
วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคา 2565
จิปาถะ เรื่องสั้น สารขัณฑ์-กำแพง (ซอมบี้-ชวด)
23
เป็นอันว่า คณปอสิต หรือ คุณซอมบี้ ไม่รู้ใครตั้งให้ ชวด เป็นอธิการบดี เป็นได้แค่รักษาการอธิการบดีเท่านั้น เรื่องนี้ผู้สันทัดกรณีย้ำมาให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นว่า “เห็นหนังสือของ ก.อุดมศึกษา ด่วนที่สุด ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2564 ถึงนายกสภาแล้ว แต่ปรากฏว่าวันที่ 20 มกราคม 2565 ฝ่ายเลขาไม่สามารถนำเรื่องเข้าที่ประชุมได้ แสดงให้เห็นลางร้ายของคุณปรสิต และกรรมการทั้ง 10 คน ที่ถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาล ดังเหตุผลดังนี้
1.ก.อุดมศึกษาฯ ส่งเรื่องคืนนายกสภาฯ เพื่อให้ดำเนินการหาผู้ที่สมควรแต่งตั้งเป็นอธิการบดี แสดงว่าที่เสนอชื่อคุณปรสิตไปนั้นไม่สมควร
2.คุณปรสิต เป็นผู้ที่ไม่สมควรเป็นอธิการบดี ตั้งแต่ วันที่ศาลปกครองประทับรับฟ้องเมื่อวันที่ 8กรกฎาคม 2564 คือ ก่อนวันที่ 12 ธันวาคม 2564 ดังนั้น สภามหาวิทยาลัย ย่อมรู้หรือควรจะรู้ว่า คุณปรสิตขาดคุณสมบัติไม่สามารถที่จะเสนอชื่อเข้ารับการแต่งตั้งเป็นอธิการบดีได้ เนื่องอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองซึ่งคดียังไม่ถึงที่สุดดังนั้น คุณปรสิตสามารถรักรักษาราชการในตำแหน่งอธิการบดีได้ไม่เกิน 180 วันเท่านั้น คือ ถึง วันที่ 12 ธันวาคม 2564 ดังนั้น ตั้งแต่วันที่13 ธันวาคม 2564 เป็นต้นมา ก็เป็นรักษาราชการอธิการบดีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย(เถื่อน)
3.การที่หนังสือด่วนที่สุด ใช้เวลา 20 แล้วยังไม่สามารถเข้าสภาได้แสดงว่าทุกคนทำอะไรไม่ถูก เพราะเริ่มเห็นคุกรออยู่ข้างหน้าอีก 1 คดี
4.ที่ดีอกดีใจ ว่าศาลปกครองไม่มีคำสั่งให้คุ้มครองชั่วคราวแล้วสรุปว่าศาลยกฟ้องแล้วนับว่าเป็นความโง่เขลาเบาปัญญาของผู้ทรงฯฝ่ายกฎหมาย ขืนตีความแบบไม่รู้เรื่อง กรรมการสภา เตรียมตัวติดคุกกันได้เลย
5 ส่วนคดีอาญาที่ศาลยกฟ้องนั้น แทนที่ผู้ถูกฟ้องจะดีใจลิงโลดกลับซึมเศร้าหนักเข้าไปอีก เพราะรู้ตัวดีว่ามีเจตนาในการช่วยเหลือคุณปรสิตชัดเจน และรู้ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหาย
6.ฝ่ายโจทก์สามารถยื่น อุทธรณ์ได้ตามสิทธิมิได้กังวลแต่อย่างใด เพราะกรณีเช่นนี้ศาลอุทธรณ์และศาลฎีรับฟ้องว่าเป็นผู้เสียหายและพิจารณาคดีมาหลายคดีแล้วตัวอย่างคดีที่ จ.อุดรธานีหรือที่ จ.ขอนแก่น
สรุปแล้วงานนี้ คุณปรสิตหมดสิทธิจะได้รับแต่งตั้งเป็นอธิการบดีและเป็นรักษาการเถื่อนมาตั้งแต่ 13 ธันวาคม 2564 และกรรมการสภาฯ 10 คน ยังมีสิทธิติดคุกเหมือนเดิม แล้วจะตะแบงกันอย่างไรดีละ
ส่วน ผศ.ดร La Ph แสดงความเห็น ที่น่าสนใจมาก ว่า “ถ้าสภาฯหวังดีต่อมหาวิทยาลัยจริง ควรทำหน้าที่อย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมและยึดหลักธรรมาภิบาลเป็นที่ตั้ง โดยไม่ตัองกังวลถึงบุญคุณของบุคคลที่ดึงท่านเข้ามาเป็นกรรมการสภาฯ เพราะการได้ทำหน้าที่ที่ถูกต้องดีงามนับว่าเป็นความกตัญญูที่ใหญ่หลวงเพราะได้ทำคุณงามความดีตอบแทนประเทศชาติ ซึ่งสำคัญและยิ่งใหญ่กว่าการตอบแทนบุญคุณเพียงใครบางคน”
“เดี๋ยวนี้เขายังทำคุณงามความดีเพื่อตอบแทนประเทศชาติกันอยู่หรือ?”
….