรรมาภิบาล โดยลงนามในหนังสือรับรองมติ ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นเท็จ

 8. กรรมการสภามหาวิทยาลัยบางคน เมื่อได้รับหนังสือร้องทุกข์ จากบุคลากรมหาวิทยาลัย ขาดจริยธรรม โดยไม่คำนึงว่าตนเองมี ตำแหน่งเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัย ซึ่งจะต้องตัดสินใจในเรื่องดังกล่าว และจะต้องรักษาความลับ ของผู้ร้องทุกข์ แต่กลับนำเอกสารร้องทุกข์ดังกล่าว ไปแสดงให้ ผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้ทราบ แนะนำเอกสารดังกล่าว ไป ฟ้องในฐานหมิ่นประมาท ต่อศาลสถิตย์ยุติธรรมหลายจังหวัด แสดงให้เห็นว่า กรรมการดังกล่าวขาดวุฒิภาวะ ไม่เหมาะที่จะเป็นกรรมการสภามหาลัยสารขัณฑ์ และเป็นความผิดทางอาญาตามมาตรา 157

 9. รักษาการ อธิการบดีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีความเหมาะสมที่ จะเป็นผู้บังคับบัญชา ไม่ว่าระดับใดในมหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ เพราะขาดธรรมาภิบาล ขาดคุณธรรม ขาดความเมตตาธรรมและ ขาดภาวะผู้นำ มีแต่จะสร้างปัญหาให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชา โดยการฟ้องร้องกล่าวโทษต่อศาลสถิตย์ยุติธรรม และตัวเองก็จะตกเป็นจำเลยเสียเองรวมแล้วหลายคดี จนสามารถเปิด ศาล เคลื่อนที่ในมหาวิทยาลัยสารขัณฑ์เพื่ออำนวยความยุติธรรมแก่คู่คดีได้ต่อสู้กันโดยไม่เสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปศาล

จากเหตุการณ์และพฤติกรรมทั้งหมด ที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ ดังกล่าวข้างต้นเป็นเรื่องจริง (ในเรื่องสั้น)ส่วนเรื่องหรือตัวละครจะไปตรงกับเหตุการณ์ของมหาวิทยาลัยอื่นบ้าง ก็ไม่ขอรับผิดชอบครับ จึงคิดว่า คงไม่มีคนที่ เป็นโรคจิต และสติแตกเชื่อมโยง ไปฟ้องหมิ่นประมาทอีกนะครับ เพราะสงสารคนฟ้องจะตกเป็นจำเลยเสียเองและกลัวว่าจะติดคุกจนตาย  555

….

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *