จิปาถะ เรื่องสั้น อีเปรต (สำนึกกันบ้าง)

วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 

จิปาถะ เรื่องสั้น อีเปรต (สำนึกกันบ้าง)

30

คดีโจรปล้นเงินเดือนพนังงานมหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ 1.5/1.7 ซึ่ง ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษาให้นางแต้มจ่ายเงินที่หักไปคืนให้แก่พนักงานพร้อมดอกเบี้ย แต่นางแต้มอุทธรณ์ สุดท้าย ศาลปกครองสูงสุดพิพากษากลับคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น เป็นให้ยกฟ้อง ดังที่ทราบกันโดยทั่วไปนั้น

ผมรู้สึกผิดหวังกับคำพิพากษาดังกล่าว  ทั้งๆที่รู้อยู่ว่า ศาลนั้นพิพากษาคดีในแต่ละคดีอย่างละเอียดรอบคอบถี่ถ้วน ตามหลักฐานและคำฟ้องที่มีประเด็นให้วินิจฉัยแตกต่างกัน  ดังนั้น คดีที่คล้ายคลึงกัน แต่มีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ทั้งประเด็นที่ฟ้อง หลักฐาน สถานที่ บุคคล คำพิพากษาก็จะออกมาในลักษณะที่แตกต่างกันได้  ผมยอมรับในเรื่องนี้

แต่พฤติกรรมของนางแต้มและกรรมการสภามหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ ที่ฉ่อฉล ไหลลื่นยังกับปลาตีน ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิด และอยากให้พนักงานชนะ คิดดูซิครับ ก็อย่างที่คุณ Wilar Sp ว่า “หลายๆ ที่เริ่มจ่ายเต็ม แต่ที่นี่เริ่มจัดการคนฟ้อง” สำนึกดีไม่มีกันบ้างเลยหรืออย่างไร

ในขณะที่บ้านเมืองกำลังวิกฤติจากภาวะเศรษฐิจ เนื่องจากโรคภัยไข้เจ็บ ประชาชนเดือดร้อนกันทั่วหน้า รัฐเองก็พยายามทุกวิถีทางที่จะให้ทุกคนอยู่รอดปลอดภัยและอยู่ได้  มีมหาวิทยาลัยหลายแห่งที่ตระหนักในเรื่องนี้จึงเลิกหังเงิน 1.5/1.7  แต่มหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ของบ้านเรา มหาวิทยาลัยเพื่อการพัฒนาท้องถิ้นนะ! มหาวิทยาลัยที่ได้รับพระราชทานพระราชลัญจกรเป็นตราประจำมหาวิทยาลัย  จากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทำไมไม่สำนึกในเรื่องนี้กันบ้างเลยหรือ?…

ผศ.ดร.La Ph แสดงความเห็นว่า  “เคยเรียกสภาที่สารขัณฑ์ว่าเป็น “สภาเกาหลัง” หรือ “สภารีโมท” ตอนนี้อาจได้ชื่อใหม่อีกชื่อหนึ่งว่า “สภาหงำเหงือก” น่าจะเหมาะสมไม่น้อยเลย…”

ผศ.ดร.ชลิดา ภัทรศรีจิรากุล แสดงความเห็นว่า “ถ้าผู้ปกครองดี เข้าใจลูกบ้าน ต้องการให้เขาอยู่ดี กินดี ก็คงไม่เบียดบังไปเป็นอย่างอื่น การมีจิตเมตตา ใจบุญสุนทาน ไม่ต้องทำบุญกฐินใหญ่โต

เป็นแสนเป็นล้าน การช่วยเหลือ แบ่งปัน เท่านี้ก็ได้บุญมหาศาล จริงจริ๊ง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *