เรื่องสั้น หัวใจเปื้อนชอล์ก ตอน วิบากกรรม

a goths

จิปาถะ

เรื่องสั้น  หัวใจเปื้อนชอล์ก ตอน วิบากกรรม

132

ถึงแม้นางแต้มจะเป็นผู้หญิง แต่นางก็เป็นคนกล้า ใจคิดจะสู้อยู่เหมือนกัน  แต่เนื่องจากนางเห็นพวกปีศาจมีเป็นจำนวนมาก ความกล้าก็หายไปจนหมด  คงเหลืออยู่แต่ความกลัว  นางจึงตัดสินใจหันหลังวิ่งกลับออกมาจากบริเวณอาศรมอย่างรวดเร็ว

แต่ช้าไปเสียแล้ว มีมือหนึ่งจับข้อมือนางไว้ นางพยายามจะสะบัดให้หลุด แต่มือที่จับนางนั้นแข็งแกร่งเหลือเกิน แข็งราวกับคีมเหล็กล็อกข้อมือไว้แน่น ไม่สามารถที่จะสะบัดให้หลุดได้ จากนั้นนางก็ถูกลากไปตามพื้นหญ้าและพื้นหินกรวดทรายขรุขระ  นางร้องเสียงลั่น ร้องให้คนช่วย “ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย” แต่เปล่าประโยชน์

133

ขณะที่ถูกลากถูลู่ถูกังอย่างไม่ปราณีมานั้น รองเท้าข้างหนึ่งของนางหลุดกระเด็นหายไป ความสำนึกที่ดีงามได้เกิดขึ้น  นางอยากสะบัดรองเท้าอีกข้างทิ้งไว้ด้วยกัน เผื่อคนอื่นจะได้เอาไปใช้ประโยชน์ได้  แต่สำนึกฝ่ายต่ำที่น่าอับอายแทรกเข้ามาแทน นางรู้สึกริษยาผู้ที่จะมาเก็บรองเท้าของนางไป “คู่ละตั้งเป็นพันสองพัน” นางคิดในใจ “ฉันไม่ควรทำอะไรโง่ๆแบบนั้น” นางจึงทนใส่รองเท้าข้างเดียวไป

ถึงตอนนี้ นางนึกถึงตำนานเทพเจ้ากรีก-โรมัน เรื่อง“เจสันกับขนแกะทองคำ”  วีระบุรุษของชาวกรีกโบราณ ซึ่งบันทึกไว้เมื่อราวศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตศักราช  ความตอนหนึ่งกล่าวว่า กษัตริย์ไอโอคัส แห่งกรีก ถูกเพลเลียส หลานชายชิงราชสมบัติไป  ดังนั้น เจสัน บุตรของเขาจึงถูก เพลเลียสไล่ล่า เพราะโหรได้ทำนายไว้ว่า เพลเลียส จะถูกฆ่าโดยพระญาติใกล้ชิด ผู้ที่จะฆ่าเขานั้นจะสวมรองเท้าข้างเดียว  ตั้งแต่นั้นมาเขาจึงสั่งให้ค้นหาคนใส่รองเท้าข้างเดียวไปทุกหนทุกแห่ง ส่วนเจสันถูกแอบเอาตัวไปซ่อนไว้ เมื่อโตขึ้น เจสันจึงเดินทางมาเพื่อขอราชสมบัติคืน ระหว่างเดินทางเจสันได้ช่วยอุ้มหญิงชราคนหนึ่งให้ข้ามแม่น้ำ ขณะที่เจสันกำลังข้ามแม่น้ำนั้น รองเท้าข้างหนึ่งของเขาหลุดหายไป  เจสันจึงใส่รองเท้าข้างเดียว นางแต้มนึกถึงตรงนี้ก็อดยิ้มกับตัวเองไม่ได้

134

ชายฉกรรจ์ในชุดดำสวมหมวกสาน รูปร่างสูงโปร่ง มีไฝที่ใบหน้าหลายเม็ด มีหนวดหยอมแหยมที่มุมปากและเคราสั้นๆแบบคางแพะที่ปลายคาง เขาสั่งให้ลูกน้องล่ามโซ่นางแต้ม และนำตัวไปขังไว้ในยุ้งข้าวจำลองข้างรั้ว จากนั้นก็ปิดกุญแจ

นางแต้มถูกผลักเข้าไปในยุ้งข้าวอย่างไม่ใยดี นางล้มลงใกล้กองขยะสกปรก กลิ่นเหม็นตุและอับคละคลุ้งตลบไปทั่วห้องจนทำให้นางสำลัก นางทนนอนนิ่งหอบแฮก..แฮกๆ อยู่อย่างนั้น  เหล่าชายฉกรรจ์ยืนมองเธออย่างสมเพช จากนั้นก็พากันเดินออกไป และใส่กุญแจประตูไว้อย่างแน่นหนา เมื่อพวกนั้นออกไปแล้ว นางแต้มเงยหน้าขึ้น ใบหน้าที่ซีดเซียวอาบนองไปด้วยน้ำตา นางค่อยๆคลานไปอยู่ที่มุมอีกด้านหนึ่งที่ดูสะอาดกว่า นั่งกอดเข่าเจ่าจุกหมดอาลัยตายยากอยู่เช่นนั้นอย่างน่าเวทนา

…….

องอาจ นิมิตกุล.(ม.ป.ป.).วรรณกรรมยุคแรกของโลก.(2).กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์พลอย.