susเรื่องสั้น หัวใจเปื้อนชอล์ก ตอน เผาหุ่น 2

sus

จิปาถะ
เรื่องสั้น หัวใจเปื้อนชอล์ก ตอน เผาหุ่น 2
3
“กมฺมุนา วตฺตติโลโก แปลว่า สัตว์โลกทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม” ถากถาง พูดตามอาจารย์
“ดี ถากถาง ท่องไว้ให้ขึ้นใจ”
“ครับอาจารย์”
“ผมอยากจะเปรียบปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้คือร่างกายของเรา ในปี 2531 นั้น ร่างกายของเราติดเชื้อ
คือ “เชื้อบ้าอำนาจและหลงตัวเอง” เชื้อระยำตัวนี้ระบาดมาจากที่อื่น มีความรุนแรงทำให้ร่างกายของเราได้รับความกระทบกระเทือนอย่างมาก แต่เนื่องจากร่างกายของเรายังแข็งแรง มีภูมิคุ้นกันดี จึงสามารถขจัดโรคร้ายนั้นให้สงบราบคาบลงไปได้”
4
“ส่วนในปีนี้ 2558” ผมว่าต่อ” โรคเก่า คือ โรคบ้าอำนาจและหลงตัวเองได้ฟื้นตัวขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง จากกากเดนเก่า แถมมีความรุนแรงมากกว่าเดิม เพราะได้พ่วงเอาโรคเย่อหยิ่งจองหองพองขน เอาแต่ใจตัวเอง นึกอยากทำอะไรก็จะทำในฐานะเป็นมือเป็นเท้าของโรค เป็นเหตุให้ร่างกายของเราซึ่งขณะนี้อ่อนแอมาก เพราะขาดภูมิคุ้มกัน เลยดูเหมือนว่าจะง่อยเปลี้ยเสียขา ทำท่าจะตายเอาดื้อๆ หมดปัญญาไม่รู้จะรักษาได้อย่างไร จึงอยู่กันไปวันๆเหมือนรอความตาย ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามยถากรรม”
5
“หมายความว่าอย่างไรครับ”
“หมายความว่าทุกคนตกอยู่ในสภาพสิ้นหวัง พยายามเอาตัวรอดไปวันๆ เพราะนางแต้มจะใช้ทุกวิถีทางกำจัดฝ่ายตรงข้าม ไม่มีใครกล้าจริงๆ นอกจากภัยมาถึงตัวเท่านั้น จึงจะฮึดสู้”
“ครับ เข้าใจแล้วครับ”
“เออนี่ ! ถากถาง ตอนนี้บรรยากาศของที่นั่นเป็นอย่างไรบ้างล่ะ”
“ตอบไม่ถูกครับ ดูสะลึมสะลือชอบกล เอาที่เขาแสดงความคิดเห็นไว้ใน จิปาถะ เรื่องสั้นหัวใจเปื้อนชอลก์ ตอน ความมืดบอด นะครับ มี 2-3 ช็อต”
“ได้ ลองอ่านให้ฟังซิ ถากถาง”
“ได้ครับ”
6
คนหนึ่งว่า : “เขาเรียกที่แห่งนั้นว่าเป็น”แดนสนธยา”
อีกคนหนึ่งว่า : “สิ่ง ที่เห็นไม่ใช่สิ่งที่เป็น!!!! เรื่องราวของ ความอยากได้ อยากเป็น ดัง ดี เด่น!!ยังไม่จบง่ายๆ…ยังมีหมูอีกหลายตัว รอขึ้นเขียง!!!!สนุกกับอำนาจและความบ้าอำนาจ….อย่างที่เราเคยได้ยินกันคือ บ้าหมู!!หรือ บ้าหมู่!!!นั่นแหละ?!?”
และคนเดียวกันนี้ว่า : “หมู พิการบางตัวไม่ได้มีความสามารถอะไรพิเศษ นอกจากได้ซากกากเดนบัลลังก์ที่เกิดจากข้อตกลงอันมีเลศนัย ระหว่างชนชั้นที่ใช้อำนาจต่อรองซึ่งเรียกว่า ขั้วใหม่-ขั้วเก่าซึ่งรวมๆน่าจะเรียกว่า ขั้วระยำ. ที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้เหล่าบริวาร หมู หมา กาไก่ และเวไนยสัตว์ทั้งหลาย ได้มีที่ยืนพ่นพิษให้กับชาวบ้านที่ตั้งใจทำงาน…ซึ่งต่อมาไม่นานเหล่า บริวารเหล่านี้ก็เริ่มคายสันดาน กัดกันเอง ขี่กันเอง ฟาดกันเอง เพราะไม่มีใครอิ่มเอมกับข้อเสนอเหล่านี้…เพราะทุกคนต้องการเป็นใหญ่ต้อง การได้อำนาจ จึงไม่รู้จักพอ ไม่รู้จักรอและไม่รู้จักหยุด!!!!ในที่สุด คนเหล่านี้ก็ได้ดิบได้ดีเชิดหน้าเชิดตาวงศ์ตระกูล…สมกับที่พ่อแม่ที่เคย เป็นบริวารได้นำมาฝากฝังไว้. นัยนัยว่า ลูกกูเก่งนะ?!?….ใช่!!!!ลูกมึงเก่ง!!!’เก่งจริงๆ!!!!เก่งเหมือนมึงเลย!!!!”
“ฟังแล้วน่าเป็นห่วงนะครับ สู้คนเดียว”
“ไม่ใช่ ถากถาง เขามีผมที่ยื่นอยู่เคียงข้างเสมอ”
……….

Comments are closed.