จิปาถะ
นิทาน ปีศาจขโมยเวลา 6 (ตอนจบ)
6
“ภาพที่กำลังเขียนใกล้เสร็จแล้วนี่ คุณกระจกเงา ภาพนี้ที่ไหนครับ” ชายนิรนามเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ และใช้ความพยายามโน้มน้าวต่อไป
“อ๋อ! ชุมชนเก่าหน้าวัดมหาธาตุครับ เขียนด้วยสีอะเครลิคบนแคนวาส งานเหลือเก็บรายละเอียดอีกนิดหน่อย คงสักอาทิตย์กว่าๆนั่นแหละจะเสร็จสมบูรณ์”
“ผลงานงดงามสมบูรณ์จริงๆครับ ขนาดกำลังพอเหมาะเลยทีเดียว มีค่ามากนะนี่ ถ้าขายก็คงจะหลายสตางค์”
“ผมไม่ได้เขียนเพื่อจะขายหรืออะไรหรอก ผมเขียนเพราะผมชอบเขียนรูป มันเป็นเวลาของความสุขเล็กๆน้อยของแต่ละวัน” “อะไรกันนี่ คุณกระจกเงา เงินทองทั้งนั้นนะนี่ แต่เห็นเพิ่งเขียนได้ แค่ 6-7 รูปเท่านั้นเอง คุณคงต้องเร่งมือหน่อยนะ
เพราะเวลาเป็นเงินเป็นทอง”
“อะไรนะคุณ…พูดใหม่ซิ ผมฟังไม่ชัด”
“ผมว่า เวลาเป็นเงินเป็นทองนะซิ”
ฮ่า ฮ่า ฮ่า กระจกเงาหัวเราะในลำคอ “คุณถ้าจะพูดผิดเสียแล้ว ผมรู้แต่ว่าเวลาคือชีวิต เวลาเป็นเงินเป็นทองนั้น มันใช้กับพวกที่มีความโลภ อยากได้เงินได้ทอง ก็คิดว่าเวลาเป็นเงินเป็นทอง เช่นเดียวที่คนอยากได้ถ้วยได้จอก เวลาของพวกเขาก็เป็นถ้วยเป็นจอก ถ้าคิดแต่จะเอาแต้มเอาดอก เวลาก็เป็นแต้มเป็นดอก แต่เวลาของผมคือชีวิต และชีวิตคือความสุข ดังนั้นผมจึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไร ผมจะใช้เวลาที่เหลืออยู่นี้อยู่กับงานเล็กๆน้อยๆที่ผมชอบ และพาครอบครัวไปดูป่าดูเขาลำเนาไพร ฟังเสียงนกเสียงการ้อง ฟังเสียงน้ำตก น้ำเซาะน้ำไหล หรือไปฟังเสียงคลื่นเสียงลมตามชายหาด จากนั้นก็หาอะไรอร่อยๆรับประทานกัน เท่านี้ผมก็มีความสุขสมบูรณ์แล้ว”
“ผมว่าคุณคิดผิด คุณกระจกเงา”
“คิดผิดอย่างไร ว่ามาซิ”
“ถ้าคุณเขียนรูปแบบที่คุณทำอยู่นี้ให้มากขึ้น ซึ่งตอนนี้มันมีค่าอยู่แล้ว ต่อไปจะมีค่าเพิ่มขึ้นอีก ถ้าคุณเขียนไว้มากๆ เร่งมือให้เร็วกว่านี้นิดหนึ่ง ก็จะได้ผลงานมากมาย ซึ่งมีผลเป็นเงินเป็นทองให้ลูกหลานไว้จับจ่ายใช้สอยได้อย่างสบาย”
“ครับ ขอบคุณครับ แต่ผมว่าตอนนี้ผมก็สบายดีอยู่แล้วนะ ผมไม่เห็นจะต้องการอะไรอีก ลูกหลานผมก็โตๆกันแล้ว ทุกคนมีอาชีพการงานเป็นหลักฐาน สามารถช่วยตัวเองและอยู่ได้อย่างสบาย”
“คุณกับผมนี่รู้สึกจะคุยกันไม่ค่อยจะลงลอยเลยนะ” ชายนิรนามบ่น
“ไม่ใช่หรอกครับ เราเพียงแต่มีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ผมชอบคุยกับคนที่มีความคิดแตกต่างอย่างคุณนี่แหละ มันทำให้ได้อะไรใหม่ๆขึ้นเยอะเลย เช่น “เวลาเป็นเงินเป็นทอง” กระจกเงาอดหัวเราะอีกไม่ได้ “มันเป็นเรื่องตลก น่าขบขันจริงๆ”
“คุณกระจกเงาครับ วันนี้ผมเห็นจะต้องขอตัวก่อน วันหลังถ้ามีเวลาผมจะแวะมาคุยด้วยใหม่”
“อ้าว ! ทำไมรีบกลับเสียล่ะ อยู่ฟังเพลงซีตาร์ของรวี ชังการ์ สักเพลงหนึ่งก่อนซิ ผมจะได้ชงชาแขกร้อนๆ
ให้ดื่ม เพื่อสร้างบรรยากาศสุนทรียะแบบ แขก แขก ”
“ขอบคุณครับ ที่อนุเคราะห์ แต่ผมต้องไปแล้วละ “เพราะผมไม่มีเวลา”
เมื่อชายนิรนามลุกขึ้นเดินออกไปแล้ว นายกระจกเงาเอนกายลงนอนยาวบนเตียงผ้าใบ รำพึงเบาๆ “คนอะไรวะ ไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะฟังเพลง” ก่อนหลับตาเขาเหลืบมองไปที่ภาพเขียน ชุมชนเก่าหน้าวัดมหาธาตุ เขาเห็นชายนิรนามเดินจ้ำอ้าวอย่างรีบร้อนรุกรี้รุกรนไปตามถนนและเลี้ยวซ้ายที่ถนนหน้าวัดหายไป จากนั้นเขาหลับตาและม่อยหลับไปอย่างมีความสุข
……………..
จบบริบูรณ์ครับ