เรื่องสั้น หัวใจเปื้อนชอล์ก ตอน เผาหุ่น

donsdonts

จิปาถะ
เรื่องสั้น หัวใจเปื้อนชอล์ก ตอน เผาหุ่น
1
“อยากให้อาจารย์พูดเรื่องการเผาหุ่นประท้วงในเหตุการณ์ที่นี่เมื่อปี พ.ศ. 2531 และเปรียบเทียบกับปีนี้ ครับ”
“นี่ถากถาง” ผมจะบอกให้ “อย่าได้อยากให้คนโน้นทำอย่างนี้ คนนี้ทำอย่างโน้นนะ เพราะเขาอาจจะไม่อยาก เธอนี่ทำตัวเป็นผู้บริหารไปได้”
“ครับ อาจารย์” ถากถางถามใหม่ “อาจารย์อยากพูดเรื่องเผาหุ่นประท้วงในเหตุการณ์ปี พ.ศ. 2531 เปรียบเทียบกับปีนี้ไหม ครับ”
“ต้องอย่างนั้น”ผมชมเชยถากถางและกล่าวต่อไปว่า “ก็อยากเหมือนกัน เพราะอายุมากแล้ว เดี๋ยวตายไปเสียก่อนก็จะไม่รู้เรื่องกัน”
“ดีครับอาจารย์ พวกเราจะได้รู้และเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต่อไปจะได้หาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก”
“โอเค ถากถาง” ผมหยุดนิดหนึ่ง ยิ้มน้อยๆ หายใจเข้าออกเบาๆ ยกถ้วยชาขึ้นดื่ม “ดื่มชาเพื่อดื่มชา” และถามถากถางว่า
“เธอฝึกตามลมหายใจบ้างหรือเปล่า”
“ทำอยู่ครับ อาจารย์”ถากถางตอบ
จากนั้นผมเริ่มเรื่องว่า
“ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นที่นี่ เมื่อปี พ.ศ. 2531 ระหว่างอาจารย์กับผู้บริหารนั้น เกิดขึ้นเพราะผู้บริหารซึ่งได้รับการแต่งตั้งมาจากส่วนกลาง บังเอิญท่านได้เป็นผู้บริหารครั้งแรก เป็นมือใหม่หัดขับ และท่านเข้าใจผิด คิดว่าเมื่อเป็นผู้บริหารแล้วจะเป็นอย่างเทวดา อยากทำอะไรก็ทำได้ตามใจ โดยไม่ฟังเสียงคนอื่น เรียกว่า “บ้าอำนาจ หลงตัวเอง” แต่เนื่องจากขณะนั้นพวกเรายังเป็นคนหนุ่มสาว หรือที่เรียกว่า ไฟแรง เมื่อได้ผู้บริหารที่บ้าอำนาจหลงตัวเองแบบนั้นมา พวกเราก็ต่อต้าน และก็ทำได้ดีเสียด้วย ทั้งนี้เพราะพวกเราเป็นข้าราชการ มีภูมิคุ้นกันดี และด้วยความรักสมัครสมานสามัคคีของพวกเรา ไม่นานผู้บริหารที่บ้าอำนาจหลงตัวเองก็ถูกย้ายออกไป แต่กว่าจะทำได้สำเร็จ พวกเราก็สะบักสบอมกันไปพอสมควร”
2
“ส่วนในปีนี้ พ.ศ. 2558 เราได้ผู้บริหารที่มาจากการสรรหา โดยกรรมการสภา ฯ ซึ่งก็พอๆกับที่ได้มาจากส่วนกลางนั่นแหละ จะต่างกันนิดหน่อยก็ตรงที่ว่า ก่อนที่จะได้ผู้บริหาร พวก หมู หมา กาไก่ หรือ เสือ สิงห์ กระทิง แรด มีโอกาสได้ สร้างข้อต่อรอง ทั้งที่เป็นเงินทองและตำแหน่งหน้าที่การงานกันอย่างถึงพริกถึงขิง กล่าวกันว่ามีมูลค่าการต่อรองค่อนข้างสูงทีเดียว….
สำหรับผู้บริหารที่กรรมการสภาฯเลือกมาก็ซ้ำรอยเดิม คือ เพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นครั้งแรก มือใหม่หัดขับเหมือนกัน เมื่อได้เป็นผู้บริหาร ก็คิดว่าตัวเองเป็นเทวดา อยากทำอะไรก็ได้ตามใจ จึงไม่ฟังเสียงของคนอื่น แถมมีแจ็ดแจ๋ น้องตัวแสบ มาจุ่นจ้านอีกคนก็เลยไปกันใหญ่ และเนื่องจากสภาพสังคมเปลี่ยนไป บุคลากรส่วนใหญ่เป็นพนักงานของรัฐ จึงขาดภูมิคุ้มกันที่ดี เข้ายากออกง่าย และที่สำคัญขาดความรักความสามัคคี พวกเขาจึงต้องทนอยู่กับผู้บริหารที่ห่วยแตกแบบตัวใครตัวมัน แต่นั่นแหละ อยากปลอบใจให้สักนิด” ผมเน้นเสียง “ผู้บริหารที่บ้าอำนาจหลงตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม สุดท้ายก็จะแพ้ภัยตนเองไปในที่สุด” ผมยกบาลีขึ้นมาสำทับ “กมฺมุนา วตฺตติโลโก แปลว่า สัตว์โลกทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม”
…..
ยังมีต่อ

Comments are closed.