วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2564 (กรอบบ่าย

จิปาถะ เรื่องสั้น อีแสบ (จะร้อนรนทนไม่ได้)

20

ผู้สันทัดกรณีบอกว่า  “ที่กำแพงมณี ฝ่ายผู้เสียหายมีการเตรียมตัวมาอย่างดี ไม่ว่าการวางรูปคดี พยานหลักฐาน พร้อม ร้อยเปอร์เซนต์ แม้แต่วันที่จะฟ้องคดี ต้องรอเอาฤกษ์ วันดีด้วย ทำให้กองเชียร์มีความฮึกเหิม สังเกตุจากป้ายผ้า จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ไม่ติดตามรั้วแล้ว เพราะคุณปอรสิต เอาลูกน้อง มากรีดตอนดึกๆ ทำให้เสียสุขภาพ จึงหาที่ติดใหม่ที่อาคารสำนักงานอธิการเสียเลย ซึ่งทำให้เห็นชัดดี เป็นการท้าทาย”ดิฉันมาถูกต้องตามกระบวนการทุกอย่างคะ” ว่าอย่างไหน หนาและด้านกว่ากัน

ส่วนทั้ง 10 คน ไม่ต้องรีบร้อนจะเข้าคุก  ขอให้ทำใจร่มๆ เพราะเข้าไปแล้วต้องอยู่นาน ประมาณ 2 ปี จึงอยากให้ใช้เวลาที่เหลือตอนนี้ได้อยู่กับลูกหลานให้เต็มที่ เพราะถ้าเข้าไปแล้วจะไม่ได้เจอหน้าลูกหลานและครอบครัวเลย เพราะเรือนจำไม่อนุญาตให้เยี่ยมญาติ ตามมาตรการการป้องกันโรคโควิด 19 ระบาด ดังนั้นไม่ต้องพูดจาท้าทายประชาคม เดี๋ยวเขาจะไม่สงสาร

ผศ.ดร.ชลิดา ภัทรศรีจิรากุล : “ควรทำให้เป็นแบบอย่างการบริหารอย่างธรรมาภิบาล  แค่หลัก 6 ข้อ ยังปฏิบัติไม่ได้  แล้วจะอ้างความชอบธรรมได้อีกเหรอ  กระบวนสรรหาอธิการบดี  เขามีหลักเกณฑ์ คิดมาดีแล้ว เพราะคนเก่งคนดี เขาจะไม่อวดอ้าง แต่ใช้ผลงานเชิงประจักษ์ ประชาคมก็จะเลือกขึ้นมาเป็นผู้นำให้นาวาเขาแล่นฉิว แต่พวกคิดบิดเบี้ยวมาดัดแปลง ประชาคมเลือกมาอันดับ 1 ไม่เอา

ดันไปเลือกอันดัยสองหรือ อันดับสาม ที่ตัวเองชี้นำได้ เลยกลายเป็นลัทธิเอาอย่าง ทำเลียนแบบกันมาจนกลายเป็นเห็นดีเห็นงาม จนคล้อยตามกันไปว่า ดีแล้ว เหมาะสมแล้ว  เมื่อมีกลุ่มบุคคลที่ทนไม่ได้ มันหยามศักดิ์ศรี popular vote กันเกินไป  เรื่องเลยปรากฏคดีความหลายแห่งหลายที่  จนมีคดีความมากมายต่อเนื่อง  อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ในสถาบันการศึกษา สาเหตุก็อย่างที่พูดกันมาหลายรอบ  ขึ้นอยู่กับผีบ้านผีเรือนที่เฝ้าดูแล แต่สารขัณฑ์ก็อาถรรพ์นะ  ถ้าได้อยู่นานถึง10 ปี เมื่อไหร่  จะร้อนรนทนไม่ได้  มีอันต้องลาจากกันไป คอยดูละกัน

ผศ.ดร. La Ph : ขอให้ทฤษฎีและกระบวนการสืบทอดอำนาจในมหาวิทยาลัยไทยจงหมดไปเสียทีเถิด สาธุ เพื่อให้วงการศึกษาไทยพัฒนาได้อย่างมีระบบ มีธรรมาภิบาล ได้คนดีเข้ามาเป็นผู้บริหาร ไม่ใช่คนดีแต่ปาก…และขยันหารางวัลแบบ ม.บางแห่ง

…