เรื่องสั้นหัวใจเปื้อนชอล์ก ตอน ท่องยมโลก (เกิดแต่กรรม)

fathers

จิปาถะ
เรื่องสั้นหัวใจเปื้อนชอล์ก ตอน ท่องยมโลก (เกิดแต่กรรม)
1
ความเงียบสงัดปรกคลุมไปทั่วบริเวณหมู่บ้าน ยามไล่ตีระฆังบอกเวลาตั้งแต่ต้นหมู่บ้านจนถึงท้ายหมู่บ้านบอกเวลาตีสอง เพิ่งจะเงียบเสียงไปไม่นาน ณ เวลานั้น แสงไฟฟ้าในหมู่บ้านทุกดวงก็ดับวูบลง ความมืดคืบคลานเข้ามาคลุกเคล้ากับความเงียบสงัดทั่วบริเวณหมู่บ้าน ไม่มีแม้แต่เสียงหรีดเรไรและเสียงกบเขียด
2
แม่นางแต้มหลับตาเพื่อให้คุ้นกับความมืดก่อนที่จะเลื่อนรถนั่งไปที่ประตูบ้านเมื่อมีเสียงเหมือนคนเดินไปมา
“นั่นใครน่ะ” เสียงแม่นางแต้มร้องถามขึ้นในความมืด
“พ่อเอง แม่” เสียงที่คุ้นเคยทำให้แม่นางแต้มสะดุ้งเล็กน้อย มีอาการหวาดกลัว แต่ไม่เชิงกลัว กลั้นใจพูดด้วยเสียงสั่นๆไปว่า
“พ่อมาทำไม กลับไปเถอะ แม่กลัว”
“ตอนพ่อมีชีวิตอยู่ไม่เห็นแม่กลัวพ่อเลย ตอนนี้พ่อตายแล้วแม่จะไปกลัวทำไม” พ่อนางแต้มอธิบายเหตุผล
“แล้วพ่อมาได้อย่างไรล่ะ” แม่นางแต้มถามแบบไม่เต็มปากเพราะยังไม่หายกลัว
“พ่อขออนุญาตท่านพญายมมาถามเรื่องลูกแต้ม เพราะเสียงสาปแช่งลูกทำให้หูพ่อร้อนฉี่ไปหมดแล้ว”..
“พลังสาปแช่งนี่มันยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเชียวรึ พ่อ”
“ยิ่งใหญ่มากแม่ มันเป็นพลังของความเกลียดชัง”….“พ่อบอกแม่แล้วว่า อย่าให้ลูกเบียดเบียนใคร เพราะมันเป็นกรรม”
ทั้งคู่เงียบเสียงไปในความมืด จากนั้นแม่นางแต้ถามว่า
“แล้วพ่อ ทำอย่างไรล่ะ ท่านถึงได้อนุญาตให้มา” แม่นางแต้มซักไซ้
“พ่อต้องทำงานหนักมาก ต้องทำความสะอาดห้องน้ำห้องท่า ทั้งของท่านพญายมและพวกเจ้าหน้าที่เป็นร้อยห้องพันห้อง กว่าท่านจะเห็นความดีและอนุญาตให้มาถามข่าวคราวลูกได้” พ่อนางแต้มอธิบายเชิงบ่น
“ทำไมพ่อถึงต้องยอมลำบากขนาดนั้น ไม่ต้องห่วงลูกหรอก แม่ดูแลเองได้”
“แม่อย่าพูดอย่างนั้นซิ เพื่อลูกพ่อจะลำบากอย่างไรพ่อก็ยอม”
3
“ลูกเป็นอย่างไรบ้างล่ะ แม่” พ่อนางแต้มถาม
“ก็มีแต่ทรงกับทรุด” แม่นางแต้มตอบ และอธิบายต่อไปว่า
“ได้พาลูกแต้มไปหาชีปะขาวท่านก็บอกว่าปอบเข้าสิงลูก แม่จะให้หมอผีรักษาก็กลัวหมอผีจะเฆี่ยนลูกด้วยหวาย ซึ่งแม่ทนไม่ได้”…
“ส่วนพวกทรงเจ้าเข้าผีก็บอกว่า ศัตรูสาปแช่ง พวกเขากำลังทำไสยขาวไสยดำอะไรทำนองนั้น”…
“พาไปหาพระท่านก็บอกว่าต้องใช้กรรมที่ลูกแต้มได้ทำไว้ และให้ปฏิบัติธรรม” แม่นางแต้มเริ่มคุ้นและอธิบายเรื่องยาวเหยียด
“แล้วแม่ให้ลูกปฏิบัติธรรมหรือเปล่าล่ะ” พ่อนางแต้มถาม
“ลูกแต้มจะปฏิบัติธรรมอย่างไรได้ เพราะเดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย เอาแน่นอนอะไรไม่ได้ บางวันลูกก็ไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย แปรงฟันก็ทำไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะแปรงฟันอย่างไร แม่ก็ต้องแปรงฟันให้ ลูกทำท่าเหมือนจะลืมอะไรไปหมดแล้ว บางวันตื่นขึ้นมาเห็นแม่ถามว่าเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่ มองไปที่พัดลมถามว่านั่นอะไร แม่นี้งงไปหมด สงสัยว่าลูกจะเป็นโรคอัลไซเมอร์” แม่นางแต้มหยุดครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดต่อไปว่า “บางทีก็จับโน่นถือนี่ชูขึ้นบอกว่าเป็นถ้วยรางวัลอะไรก็ไม่รู้ แม่ปวดหัวไปหมดแล้ว”…
“ที่น่าเป็นห่วงก็อยู่ที่ ลูกแต้มเดินเข้าออกห้องน้ำวันละหลายเที่ยว เท้าเปียกแฉะทั้งวัน แม่กลัวน้ำจะกัดเท้าลูก ต้องคอยเช็ดเท้าให้ แม่กลุ้มใจจริงๆ….เมื่อสองสามวันก่อนก็หายไปจากบ้าน บอกว่าไปเล่นกับเพื่อน ดีนะที่ 191 หาพบ ถ้าไม่พบก็ยุ่งแน่เลย” แม่นางแต้มระบายความคับข้องใจ
4
ณ เวลานั้น แสงไฟฟ้าในหมู่บ้านทุกดวงก็เปิดสว่างขึ้นตามปกติ ทำลายความมืดและความเงียบสงัดให้กระเจิงไป เสียงหรีดเรไรและกบเขียดร้องระเบ็งเซ็งแซ่ แม่นางแต้มเรียก “พ่อ..พ่อ” แต่ในความสว่างนั้น ไม่มีเสียงตอบ
เมื่อรุ่งอรุณมาถึง ที่ด้านในประตูทางเข้าบ้าน แม่นางแต้มนอนคอพับคออ่อนอยู่บนรถเข็นอย่างเหนื่อยอ่อน ช่างเป็นภาพของความทุกขเวทนาที่คิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลย นอกจากเกิดแต่กรรม
…..