
วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2564
จิปาถะ เรื่องสั้น อีเถื่อน (คำสาปแช่ง 2)
19
วันนี้ พอดี ผศ.ดร.ชลิดา ภัทรศรีจิรากุล แสดงความเห็นเสริมมาว่า “เมื่อเช้าเพิ่งฟังข่าว มีคนส่งตลับใส่ดินคืนให้กับเจ้าหน้าที่ปราสาทหินพนมรุ้ง ให้นำดินไปคืนในองค์ปราสาท เหตุการณ์แบบนี้ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่ คนที่หยิบไป คงไม่ได้อ่านคำสาปแช่งที่เขียนไว้ด้านในปราสาท ช่างไม่รู้อะไร ขนาดก้อนหินเล็กๆด้านนอก มีคนหยิบไปก็ต้องรีบเอามาคืนแทบไม่ทัน ปราสาทหลังนี้สร้างตั้งแต่ พ.ศ.1500 ตามลัทธิศาสนาฮินดู #ข้อความนี้ต้องการสนับสนุนว่า การอวยพรก็ดี การสาปแช่งก็ดี เป็นเรื่องของพลังจิต สังเกต สิ่งศักดิ์ที่คนกราบไหว้บูชา ถ้ามีคนนับถือมาก ก็จะมีพลังจิตดี ของคนหมู่มากมารวมกัน ที่ช่วยให้คนไปขอพรประสบผลสำเร็จ ในทางกลับกัน ถ้ามีพลังจิตจากคนหลายๆคนรวมกันสาปแช่ง บุคคลผู้นั้น ก็อย่าคิดหวังว่าจะมีชีวิตที่ดีได้ #ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ https://www.dailynews.co.th/news/171007/
“อย่าว่าแต่ดินที่พนมรุ้งที่แอบเอากลับบ้านเลย แม้แต่ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ อเมริกายังต้องรีบส่งกลับมาเลยครับ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” (ส่งคืนมาเมื่อปี 2531)
อีกเรื่องหนึ่ง เมื่อปี พ.ศ. 2500 ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้มีผู้ร้ายซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมอยู่ด้วย ได้แอบเข้าไปขุดกรุวัดราชบูรณะที่กรมศิลปากรขุดค้างไว้ ปรากฏว่าได้สมบัติที่เป็นเครื่องทองไปเป็นจำนวนมาก รวมทั้งพระแสงขรรค์ชัยศรี แต่ด้วยคำสาปแช่งทุกคนก็ไปไม่รอด
“เล่ากันว่าโจรขโมยขุดกรุวัดราชบูรณะจำนวน 20 รายที่ถูกจับไปเพียง 8 รายนั้นส่วนที่รอด ไม่ได้มีชีวิตอย่างสงบสุขมีหลายรายที่เป็นพี่น้องกันและมาฆ่ากันเองเพื่อแย่งสมบัติ บางคนถูกฆ่าตาย เพราะถูกแย่งชิงสมบัติ บางคนยุบหลอมเอาทองไปขาย ได้เงินนั่งรถกลับอยุธยา รถตกหล่มกระเด็นตกลงมาจากรถ คอหักตาย
แม้ร้านทองที่รับซื้อและแปรสภาพเครื่องทองเกิดอัคคีภัย ร้านไหม้หมดทั้งหลัง มิหนำซ้ำบุคคลในบ้านก็มีอันเป็นต้องตายไปโดยไม่ปกติ เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นภายในปีเดียว แต่คนที่อยู่รอดมาคือหัวหน้าที่ควบคุมการขุดกรุในครั้งนั้นได้กลายเป็นคนวิกลจริตในที่สุด”
ที่มหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ ก็มีนางสาววัยดึกคนหนึ่ง วิกลจริต เหมือนกัน ไม่รู้ว่าไปทำอะไรมา หรืออาจวิกลจริตเพราะขนดินที่ขุดออกจากการก่อสร้างอาคารขับหายไปนอกมหาวิทยาลัยหลายเที่ยวก็ได้ “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่”
….