จิปาถะ เรื่องสั้น หัวใจเปื้อนชอล์กตอน “ไม่สะใจโก๋ 4”
13
ฉันชื่อ น.ส. วดี เพื่อนๆมักจะเรียกฉันว่า “ดี” เฉย ซึ่งฉันก็ชอบ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ค่อยดีนักก็ตาม แต่คำว่า วดี นั้น แปลว่า รั้ว หรือกำแพง เพราะฉันแข็งแกร่งเหมือนกำแพง ฉันเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย สอนวิชาวาดเขียน ฉันมีเพื่อร่วมงานหลายคน บางคนก็ทำตัวซื่อบื้อ (ซื่อบื้อ = บื้อ,ทึ่ม,โง่ ) น่าเบื่อหน่าย ประจบสอพลอเจ้านายจนหน้าเกลียด ชอบชะเลียร์ ลิ้นจึงยาวมากขึ้นทุกวันจนเกือบถึงหู เป็นเบ้รับใช้ เช่น เจ้าบักหำเหลี่ยมน้อยและบักหำเหลี่ยมใหญ่ และอีกหลายๆคน เป็นต้น แต่บางคนก็น่ารักมากๆ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รักใครและห่วงใย แต่สำหรับผู้บังคับบัญชาของฉันนั้นฉันคิดว่า “โหลยโท่ย และทุเรศสุดๆ” แกชื่อนางสาวมาลาลี ไม่รู้แปลว่าอะไร ขี้เกียจหาความหมาย ชื่อเล่นคือ “แต้ม” ซึ่งอาจซ้ำกับคนอื่นๆ เพราะเป็นชื่อที่กำลังได้รับความนิยม
แกเป็นผู้หญิงสูงอายุหรือหญิงชรา หรือพูดง่ายๆว่ายายแก่นั่นเอง แกเกษียณอายุราชการแล้ว แต่โชคดีจากการใช้เล่ห์เหลี่ยม จิ๊บจ้อย ของแก จึงได้ทำงานต่อไปอีก แต่เป็นโชคร้ายของฉันและคนอื่นอีกเป็นจำนวนมากที่ต้องทำงานร่วมกับแก และต้องทนทู่ซี้ไปวันๆ จนกว่าแกจะหมดเวลาหรือเข้าโลงไป แต่แกอาจจะต่อไปอีกสมัยหนึ่ง เพราะแกได้ทำทางไว้อย่างแข็งแรงแล้ว ซึ่งพวกประจบก็จะปรีดาเพราะได้ใช้สีเดิม ไม่ต้องเปลี่ยนสีใหม่ สบาย ส่วนพวกที่ไม่ใช่พวกแก
ก็ต้องรับกรรมต่อ และจะแอบกระซิบเตือนกันในกลุ่มว่า “อย่าไปยุ่งกับแกนะ เพราะแกเป็นคนประเภทหน้าสิงห์ใจสิงห์ เนื่องจากเกิดราศีสิงห์ แกจะกัดไม่ปล่อย เหมือนปูทะเลที่ใช้ก้ามหนีบมือเราแล้วไม่ยอมปล่อย ยอมให้ก้ามหักคาติดมือไปเลย เท่านั้นยังไม่พอ หน้าแกยังมึนพอๆกับหมาบ้าขี้เรื้อนข้างกุฏิวัดอุตมิงค์ อ.บ้านแหลม เพชรบุรี อย่างไงอย่างงั้น “กระหลั่ว” จริงๆ (กระหลั่ว = เลว ไม่ดี)
14
ฉันจะเปรียบผู้บังคับบัญชาหรือนางแต้มของฉันให้ฟังก็ได้นะ แกเป็นเหมือนนางแม่มดมหัศจรรย์ ที่มาจากอำเภอเล็กๆ ชายทะเลฝั่งตะวันออกของประเทศไทยโน่น ดังนั้นอาจเรียกแกอีกชื่อหนึ่งก็ได้นะว่า “ยายผีทะเล” เสียงหัวเราะของแกจะดังแค้กๆ ฟังแล้วน่ารำคาญหู ดวงตาสีเขียวปัดเหลื่อมเหมือนสีปีกแมลงทับ และใบหน้าสีเดียวกันแต่สีอ่อนกว่าเล็กน้อย แต่ก็ยังดูเขียวปัดอยู่ดี เห็นแล้วรู้สึกสยองเหมือนเห็น แดรกคูล่า กำลังดูดเลือดจากเหยื่อ แกชอบทำเสียงเขียวขู่เพื่อนๆเสียด้วย นอกจากปากร้ายใจกระหลั่วแล้ว เธอยังปากเหม็นเหมือนแมวที่เป็นโรคผิวหนัง ขดหลุดร่วมเป็นหย่อมๆ ซึ่งตั้งแต่เกิดมาไม่เคยอาบน้ำแปรงฟันเลย ดังนั้น เวลาพูดจึงมีกลิ่นคลุ้งตะหลบอบอวนไปเป็นบริเวณกว้าง เหมือนกับอมคางคกตายซากที่คายออกมาเป็นกองพะเนินเทินทึก เธอมีลูกน้องเป็นลิงแบบเดียวกับพระรามในเรื่องรามเกียรติ์ ลิงพวกนี้ปราดเปรียวคล่องแคล่วในการแสวงหาประโยชน์ด้วยการประจบสอพลอ เป็นลิงวิเศษที่สามารถบินไปไหนมาไหนได้ด้วยปีกที่ยืมมาจากคนอื่นแล้วยึดเป็นของตัวเองโดยทำเป็นลืม แต่อย่างไรก็ตาม ฉันอยากได้เจ้าลิงจอมแสบพวกนี้มาไว้เป็นสัตว์เลี้ยงของฉันสักตัว แต่ฉันลังเลใจนิดหน่อยเพราะรู้ว่าลิงพวกนี้กินจุเหลือเกิน เป็นประเภทกินในชามตามองในหม้อ รูปร่างจึงน่าเกลียดน่าชังเสียไม่มีละ แต่ฉันก็อยากได้อยู่ดี ฉันจะเลี้ยงมันจนเชื่องดีแล้ว ฉันก็จะสอนให้มันบินโฉบไปโฉบมา และพุ่งดิ่งลงมาที่ยายผีทะเล ผู้บังคับบัญชาของฉัน ซึ่งกำลังสอนเรื่องซ้ำๆซากๆแบบ เอ๋อๆ และติ๊งต๊อง (ติ๊งต๊อง = คำแสลงโบราณ ไม่น่าจะหมายถึงโง่หรือปัญญาอ่อน เพราะบริบทของคำค่อนข้างจะน่ารัก ไม่รุนแรงเท่าไรนัก แปลว่าเพี้ยน ๆ ส่วน เอ๋อ =อาการหลง ทำอะไรไม่ค่อยถูก (ชื่อโรค เอ๋อ คือโรคปัญญาอ่อน ) พอแกเห็นเจ้าลิงโฉบลงมาเท่านั้นแหละ แกตกใจสุดขีดวิ่งหนีกระเจิดกระเจิงออกจากห้องหัวซุกหัวซุนและอ้วกแตกอ้วกแตน ส่งเสียงร้องกรี๊ดลั่นไปสามบ้านแปดบ้าน แต่ในที่สุดเจ้าลิงตัวแสบของฉันก็สามารถจับแกได้ และหิ้วกระต่องกระแต่งบินอยู่บนอากาศ วนสามรอบแบบการแสดงการบินของกองทัพอากาศ จากนั้นก็ปล่อยให้หล่นตุบลงบนพื้นดิน แขนขาหักไม่มีชิ้นดี และตั้งแต่วันนั้นมาฉันก็ให้สมญานามแกใหม่อีกว่า “ยายแต้มอ้วกแตก” ยายแก่งี่เง่าคนนี้ (งี่เง่า = โง่, ไม่มีเหตุผล, ใช้เป็นคำตำหนิ) น่าขยะแขยงและมีท่าทางแบบค้างคาวดูดเลือด”
……
(ยังมีต่อ)