พฤติกรรมผู้บริหาร

point  

พฤติกรรมผู้บริหาร

พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) (2557) กล่าวถึงความเมตตา กรุณา และมุทิตาไว้ในหนังสือ “ภาวะผู้นำ” ความตอนหนึ่งว่า “ในวงการงานตลอดจนการเป็นอยู่ทั่วไป เรื่องที่สำคัญมากก็คือ

  • เมื่อคนมีปัญหา มีทุกข์เดือดร้อน เช่นเจ็บไข้ได้ป่วย หรือยากไร้ขาดแคลน ก็ต้องมีกรุณาที่จะเอาใจใส่แก้ปัญหา
  • เมื่อมีคนประสบผลสำเร็จในการทำสิ่งดีงาม ทำให้อะไรต่ออะไรก้าวหน้าต่อไป ก็ต้องมีมุทิตาช่วยส่งเสริมสนับสนุน
  • แต่ในยามปกติก็ต้องไม่ปล่อยปละละเลย ต้องเอาใจใส่ต่อการที่จะให้เขาอยู่ดีมีสุข เช่น สุขภาพดี อยู่ในวิถีทางของความสุขความเจริญ การที่จะพัฒนาต่อไปต้องมีเมตตาปราณี

ถ้าปฏิบัติได้อย่างนี้ ก็จะทำให้กิจการงานและประโยชน์สุขที่มุ่งหมายพร้อมที่จะสำเร็จผลอย่างแท้จริง”( 37)       แต่ปรากฏว่า มีหน่วยงานหนึ่ง มิได้ปฏิบัติเช่นนั้น แต่ได้ปฏิบัตินอกลู่นอกทางไปเป็นอย่างอื่นจนเลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปหมด  ดังต่อไปนี้

  • เมื่อคนในหน่วยงานมีปัญหา

เมื่อบุคลากรในหน่วยงานมีปัญหาเดือดเนื้อร้อนใจ แทนที่จะใช้ความกรุณาช่วยแก้ปัญหาให้ลุล่วงไป แต่กลับสร้างปัญหาให้มากยิ่งขึ้นอีก สร้างความโกรธ ความเกลียด ขึ้นในหน่วยงาน ตัวอย่างเช่น มีอาจารย์ ดร.ท่านหนึ่งมีความทุกข์ร้อนเรื่องครอบครัว  ต้องการขอย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ราชการที่จังหวัดที่เป็นบ้านเกิด พ่อ แม่ ภรรยาและบุตร ซึ่งอาศัยอยู่ที่นั่น เพื่อครอบครัวจะได้อบอุ่น อยู่ใกล้พ่อแม่  จะได้มีโอการปฏิบัติรับใช้ อาจารย์ ดร.ท่านได้หาอัตรามาแลกเปลี่ยน  คำตอบก็คือให้ท่านไปไม่ได้ เพราะท่านเป็น ดร. ให้ไปแล้วจะเสียแต้ม (นางแต้ม)

  • เมื่อคนในหน่วยงาน มีโอกาสจะประสบผลสำเร็จ

เมื่อคนในหน่วยงานมีโอกาสที่จะประสบสำเร็จ เจริญก้าวหน้า ก็กลั่นแกล้งกรีดกัน ตัวอย่างเช่น ศูนย์การสอน   ภาษาไทย มหาวิทยาลัยภูมินท์ พนมเปญ ภายใต้แผนงานความร่วมมือทางวิชาการไทย กัมพูชา โครงการ   ความร่วมมือระหว่างสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศฯ ขอความร่วมมือให้ส่งอาจารย์ที่มีความรู้ภาษาไทยและสามารถใช้ภาษาเขมรได้ดี (ระบุชื่อมาพร้อม)  แทนที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่เพราะเป็นเรื่องความร่วมมือระหว่างประเทศ  แต่กลับตอบปฏิสธ โดยอ้างว่าอาจารย์ท่านนั้นมีวิชาสอนมาก ให้ไปแล้วจะขาดแคลนคนสอน  และที่สำคัญอาจารย์ท่านนั้นกำลังเรียน ป. เอก อยู่ เกรงจะทำให้เสียการเรียน (เขาจะเรียนได้หรือไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องของแก นาง เสือ.ก. เหลือง)

  • ในยามปกติ (ซึ่งมีเรื่องขัดแย้งกัน บางเรื่อกำลังดำเนินการอยู่ที่ศาล)

ผู้บริหารก็จะคอยหาวิธี กลั่นแกล้งกรีดกันผู้ที่เป็นฝ่ายตรงข้าม  แย่งหาประโยชน์ให้ตัวเองและพวกพ้อง  เช่น ไม่ยอมจัดชั่วโมงสอนให้ในวิชาที่ได้ร่ำเรียนมา   หาวิธีใช้งบประมาณไปในการเลี้ยงดูพวกพ้องกันเอง  ห้ามปราม ข่มขู่ไม่ให้ผู้ใต้บังคับบัญชารับรู้ข้อมูลข่าวสารจากสื่ออีเล็กทรอนิค  ตัวอย่างเช่น บางโพสต์ใน FB มีแต่คน “เห็นแล้ว”เป็นจำนวนมาก  แต่มีคนกล้ากด  “ถูกใจ” หรือ “แสดงความคิดเห็น” แค่ 2-3 ราย เท่านั้น (เขาว่ากันว่า ไม่อาจแสดงความคิดเห็นได้ เพราะแม่มันไม่อนุญาตอ่ะคร้าบบบบ)   เมื่อได้ปฏิบัติเช่นนี้เสียแล้ว  กิจการงานและประโยชน์สุขที่มุ่งหมายพร้อมที่จะสำเร็จผลอย่างแท้จริง จึงเป็นไปไม่ได้

เชื่อผมเถอะ อีกไม่ช้าก็ยิ่งลักษณ์ อย่างแน่นอน  เตรียมหาเรื่องหมาตายเห็บกระโดดมาอ่านเล่นๆไปได้แล้ว

อ้างอิง

พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) (2557).ภาวะผุ้นำ.พิมพ์ครั้งที่28.กรุงเทพฯ : มูลนิธิเปรียญธรรมสมาคมแห่งประเทศไทย.