เรื่องสั้น หัวใจเปื้อนชอล์ก ตอน ท่องยมโลก 1

sleeps
จิปาถะ
เรื่องสั้น หัวใจเปื้อนชอล์ก ตอน ท่องยมโลก
1
หลังจากที่นางแต้มนอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวและไม่ยอมตื่นมาเป็นเวลานานถึง 4 วันเต็ม นางก็งัวเงียตื่นขึ้นมาด้วยท่าทางอ่อนเพลียอิดโรยอย่างเห็นได้ชัดใบหน้าที่ซีดเซียว ดวงตาที่โหลลึก เนื้อตัวที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อกาฬ สิ่งแรกที่นางถามหาด้วยเสียงที่แหบแห้ง ก็คือ “น้ำ” ร้อนเหลือเกินแม่ ..แม่..แม่..ขอน้ำ…น้ำ

คนในบ้านเมื่อรู้ว่า นางแต้มตื่นขึ้นแล้ว ทุกคนต่างตื่นเต้นไปตามๆกัน และพากันมาอออยู่หน้าห้อง บรรยากาศที่ซึมเศร้าและความวิตกกังวลของผู้คนในบ้านโดยเฉพาะแม่ที่ไม่เป็นอันกินอันนอน ค่อยๆคลี่คลายลงเหมือนกับยกภูเขาออกจากอก ซึ่งอาจทำให้สำนึกขึ้นได้เล็กน้อยว่า คนที่มีความเดือดร้อนและเป็นทุกข์นั้นมันเจ็บปวดมากน้อยขนาดไหน ส่วนความสับสนของข่าวลือที่ซุบซิบกันชนิดที่จับต้นชนปลายอะไรไม่ได้ก่อนหน้านี้นั้นก็เริ่มชัดเจนยิ่งขึ้น

เมื่อสี่วันที่แล้วนางแต้มนอนหลับและไม่ยอมตื่น พวกพี่น้องต่างวิตกกังวล และเงียบไปหมดไม่อยากให้ใครรู้ เพราะไม่แน่ใจว่านางจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร แม่ได้ให้ลูกสาวคนเล็กไปเชิญคุณหมอมาตรวจอาการ แต่ก็ไม่สามารถวินิจฉัยอะไรได้ บอกได้แต่เพียงว่าชีพจรอ่อนมาก ให้ระมัดระวัง คุณหมอเน้นว่า เธอมีอาการคล้ายคลึงกับนายจาน ใช้ดี นักศึกษาที่ป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อเร็วๆนี้ อย่างไรก็ตาม ได้มีการบนบานศาลกล่าวกันทุกแห่งทุกที่ที่มีคนแนะนำ เพื่อขอให้นางปลอดภัย

ส่วนที่ทำงาน ได้มีการซุบซิบนินทากันอย่างกว้างขวางเมื่ออยู่ดีๆนางแต้มก็หายไป ไม่มาทำงาน ไม่มีใบลา งานก็สะดุดไปนิดหนึ่ง เนื่องจากไม่ได้มีการมอบหมายงานการให้ใครทำแทนแต่อย่างใด ที่ลือกันหนักก็คือ นางกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราไปเสียแล้ว
ฝ่ายที่ชื่นชอบนางแต้มก็วิตกกังวลกันว่า มันจะเป็นอย่างไรต่อไป คนหนึ่งเปรยขึ้นในกลุ่มพวกเดียวกันว่า “เสียดายนะ งานกำลังจะไปดีเลย ผมไม่เคยเห็นสมัยไหนจะรุ่งเหมือนสมัยของเธอ”
อีกคนหนึ่งรู้สึกขัดหูกับความเวอร์ ทั้งๆที่เป็นพวกเดียวกัน ขัดขึ้นว่า “มึงเพิ่งมาทำงานได้ไม่ถึงปี มึงรู้ได้ไงว่า สมัยอื่นไม่ได้เรื่อง” ทำให้คนที่พูดว่างานกำลังจะไปโลด หน้าจ๋อย เงียบเสียงไปได้

ส่วนพวกที่เป็นฝ่ายตรงข้าม พากันดีอกดีใจ ยกมือไหว้ท่วมหัว ขอให้เรื่องนี้เป็นจริงเถอะ ให้มันนอนอยู่อย่างนั้นแหละ จะได้หมดเรื่องหมดราวกันเสียที เราจะได้เริ่มต้นกันใหม่ คนหนึ่งอาจจะแค้นมากกว่าใคร พูดว่า “มันเสร็จแน่ รอดก็ปาฏิหาริย์ละวะ”
บรรยากาศอึมครึมทั่วบริเวณสถาบัน ท้องฟ้าด้านทิศตะวันตกเมฆดำทะมึนบงบอกว่าจะเกิดพายุฝน ส่วนด้านทิศตะวันออกอากาศโปร่งโล่งสดใส เปรียบเหมือนกลุ่มคนสองฝ่ายที่ซุบซิบนินทากัน ฝ่ายหนึ่งซุบซิบกันอย่างหม่นหมองเศร้าสร้อยในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งเม้าท์กันอย่างสนุกสนานร่าเริงเบิกบานใจจนลิงโลด
(ยังมีต่อ)