จิปาถะ : เรื่องสั้น โจรปล้มเงินเดือน (ทางสามแพร่ง)

วันศุกร์ที่ 16  เมษายน  2564

จิปาถะ : เรื่องสั้น โจรปล้มเงินเดือน (ทางสามแพร่ง)

16

แม้แต่ปีศาจก็ควรจะมีโอกาสได้แก้ตัว แต่แค่ครั้งเดียงเท่านั้นนะ จำไม่ได้ว่าดูมาจากภาพยนต์เรื่องอะไร ที่ยกมาก็เพื่อจะบอกว่านางแต้มและสภามหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ควรมีโอกาสได้แก้ตัว ด้วยการลาออกทั้งหมด เพื่อเป็นการเริ่มต้นใหม่ หรือเปลี่ยนผ้าปูโต๊ะ แต่ก็อย่างว่า การจะลงจากหลังเสือนะมันยาก ซึ่งผู้สันทัดกรณีให้ความเห็นว่า

“สถานการณ์ในมหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา นางแต้ม และสภามหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ ได้กระทำผิดต่างกรรมต่างวาระหลายคดีความ ถ้าหากปล่อยให้เหตุการณ์ เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ก็จะมีนายกสภาและกรรมการสภามหาวิทยาลัย รักษาการอธิการบดีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย รองอธิการบดี และอาจารย์รวมทั้งพนักงานมหาวิทยาลัย จะต้องติดคุกกันเป็นจำนวนมาก และถึงคราวที่มหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ จะต้องปิดตัวเองลง  เนื่องจากขณะนี้ ทั้งสภามหาวิทยาลัยและผู้บริหารมหาลัย ได้เดินมาถึงทาง “ทางสามแพร่ง” ที่โบราณถือว่าเป็นทางผีผ่าน คือ

1.นางแต้มเดินหน้า ดำเนินคดีกับอาจารย์และพนักงานมหาวิทยาลัยโดยไม่ละมือ  ถึงแม้ว่าจะแพ้คดีก็อุทธรณ์  ฎีกาต่อ จนเรื่องราวความผิดต่างๆ ไปปรากฏในศาลสถิตยุติธรรม ในที่สุดจะทำให้ ทั้งนายกสภา กรรมการสภา และ อาจารย์ผู้เกี่ยวข้อง ต้องติดคุกกันหมด เพราะได้ ร่วมกันกระทำความผิด ต่างกรรมต่างวาระ

2. นางแต้มยอมถอย โดยการถอนแจ้งความ และ ถอนฟ้อง ที่เคยดำเนินคดี กับอาจารย์และพนักงานมหาวิทยาลัย ไว้ตามศาลต่างๆ เปรียบเสมือนการกระโดดลงจากหลังเสือ เป็นธรรมดาอยู่เองที่จะต้องถูกเสือ ตะปบ และกัดกินแน่นอน ในที่สุดนางแต้ม และผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ที่เอาเอกสาร ซึ่งเป็นความลับของทางราชการ ไปให้นางแต้มฟ้องคดี ก็ต้องติดคุกอีกเช่นกัน  แต่จะมีคนที่ติดคุกด้วย จำนวนไม่มาก

3. ทางที่ 3 คือการเดินถอยหลัง โดยวิธีการที่ นายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาลัย นางแต้ม และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เข้าแถวถือธูปเทียนแพ ขอโทษประชาคม มหาวิทยาลัยสารขัณฑ์ และนักศึกษาที่ได้กระทำความผิด และความชั่วร้าย ไว้กับมหาวิทยาลัย และพร้อมที่จะชดใช้ เยียวยา ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับมหาวิทยาลัย รวมทั้ง อาจารย์ และพนักงานมหาวิทยาลัย ที่ได้รับผลกระทบ จากการกระทำของนางแต้ม และสภามหาวิทยาลัย ซึ่งทางนี้ เป็นทางออกที่ดีที่สุด ที่จะรอดจากการติดคุก แต่ ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ ดังนั้น ทางที่ 3 จึงถูกปิดตาย

สรุปแล้ว ขณะนี้มีทางให้เลือกอยู่ 2 ทาง คือทางที่ 1 มีผู้ที่ต้องรับโทษติดคุกจำนวนมากคน และ ทางที่ 2 มีผู้ที่ต้องรับโทษติดคุกจำนวนน้อยคน เรื่องนี้ สภามหาวิทยาลัย โดยเฉพาะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ น่าจะตัดสินใจได้ว่า ตัวเองควรจะติดคุกหรือไม่ ในขณะที่มีโอกาสที่จะรอดจากการติดคุก

นี่คือบทพิสูจน์ ความโง่หรือความฉลาด ของผู้ที่ ได้รับการศึกษา ระคับปริญญาโทและปริญญาเอก และมีตำแหน่งทางวิชาการ ระดับ ศาสตราจารย์  รองศาสตราจารย์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์”

ส่วนมีนา จัน สรุปว่า “ในที่สุด ทุกคนก็เดินทางมาถึง “ทางสามแพร่ง” ทางที่โบราณถือว่าเป็นทางผีผ่าน..ชีวิตจะพบแต่ความมืดมน.”

….

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *