จงเป็นม้าอารีแต่อย่าเป็นม้าอัปรีย์

horse
จิปาถะ

จงเป็นม้าอารีแต่อย่าเป็นม้าอัปรีย์

สมชาติ ทะนง เล่าว่า เพื่อนครูของเขาคนหนึ่ง ชื่อ หอมมะลิ เป็นคนมีน้ำใจ มีเมตตาสูง ช่วยเหลือ เกื้อกูลทุกคนที่ได้รับความเดือดร้อน ทำตัวเหมือนม้าอารี หรือเหมือนผ้านาโนที่พร้อมซับน้ำทั้งที่สะอาดและสกปรกได้อย่างหมดจด เขาอาศัยอยู่ในบ้านพักครู พอดีช่วงนั้นมีครูที่มาอยู่ใหม่ชื่อ ยามเช้า ยามเช้ามีภรรยาและลูกเล็กๆมาด้วย และไม่มีที่อยู่อาศัย เพราะต้องรอบ้านพักอีกระยะหนึ่ง หอมมะลิเป็นคนมีเมตตา มีน้ำใจ และได้ทำตัวเป็นม้าอารี โดยแบ่งปันที่อยู่อาศัยส่วนหนึ่งให้ยามเช้า

เมื่อยามเช้าเข้ามาอยู่ในบ้านของหอมมะลิ ยามเช้าก็ทำตัวเป็นม้าอัปรีย์ ไม่มีการเกรงอกเกรงใจ รุกล้ำเกินส่วนที่แบ่งให้เข้าไปเรื่อยๆ เหมือน
เทน้ำลงบนผ้า น้ำจะซึมขยายความเปียกชื้นออกไปเรื่อยๆ ท้ายที่สุดผ้าก็จะเปียกชุ่มไปเกือบทั่วทั้งผืน หอมมะลิไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่ซุกตัวอาศัยอยู่ในบ้านของตัวเองอย่างถ่อมตนด้วยความอดทน และสามารถผ่านวิกกฤตนี้ไปได้
“น่าเห็นใจหอมมะลินะ สมชาติ ” ผมแสดงความเห็นและเสริมว่า “แกคงจะเข็ดไปจนตาย”
“ไม่เข็ดหรอกครับ ครู ” สมชาติ ทะนง แย้ง
“มีอะไรอีกละ” สมชาติ
“มีซิครับ ครู” สมชาติเล่าต่อ
เมื่อหอมมะลิทำงานไประยะหนึ่ง ก็สามารถเก็บเงินเก็บทอง ซื้อบ้านในหมู่บ้านไว้ 1 หลัง คิดว่าเมื่อเกษียณอายุราชการแล้วก็จะใช้เป็นที่อยู่อาศัยในบั้นปลายของชีวิต บ้านนี้อยู่ใกล้กับบ้านของ บิน สะสี เพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งที่ซื้อไว้ก่อนหน้านั้น และเนื่องจากภรรยาของหอมมะลิอยู่กับลูกที่กรุงเทพฯ หอมมะลิจึงไม่ค่อยอยู่บ้าน ไปๆมาๆระหว่างบ้านที่ซื้อไว้กับกรุงเทพฯ เป็นปกติดี
ต่อมา บิน สะสี คิดว่าจะย้ายไปอยู่ที่อื่นจึงประกาศขายบ้านหรือให้เช่า ปรากฏว่ามีคนมาเช่า ทำให้บิน สะสี มีปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย จึงมาขออาศัยอยู่บ้านของหอมมะลิเป็นการชั่วคราว
ก็อย่างว่าแหละครับ ม้าอารีก็ต้องเป็นม้าอารีอยู่วันยังค่ำ เป็นอื่นไปไม่ได้ ตกลงหอมมะลิก็ให้ บิน สะสี อาศัยอยู่ชั่วคราว
บิน สะสี กลายเป็นม้าอัปรีย์ตัวที่สอง ทำตัวแบบเดียวกับยามเช้าทุกประการและอยู่เป็นปี ไม่มีที่ท่าว่าจะออกจากบ้านไป หอมมะลิไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่ซุกตัวอาศัยอยู่ในบ้านของตัวเองอย่างถ่อมตนและสามารถผ่านวิกกฤตนี้ไปได้เหมือนเดิม
แต่คราวนี้ หอมมะลิแก้ปัญหาด้วยการขายบ้าน และกลับไปอยู่กับครอบครัวอย่างสงบสุขที่กรุงเทพฯ
“เรื่องจริงหรือเปล่านี่ สมชาติ โหดน่าดูเลย เห็นแก่ตัวกันจริงๆ” ผมถามและออกความเห็น
“เรื่องจริงซิครับ ครู” พร้อมยกถ้วยกาแฟขึ้นดื่ม
ผมยกถ้วยกาแฟขึ้นดื่มตามสมชาติ และเปรยว่า
“ก็ดี…เมื่อไม่ได้เป็นผ้าเสียแล้ว ก็ไม่ต้องซับอะไรอีก”
…..