เรื่องสั้น หัวใจเปื้อนชอล์ก ตอน วิบากกรรม

buchas

จิปาถะ
เรื่องสั้น หัวใจเปื้อนชอล์ก ตอน วิบากกรรม
130
“อาจารย์ครับ เล่าเรื่องนางแต้มต่อเถอะครับ”
“ไหนเธอว่ากลัวผี ทำไมให้เล่าเรื่องนี้อีกละ”
“กลัวอยู่ครับ แต่อยากฟังมากกว่า เพราะสนุกดี”
“ว่าไง จานจิน” ผมหันไปถามจานจิน
“ก็ดีครับอาจารย์ ผมอยากรู้เหมือนกันว่าดวงวิญญาณของนางแต้มถูกพวกนั้นจับไปได้อย่างไร”
“เธอเล่นให้เล่าให้หยุดกลับไปกลับมาอย่างนี้ทำให้งง เลยทำให้ขาดความต่อเนื่อง” ผมบ่น
“ถากถางรินเบียร์ให้อาจารย์แก้งงหน่อยซิ” จานจินบอกถากถาง และกำชับว่า
“เอาครึ่งแก้วพอ เดี๋ยวอาจารย์จะฟุ้งไปใหญ่”
ผมทำเป็นไม่ได้ยิน จับมือถากถางกดปากขวดเบียร์ลงรินเบียร์จนเต็มแก้ว ยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมด และเล่าว่า
131
“วันนั้นเป็นเวลาใกล้ค่ำ ฤดูร้อนกำลังย่างกรายเข้ามาแทนที่ฤดูหนาวที่ก็ร้อนพอๆกัน นางแต้มในชุดเขียวตัวโปรดเดินตรวจการไปที่บริเวณอาศรมเพียงลำพัง นางเหลือบมององค์พระศิวะมหาเทพด้วยหางตาอย่างเหยียดๆ เดินเลยเข้าไปที่ข้างต้นสมอใบสีเขียวเข้มสูงชะลูด คิดในใจ “เดี๋ยวเจ้าสมอต้นนี้ก็จะถูกโค่นลงมาทำเป็นถ่านหุงข้าวในไม่ช้า….ฮา! จะได้เลิกอาลัยอาวรณ์กันเสียที”
ทางด้านซ้ายมือเป็นกลุ่มรูปปั้นชาวนาที่พวกบ้าๆตั้งชื่อเสียโก้หรูหราว่า “กลุ่มประติมากรรมชาวนาไทย” เป็นรูปปั้นชาวนาหลายคนกำลังเดินไปทำนากันเป็นทิวแถวยาว นางแต้มแอบยิ้มอย่างกระหยิ่มเมื่อนึกถึงรถแม็คโครที่จะไถเจ้ากลุ่มรูปปั้นชาวนาบ้าบอคอแตกพวกนี้ให้ล้มระเนระนาดลงภายในพริบตา
ฉับพลันนั้น ร่างของนางแต้มก็สั่นสะท้านไปด้วยความกลัวและตื่นตระหนก ขนทุกเส้นลุกชันขึ้นมาทันที เมื่อมีเสียงโหยหวนและลมเย็นเยียบพัดวูบมาปะทะหน้านางอย่างแรง ฝุ่นฟุ้งตลบไปทั่วจนนางต้องหลับตา เมื่อฝุ่นจางลง นางแต้มลืมตาขึ้น นางมองเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดดำสามสี่คนเดินรี่เข้ามาหา นางแต้มคิด “ใช่แล้วเจ้าพวกปีศาจ ฉันรู้จักพวกแกดี
ไอ้พวกต่อต้านฉัน จะมาจับฉันใช่ไหม อ่า !ไม่มีวันเสียละ ฉันไม่ยอมให้จับหรอก ฉันยอมตายเสียดีกว่า ที่จะยอมให้พวกแกจับ”
…..