วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ 2564
จิปาถะ เรื่องสั้น โจรปล้นเงินเดือน (คำพยากรณ์)
4
การพยากรณ์ หรือ การทำนาย เป็นศาสตร์ที่เกี่ยวกับการคาดการณ์ล่วงหน้าถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยใช้วิชาความรู้ในศาสตร์นั้นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกัน รวมทั้งข้อมูลและกระบวนต่างๆ เช่น การคำนวน การคาดคะเน การสังเกต ฯลฯ เพื่อทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นให้แม่นยำหรือใกล้เคียงที่สุด เช่น การพยากรณ์อากาศ การพยากรณ์ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ การพยากรณ์โชคชะตา หรือ โหราศาสตร์ เป็นต้น การพยากรณ์ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา มีทั้งแม่นยำบ้าง คลาดเคลื่อไปบ้าง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อมูล เครื่องมือที่ใช้และความรู้ความสามารถของผู้พยากรณ์ เช่น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงคำนวนว่า วันที่ 18 สิงหาคม 2411 จะเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงได้อย่างแม่นยำ เป็นต้น
ในสงครามโลกครั้งที่ 2 การยกพลขึ้นบกที่นอร์ม็องดี ประเทศฝรั่งเศส ที่เรียกกันว่า “ดีเดย์” ของพันธมิตร “ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 1944 นั้น ได้ใช้การพยากรณ์อากาศลวงฝ่ายเยอรมนีให้เข้าใจผิดในวันที่และสถานที่การยกพลขึ้นบกหลักของฝ่ายพันธมิตร ลมฟ้าอากาศในดีเดย์ นั้นห่างไกลจากอุดมคติ แต่การเลื่อนออกไปจะหมายถึงความล่าช้าอย่างน้อยสองสัปดาห์ เพราะนักวางแผนการบุกครองตั้งเงื่อนไขเกี่ยวกับเฟสของดวงจันทร์ น้ำขึ้นลง และเวลาของวันซึ่งหมายความว่า มีไม่กี่วันในแต่ละเดือนเท่านั้นที่พิจารณาว่าเหมาะสม”(วิกิพีเดีย)
ในวรรณคดีเรื่อง “สามก๊ก” ตอน “เผาทัพเรือโจโฉ” ขงเบ่ง เล่าปี ซุนกวนและจิวยี่วางแผนเผา กองทัพเรือของโจโฉที่ยกมาตีเมืองเกงจิ๋ว ขงเบ้งได้ขึ้นไปบนยอดเขาและทำพิธีเชิญเทพยดาเพื่อเปลี่ยนให้ลมพัดไปทางทัพเรือโจโฉเพื่อทัพเรือจิวยี่จะได้เผาทัพเรือของโจโฉได้ด้วยอาศัยแรงลม เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าขงเบ้งใช้วิชาการพยากรณ์อากาศมาช่วยในการรบ แต่ที่เป็นการเชิญเทวดานั้นเพราะเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น
มีเสียงถาม: “แล้วมันเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยสารขัณฑ์อย่างไรล่ะ ท่านคม หักศอก”
“เกี่ยวซิ เอาคร่าวๆนะ เพราะมันเป็นปรากฏการณ์ที่บ่งบอกบางสิ่งบางอย่างที่จะเกิดขึ้น กล่าวคือ ในวันที่ 28 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา เป็นวันที่ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาคดีนางแต้ม รักษาการอธิการบดีที่ไม่ชอบด้วยกฏหมาย ม.สารขัณฑ์นั้นเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งมีนัยว่า ข้างขึ้นกำลังจะหมดไป ข้างแรมจะตามมา ดวงจันทร์ที่เต็มดวงในวันนั้น จะค่อยๆกลายเป็นจันทร์เซี้ยว รูปปิ่นปักผมขององค์พระศิวะ มหาเทพผู้ทำลายล้าง ซึ่งพระองค์สถิตอยู่ ณ ภาควิชาศิลปะ ที่นางแต้มพยายามจะทุบทำลาย เป็นนัยที่แสดงให้เห็นว่า ความชั่วร้ายทั้งหลายของที่นั่นกำลังจะถูกทำลายล้างให้สูญสิ้นไป และเมื่อผ่านวันแรม 15 ค่ำ ข้างขึ้นก็จะกลับมาใหม่ แต่คราวนี้จะสุกสว่างสดใสเป็นมงคลตลอดไป เริ่มตั้งแต่วันตรุษจีนเป็นต้นไป”
มีเสียงพูดว่า “หมอเดา ไม่ฟังแล้วละ แกมันโม้”
….