นางมารร้าย VS นางแต้ม

goth

จิปาถะ
นางมารร้าย VS นางแต้ม
ผมเห็นถ้าจะต้องยอมรับอำนาจอันยิ่งใหญ่ของนางแต้มจริงๆเสียแล้วซิ เพราะปรากฏว่าผู้คนทั้งหลายมากมายต่างเกรงกลัวความน่าเกลียดน่าชังของนางไปตามๆกัน ดังโพสต์ที่ว่า “สงสารคนในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ แค่จะกด like ก็ยังไม่กล้า. น้องๆ ผมเขาเล่าให้ฟังว่า ถูกจำกัดเสรีภาพ. ช่างน่าสงสาร” ผมอ่านแล้ว แรกๆก็ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไร อะไรจะเกรงกลัวกันถึงปานนั้น จึงทดลองโพสต์ เข้าไปที่ FB อาจารย์มหาลัยฯ ซึ่งมีศิษย์ดูแลอยู่ ปรากฏว่าไม่มีใครกล้าแม้กระทั่ง “เห็นแล้ว” สักคนเดียว ขนาดลูกศิษย์ผมยังไม่กล้า “เห็นแล้ว” เลย นางแน่นอนจริงๆ

มีนิทานน่ากลัวเรื่องหนึ่งอยากจะเล่าให้ฟังเพื่อเปรียบเทียบดูใครจะน่ากลัวกว่ากัน
กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว มีคนตัดฟืนที่น่าสงสารคนหนึ่ง ภรรยาของเขามีนิสัยเลวร้ายมาก ชอบดุดาว่ากล่าวเขาต่างๆนาๆ เรียกว่าน่ากลัวสุดๆ ก็คงน้องๆนางผีเสื้อสมุทรนั่นแหละ พระอภัยฯถึงได้คิดหนี ความร้ายกาจของนางทำให้คนตัดฟืนแอบให้ฉายาว่า “นางมารร้าย”
ต่อมาไม่นาน คนตัดฟืนไม่สามารถทนอยู่กับภรรยาต่อไปไม่ได้ เขาจึงเตรียมสิ่งของเครื่องใช้เพื่อเดินทางไปอยู่ให้ไกลสุดโลก ขณะที่เดินออกจากบ้านไป ใจยังรู้สึกห่วงใยภรรยา นานๆเขาจะหันกลับมาดูสักครั้งหนึ่ง ก็เห็นว่าภรรยาเดินตามมาห่างๆ คิดในแง่ดีว่าเธอคงเป็นห่วง หรือไม่ก็มาดูว่าจะไปจริงหรือเปล่า เมื่อเขาเดินไปได้อีกระยะหนึ่ง เหลียวกลับไปดูภรรยา และเห็นว่านางกำลังเดินไปที่ปากหลุม ที่เขาเดินผ่านไปผ่านมาบ่อยๆ เขาจึงตะโกนว่าบอกนางว่าให้ระวังอย่าเดินเข้าไปเดี๋ยวจะตกลงไปในหลุม แต่ดูเหมือนว่ายิ่งห้ามเหมือนจะยิ่งยุ ภรรยาของเขารีบเดินจ้ำเอาๆ เลยหล่นลงไปในหลุม
คนตัดฟืน เดินกลับบ้านโดยไม่สนใจใยดีอะไรทั้งสิ้น คืนนั้นเขานอนหลับอย่างสบายอกสบายใจ เป็นสุขที่สุดตั้งแต่เขาแต่งงานมา

รุ่งเช้าเขานึกห่วงภรรยา จึงได้ไปที่หลุมและใช้เชือกหย่อนลงไป ปรากฏว่ามีสัญญาณให้รู้ว่ามีคนจับเชือก เขาดีใจมาก ค่อยๆดึงเชือกขึ้นมา ปรากฏว่าสิ่งที่ขึ้นมาไม่ใช่ภรรยาของเขา แต่เป็นปีศาจน่าเกลียดน่ากลัวตนหนึ่ง เขาทำท่าจะวิ่งหนี แต่ปีศาจได้ห้ามไว้ และกล่าวว่า “เจ้ามีบุญคุณต่อข้า ที่นำข้าขึ้นมาจากหลุม ข้าต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในหลุมนั้นเป็นเวลานาน แล้ว ยิ่งมาเจอนางมารร้ายที่หล่นลงมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ อยู่ด้วยเพียงคืนเดียวข้าก็แทบจะตายแล้ว ดังนั้นข้าจะตอบแทนบุญคุณเจ้า”

“แผนการก็คือ ข้าจะไปเข้าสิงลูกสาวของเจ้าเมือง จากนั้นนางก็จะป่วย และไม่มีใครรักษาให้หายได้ ถึงตอนนั้นให้เจ้าใช้ก้อนหินที่ข้าจะให้เจ้านี้ วางลงบนหน้าผากของนาง ข้าก็จะออกจากร่างนางไป นางก็จะหายเป็นปกติ เจ้าก็จะได้แต่งงานกับนาง”
กาลต่อมาทุกย่างก็เป็นไปตามที่ปีศาจว่าไว้ ลูกสาวเจ้าเมืองมีอาการป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ เจ้าเมืองป่าวประกาศว่า ถ้าใครสามารถรักษานางให้หายได้ จะยกบ้านเมืองให้ครึ่งหนึ่ง และถ้าเป็นชายก็จะยกลูกสาวให้ด้วย
เมื่อทราบประกาศ คนตัดฟืน จึงเดินทางไปรักษานาง เมื่อเขาเอาก้อนหินวางบนหน้าผากนาง ปีศาจก็ออกจากร่างไป นางก็หายเป็นปกติ ทั้งคู่จึงได้แต่งงานกัน

เรื่องยังไม่จบครับ ปีศาจออกจากร่างลูกสาวเจ้าเมืองแล้วได้ไปเข้าสิงลูกสาวของเจ้าเมืองอีกเมืองหนึ่ง จำเป็นที่คนตัดฟืนจะต้องไปรักษา แต่คราวนี้ไม่ได้ผล เพราะปีศาจไม่ยอมออกจากร่าง อ้างว่าบุญคุณที่มีต่อกันนั้นหมดไปแล้ว ปีศาจขู่ว่า “หากเจ้าขืนขับไล่ข้าไป ข้าจะพาลูกเจ้าเมืองและภรรยาของเจ้าไปด้วย”
คนตัดฟืนไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงปรารภกับปีศาจว่า “การที่ข้ามาที่นี่ มิใช่เพราะอยากได้ลูกสาวเจ้าเมืองคนนี้ ถ้าเจ้าอยากได้ก็ตามใจเจ้า ข้าไม่ขัดข้อง”
โอ! ปีศาจอุทานด้วยความสนเท่ห์ “ถ้าท่านไม่ต้องการลูกสาวเจ้าเมืองคนนี้แล้วเจ้ามาทำไม”
คนตัดฟืนไม่ตอบ คู่หนึ่ง เมื่อนึกอะไรขึ้นได้ ก็กระซิบที่ข้างหูปีศาจว่า
“เจ้าจำหญิงที่ตกลงไปในหลุมได้หรือไม่”
ปีศาจเมื่อได้ยินคนตัดฟืนพูดถึงหญิงคนที่อยู่ในหลุมด้วยกันก็ตัวสั่น
คนตัดฟืนกระซิบกับปีศาจต่อไปว่า
“หญิงคนนั้น นางเป็นภรรยาข้าเอง ขณะนี้ขึ้นมาจากหลุมแล้ว และกำลังตามหาข้า เสียงนั่น เจ้าได้ยินไหม
นางกำลังเดินมาที่ประตูโน่น”
เท่านั้นแหละ ปีศาจก็กลัวแทบจะขาดใจตาย มันรีบเผ่นออกจากร่างของลูกสาวเจ้าเมืองทันที
หนีไปจากเมือง หนีไปจากนครหลวง หนีไปจากอาณาจักรนี้ หนีไปสุดหล้าฟ้าเขียว และไม่มีใครเคยเห็นหรือเคยได้ยินข่าวเจ้าปีศาจนี้อีกเลย
คำถามก็คือ นางมารร้ายกับนางแต้มใครจะน่ากลัวกว่ากัน
….
อ้างอิง
พร พิทยา.(ม.ป.ป.).นิทานเพื่อนใจ.กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์บรรณาคาร.

 

 

 

 

Comments are closed.