เรื่องสั้น หัวใจเปื้อนชอล์ก ตอน วิบากกรรม

girls

จิปาถะ

เรื่องสั้น  หัวใจเปื้อนชอล์ก ตอน  วิบากกรรม

174

วันต่อมา นางแต้มรู้สึกหงอยเหงาเศร้าซึม เพราะไม่มีเพื่อน นางคิดในใจว่า “ฉันคงจะเป็นคนแย่เอามากๆ จึงไม่มีใครคบค้าสมาคมด้วย หรือเพราะฉันเป็นคนเห็นแก่ตัว เอาแต่ใจตนเอง โมโหร้าย ที่สำคัญคือ ขาดความจริงใจกับเพื่อนฝูง นี่ฉันจะทำอย่างไรดี จะมีวิธีใดบ้างหนอที่จะสลัดเจ้าสิ่งไม่ดีเหล่านี้ออกไปให้ได้นะ” นางคิดเรื่อยเปื่อยไป ไม่รู้จะทำอะไร  จึงหยิบกล่องสีเทียนออกมาจากถุงก๊อบแก๊บ

นางหยิบกล่องสีเทียนมาถือไว้ และพยายามนึกหาเหตุผลว่า “เจ้าพวกนั้นมันส่งสีเทียนมาให้ฉันทำไม มันมีเลศนัยอะไรแอบแผงอยู่  หรือว่าภายในสีเทียนจะฝังไมโคชิพ ที่จะบันทึกเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในยุ้งข้าวนี้  แต่ทำไม่ได้หรอด สีเทียนไม่ใช่สิ่งมีชีวิต”  เมื่อนึกถึงตรงนี้นางก็ลุกขึ้น เดินมองหาสิ่งแปลกปลอมซึ่งอาจจะเป็นกล้องวีดีโอซุกซ่อนอยู่

“การย้ายฉันจากยุ้งข้าวหลังเก่ามาอยู่ยุ้งข้าวหลังนี้  อาจไม่ใช่เพราะสถานที่เก่าสกปรก อาจจะมีจุดประสงค์อย่างอื่นแอบแฝงอยู่ก็ได้”  ถึงตอนนี้ นางนึกถึงเมื่อครั้งเจ้าหมีแพนดาที่ถูกถ่ายทอดสด ให้ทุกคนจ้องดูพฤติกรรมของมันไปทั่วโลก ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีใครเคยสนใจและคิดโต้แย้ง เพราะสิ่งนั้นมิได้เกิดกับตัวเอง นางอดนึกไปถึงพฤติกรรมการขับถ่ายอันน่าทุเรศของนางซึ่งอาจถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกแล้วก็ได้

“ไม่มีกล้องซุกซ่อนอยู่หรอก” นางปลอบใจตัวเอง “พวกนั้นคงไม่ลงทุนถึงขนาดนั้น และคิดไม่เห็นว่าจะต้องมาศึกษาพฤติกรรมอะไรเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ เพราะเป็นเรื่องที่รู้ๆกันจนเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว จะมีแต่ไอ้พวกโรคจิตนั่นแหละชอบนำมาพูดนำมาเขียน”

อีกอย่างหนึ่ง นางยังเชื่อว่า ถึงพวกนั้นจะแย่อย่างไร  แต่นางก็ยังมั่นใจว่า คุณธรรมจริยธรรมของพวกนั้นยังมีอยู่ อาจจะเป็นแค่ข้าวสุกติดก้นหม้อ แต่ก็มี  ยิ่งเห็นประกาศว่าให้พวกในอาศรมระมัดระวังโพสต์ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม ซึ่งมีผลถึงคะแนน อาวุธสำคัญที่มีอยู่เพียงอย่างเดียวของครูที่ไม่เคยล้าสมัยและยังคงศักดิ์สิทธิ์อยู่เสมอ และจะใช้ถึงขั้นตกติดเอฟด้วย เพราะไม่ต้องการผลิตบัณฑิตที่ไม่มีสำนึกต่อสังคม ยิ่งทำให้นางมั่นใจ

175

นางหันกลับมาสนใจสีเทียนทั้งสองกล่องนั้นอีก มันเป็นสีเทียนแบบแท่งที่มีหลายสีสวยงามบรรจุอยู่ในกล่อง  สีเทียน เป็นอุปกรณ์ที่สร้างความสุขให้แก่เด็กๆ เป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาสามารถสร้างจินตนาการที่หลากหลายได้อย่างอิสระ เช่นเดียวกับหาดทราย สระน้ำ หรือ กระบะทราย  นางคิดเลยเถิดไปว่า  สีเทียนที่ส่งมาให้นางนี้ พวกนั้นน่าจะส่งไปให้เด็กปฐมวัยที่โรงเรียนสาธิตมากกว่า

เออ! นางแต้มรำพึง “ฉันเคยคิดที่จะซื้อสีเทียนให้พวกเด็กปฐมวัยพวกนั้นขีดเขียนเล่นบ้างหรือเปล่าหนอ คงไม่เคยหรอก เพราะฉันไม่มีลูก” คิดมาถึงตรงนี้นางบ่นพึมพำอย่างมีอารมณ์  “ไอ้พวกที่ปรึกษาบ้าๆบอๆ ของฉัน  ไม่เห็นมีใครเคยเสนอเรื่องดีๆอย่างนี้ให้ฉันรู้และนำไปปฏิบัติบ้างเลย ”  ความจริง สีเทียนโดยตัวของมันเองแล้ว มันก็เป็นแค่ขี้ผึ้งผสมน้ำมันกับสีและสารที่ทำให้จับตัวกัน แต่เมื่อเด็กๆเติมจินตนาการของพวกเธอลงไปเท่านั้นแหละ ก็เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์

มีคนพูดว่า สีเทียนคือ “ความสุขอัดแท่ง” ที่เป็นความปรารถนาของเด็กทั่วโลก มีข้อมูลเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วว่า บริษัทผู้ผลิตสีเทียนได้ส่งสีเทียนไปจำหน่ายในประเทศต่างๆทั่วโลกถึงปีละ 2,000 ล้านแท่น มาถึงตอนนี้ก็คงต้องคูณด้วยอย่างน้อยก็เลขหลัก 100 หรือหลัก 1,000 ขึ้นไปนั่นแหละ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะก้าวไปไกลแค่ไหน ฉันก็ยังเชื่อว่า ความสุขอัดแท่นนี้ ก็ยังคงเป็นความสุขของเด็กๆอยู่นั่นเอง”

(ยังมีต่อ)

 

โรเบิร์ต ฟูลกัม.สมพร วรรธนะสาร-วาร์นาโด แปลและเรียบเรียง(2536).ธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ตำหรับนายโรเบิร์ต ฟูลกัม.กรุงเทพฯ : มูลนิธิเด็ก.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *