เรื่องสั้น หัวใจเปื้อนชอล์ก ตอน ท่องยมโลก (เล่ห์เหลี่ยม) 8.2

dogs

จิปาถะ
เรื่องสั้น หัวใจเปื้อนชอล์ก ตอน ท่องยมโลก (เล่ห์เหลี่ยม)
8.2
หมู่เหวยเล่าต่อไปว่า “หวังฮองเฮานำเธอเข้ามาอยู่ในวัง จากนั้นได้พาเธอเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ซึ่งเธอได้ใช้ความงามและความเฉลียวฉลาดตลอดจนเสน่ห์ร้อยแปดมัดหัวใจฮ่องเต้ไว้ได้ และไม่นานพระสนมเซียวซึ่งเคยเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ก็ตกกระป๋องไปตามระเบียบ”
ลูกถามเธอว่า “เธอทำอย่างไร” เธอตอบว่า “ไม่ยาก เราต้องรู้ธรรมชาติของสามีเรา และปรนนิบัติเอาใจไปตามนั้น มีการผ่อนหนักผ่อนเบาไปตามบริบท” เธอเน้นว่า “มารยาหญิงนั้นโบราณว่ามีตั้ง 200 เล่มเกวียน นี่เพิ่งใช้ไปแค่เล่มเกวียนเดียวเท่านั้นเอง”
นางแต้มหันหน้ามาทางแม่ซึ่งนั่งฟังอยู่และพูดว่า “เธอฉลาดนะแม่นะ”
“จ้ะลูก แต่ลูกก็ฉลาดไม่แพ้นางเหมือนกัน” แม่แสดงความเห็นซึ่งทำให้นางแต้มยิ้มน้อยๆที่มุมปากยืดอกและคอขึ้นตามองบนเพดานห้องอย่างทะนง ใจจินตนาการไปตามเรื่อง จากนั้นจึงเล่าเรื่องของหวู่เหมยต่อ
หวู่เหมย เล่าว่า “ในปี ค.ศ. 652 เธอได้ให้กำเนิดพระโอรสองค์แรก ทำให้ฐานะของเธอดีขึ้น ได้เป็นถึงพระสนมเอก ซึ่งรองลงมาจากฮองเฮา ที่สำคัญก็คือ ตอนนี้เธอสามารถกำจัดพระสนมเซียวได้แล้ว คนที่เธอจะต้องจักการต่อไปก็คือ หวังฮองเฮา”
ลูกถามเธอว่า “ทำไมเธอจะต้องกำจัดหวังฮองเฮาด้วยล่ะ เขามีบุญคุณต่อเธอมากนะ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เธอจะขึ้นมาเป็นพระสนมเอกที่ฮ่องเต้โปรดปรานได้อย่างไร”
ก่อนที่หวู่เหมยจะตอบ ลูกได้ยกคำพูดของเธอว่า “พระเมตตาของฮองเฮาหม่อมฉันจะไม่ลืมเลย หม่อมฉันจะสวดมนต์ถวายพระพรแด่พระองค์ทุกคืน เพื่อตอบแทนพระเมตตาของพระองค์”
หวู่เหมยบอกว่า “เรื่องอำนาจกับบุญคุณนั้นมีความสัมพันธ์กันจริง แต่ก็เป็นคนละเรื่องกัน ก็ลองคิดดูซิ ถ้าไม่กำจัดฮองเฮา แล้วฉันจะขึ้นเป็นฮองเฮาได้อย่างไร และจะมีอำนาจได้อย่างไร” เธอย้ำว่า “บางเรื่องเราก็ต้องลืม”
“เธอก็คิดถูกนะลูก” แม่แสดงความเห็นเสริม “แล้วเธอจัดการกับหวังฮองเฮาอย่างไรล่ะ” แม่ถามลูก
เธอเล่าว่า “เธอก็พยายามหาช่องทางอยู่ และโอกาสนั้นก็มาถึง” เธอเล่าว่า “ในปี ค.ศ. 654 เธอให้กำเนิดพระธิดา ซึ่ง เกาจง ทรงโปรดปรานมาก วันหนึ่งหวังฮองเฮาได้เสด็จไปเยี่ยมเจ้าหญิงองค์น้อย ซึ่งมีพระชนมายุไม่ถึงเดือน เมื่อหวู่เหมยทราบว่าพระนางเสด็จมาแผนการร้ายก็เกิดขึ้น หลังจากเธอจัดการกับพระธิดาเธอแล้ว เธอก็รอให้ฮ่องเต้เสด็จมาหาและพาไปทอดพระเนตรพระธิดา ปรากฏว่าพระธิดาสิ้นพระชนม์ไปเสียแล้ว เมื่อเกาจง เห็นพระธิดาสิ้นพระชนม์ พระองค์ทรงกริ้วมาก ได้เรียกนางในมาสอบสวนก็ทราบว่าหวังฮองเฮาได้เสด็จมาเยี่ยม และเธอได้ถือโอกาสให้ร้ายว่า หวังฮองเฮาคงจะทำร้ายพระธิดาของเธอ ซึ่งหวังฮองเฮาไม่สามารถจะแก้ตัวอะไรได้ เพราะพระตำหนักชั้นในนั้น ไม่มีใครสามารถเข้าไปได้ และที่สำคัญ เกาจงฮ่องเต้ก็เชื่อตามที่เธอกล่าวหาเสียด้วย สุดท้ายหวังฮองเฮาก็ถูกปลดจากตำแหน่งรวมทั้งพระสนมเซียวด้วย ทั้งคู่ถูกนำตัวไปขังไว้ในห้องมืด ส่วนเธอก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นฮองเฮาสมความปรารถนา แต่เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อเธอทราบว่าเกาจงไปเยี่ยมนางทั้งสอง เธอได้สั่งให้โบยนางทั้งสองคนละ 100 ที และตัดมือตัดเท้า แล้วโยนนางทั้งสองลงในถังเหล้า หลายวันต่อมาเมื่อเห็นว่าทั้งคู่ยังไม่ตาย เธอก็บังคับให้เกาจงมีรับสั่งประหารชีวิตนางทั้งสองเสีย”
เธอเล่าว่า “เพื่อรักษาอำนาจไว้ เธอได้ฆ่าผู้คนไปเป็นจำนวนมาก รวมทั้งพระโอรสทั้งสองของเธอด้วย และเพราะกรรมของเธอ จึงได้ตกนรกมาแล้วหลายขุม และตอนนี้ต้องมาปีนต้นงิ้วอยู่อย่างนี้ มีพวกเจ้าหน้าที่ใช้หอกทิ่มแทง เจ็บก้นไปหมด และไม่รู้ว่าอีกกี่ปีกี่ชาติจะสิ้นสุดเสียที”
เธอยังหยอกลูกเล่นว่า “มาปีนต้นงิ้วเล่นด้วยกันซิ” ทำให้ลูกเสียวก้นแย่เลย และตอบเธอไปว่า “ก็ว่าอยู่”
เล่าจบ นางแต้มก็หัวเราะเอิ๊กอ๊าก ยกมือยกไม้พูดกับเพดานห้องว่า เรื่องที่ฉันเล่าให้แกฟังเป็นไง ฉันบอกแกแล้วไงล่ะ การที่จะได้อำนาจมานั้นต้องมีเป้าหมายชัดเจน เมื่อต้องโหดก็โหด หรือต้องฆ่าก็ฆ่า อย่ามาพูดว่าไม่มีสัจจะในหมู่โจร ให้เศษเงินไปจัดกิจกรรมเล็กๆน้อยๆเล่น ก็เป็นบุญแล้ว ซ่านักเดี๋ยวก็อดหรอก ฮ่าฮ่า ฮ่า!”
นางแต้มสงบเสียงลงเมื่อได้ยินเสียงแม่พูดด้วยเสียงสั่นเครือน้ำตานองหน้าว่า “ลูกจ๋า ลูกจ๋า พอได้แล้วจ้ะ ลูก”
……….

 

 

Comments are closed.