ครูไหวไก่รวน

ครูไหวไก่รวน

วิสุทธิ์ ภิญโญวาณิชกะ

อรรถกานต์  ภาพประกอบ

1

“ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ ขบวนรถที่จะจอดเทียบสถานีต่อไปนี้ เป็นขบวนด่วนเที่ยวขึ้นจากกรุงเทพฯ นครราชสีมา ปลายทางอุบลราชธานี ท่านผู้โดยสารที่มีความประสงค์จะเดินทางกับรถขบวนนี้ ขอให้เตรียมสัมภาระของท่านให้เรียบร้อย รอการโดยสารได้ที่ชานชาลาที่หนึ่ง ตู้ชั้นสองนั่งและนอน จะพ่วงอยู่ทางตอนท้าย” เสียงผู้ประกาศของสถานีรถไฟดอนเมืองเพื่อเตือนให้ผู้โดยสารเตรียมตัวเดินทาง ปลุกผมให้หยุดจากการพูดคุยกับครูไหว ซึ่งพบกันโดยบังเอิญ แกมาเยี่ยมพี่สาวที่ตลาดใหม่ ดอนเมือง พรุ่งนี้ถึงจะกลับอยุธยา และเนื่องจากเราไม่ได้พบกันนาน เลยนั่งรอรถอยู่ที่ม้าหินขัดด้านข้างสถานีมาตั้งแต่สองทุ่ม รอส่งผมขึ้นรถกลับบุรีรัมย์ ครูไหว ดื่มเบียร์ไปด้วย คุยไปด้วย พอดีวันนี้เป็นวันอาทิตย์ผู้โดยสารรอการเดินทางไปสถานที่ต่างๆค่อนข้างจะหน้าตา ซึ่งต่างคนก็กุลีกุจอเตรียมสัมภาระเพื่อการเดินทาง ดูสับสนวุ่นวายพอสมควร
“ดูแลใจตัวเองให้ดีนะ อย่าวู่วาม” ผมพูดเตือนครูไหวก่อนที่จะหยิบกระเป๋าเดินทางลุกขึ้นยืน เพราะขบวนรถกำลังจะเข้าสถานีแล้ว
“ไม่ต้องห่วงน่า อาจารย์” ครูไหวลุกขึ้นยืนตาม พร้อมกล่าวตอบ ยิ้มด้วยปากที่กว้างตามสไตล์อย่างอารมณ์ดี
“เมื่อไรมาอีกล่ะ จะได้ออกรอบเล่นกอล์ฟกันบ้าง” ครูไหวพูดเปรยๆ ในขณะที่เราจับมืออำลากัน ผมบีบมือแกแน่น เพื่อแสดงให้รู้ว่าผมเป็นห่วง
“ไวๆนี้แหละ จะเพจมาบอกก่อน พบที่สนามก็แล้วกัน อย่าให้เป็นโรงพักเชียวนะ” ผมพูดหยอก ปล่อยมือแล้ว โบกมือลา แต่ก่อนที่ผมจะเดินแยกออกไปขึ้นรถที่มาจอดเทียบชานชาลาอยู่แล้ว ครูไหวยื่นหน้ามากระซิบที่หูผมเบาๆ “คอยดูนะ อาจารย์” ครูไหวสบถ กัดฟันกรอด
ผมก้าวขึ้นรถไฟ ตู้หมายเลยสิบสองซึ่งเป็นตู้นอนพัดลม หาที่นอนบนเตียงตามที่จองไว้ ผมรออยู่สักครู่นายตรวจมาตรวจตั๋ว ตรวจถูกต้องเรียบร้อย ผมก็เตรียมตัวจะนอนแต่ปรากฏว่าผมนอนไม่หลับ ผมรู้จักครูไหวมานานและรู้จักนิสัยใจคอดี เรื่องของแกและเสียงที่แกกระซิบที่หูผมนั้นสยองความรู้สึกของผมจริงๆ

2

ครูไหว ระวี เป็นครูโรงเรียนวัดบ้านเกาะ อยุธยา จบปริญญาตรีจากสถาบันอุดมศึกษาในกรุงเทพฯ เป็นชายวัยกลางคน รูปร่างสูงเพียว ผิวค่อนข้างคล้ำ ท่าทางกวนนิดๆ แต่ร่ำรวยอารมณ์ขัน และมีเรื่องคุยสนุกสนาน โดยเฉพาะเรื่องตลก ครูไหวจะมีลีลาการเล่าเรื่องที่เป็นเอกลักษณะเฉพาะตัวคือใช้ตัวเองเป็นตัวละครในเรื่องที่เล่า เดินเรื่องไปตามอารมณ์ขันของตัวเอง จึงสามารถสร้างความสนุกสนานเฮฮาให้เพื่อนๆได้ดีเสมอ และเนื่องจากเป็นผู้ที่มีอัธยาศัยไมตรีอันดีดังกล่าว ครูไหวจึงมีเพื่อนมาก แต่ในอีกด้านหนึ่ง ครูไหวจะเป็นคนใจร้อน มุทะลุ โมโหร้าย บ้าดีเดือด ซึ่งเป็นลักษณะนิสัยที่ค่อนข้างจะน่ากลัว
บ้านครูไหวอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนวัดบ้านเกาะนักเป็นบ้านไม้สักเรือนไทยภาคกลางที่ได้รับมรดกมาจากพ่อแม่บริเวณบ้านกว้างขวาง ร่อรื่นด้วยไม้ดอกและผลไม้ มีคูน้ำล้อมเป็นสัดส่วน ไกลออกไปเป็นทุ่งนาสีเขียวสด สลับด้วยกลุ่มจุดสีขาวเคลื่อนไหวไปมาของนกยางที่หาหอย ปู ปลา เป็นอาหาร เป็นทิวทัศน์ที่งดงามสามารถสร้างจินตนาการได้อย่างหลากหลาย
ดังนั้นในตอนเย็นหลังเลิกงาน พวกเราเพื่อนๆมักจะไปตั้งวงสนทนาและดื่มกินกันที่บ้านครูไหวเป็นประจำ ซึ่งแกก็ไม่รังเกียจตอนรับขับสู้เป็นอย่างดีทุกครั้ง โดยมีศรีภรรยา “มล” หรือ นฤมล ระวี ช่วยทำกับแกล้มให้ดื่มกินกันอย่างเอร็ดอร่อย โดยเฉพาะไก่รวน หรือไก่บ้านหั่นเป็นชิ้นๆ ผัดแห้งใส่ตะไคร้ ใบมะกรูด พริกขี้หนู ชูรสด้วยปลาร้า และมีกระชายดับคาว รสชาติเด็ดขาดอย่าบอกใครเชียว
เย็นวันหนึ่งขณะที่พวกเราตั้งวงเสวนาดื่มกินกันนั้นมีเพื่อนพูดเปรยๆขึ้นมาว่า “ครูไหวน่าจะเปิดร้านอาหารเสียเลยมลก็อยู่ว่างๆ ทำอาหารอร่อยถูกปากอยู่แล้ว สถานที่ก็เหมาะ กว้างขวางร่มรื่นดี” และจากคำพูดที่เปรยนั้นทำให้พวกเรานำมาอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง ซึ่งมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
ต่อมา ครูไหวเอาความคิดนี้ไปปฏิบัติจริง ร้านครูไหวรวนรสเด็ด จึงเกิดขึ้นที่บ้านเกาะ และกิจการก็ดีวันดีคืนจนติดอันดับร้านอาหารยอดนิยม
ครูไหว มีลูกสาวหนึ่งคน หน้าตาดี มีเค้าไปทางแม่เรียนอยุ่ชั้นมัธยมแล้ว และเนื่องจากครูไหวสนใจเรื่องดนตรีแกก็เลยซื้ออิเล็กโทน ให้ลูกสาวหัดเล่น ฉะนั้น วันดีคืนดีร้านครูไหวไก้รวนก็จะมีเสียงเพลงบรรเลงกล่อมไปด้วยซึ่งสามารถสร้างบรรยากาศบันเทิงได้ในอีกระดับหนึ่ง
ครูไหวเป้นคนรักลูกรักเมีย และทำท่าจะรักและหลงเมียเอามากๆเสียด้วย ใครมาเกาะแกะเป็นได้เจอดีแน่ตามปรกติแกก็จะไปจ่ายตลาดตอนเช้ากับเมีย เสร็จแล้วก็ไปสอน ตอนกลางวันก็กลับมากินข้าวบ้าน ดูแลร้านบางเล็กๆน้อยๆก่อนที่จะไปสอนต่อ ตอนเย็นเลิกงานก็มาช่วยดูแลร้านจนดึกดื่น เสาร์อาทิตย์ก็ออกไปเล่นกอล์ฟกับเพื่อนฝูงบางในบางสัปดาห์ ครูไหวจะมีเรื่องชู้สาวเกาะๆแกะๆกับเด็กเสิร์ฟบ้างตามโอกาส ซึ่งบางครั้งมีปากเสียงกับแม่บ้านในเรื่องนี้ด้วย ก็หึงหวงกันเป็นปรกติแต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรใหญ่โต ดูแล้วก็เป็นครอบครัวที่อบอุ่นดี

3
รถด่วนเที่ยวขึ้นจากกรุงเทพฯ นครราชสีมาปลายทางอุบลราชธานี ออกจากสถานีดอนเมืองผ่านสถานีอยุธยาและสระบุรีมานานแล้ว ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นส่องดูเวลากับแสงไฟที่ลอดผ่านม่านที่นอนเข้ามา เกือบสองยามแล้ว แต่ผมยังนอนไม่หลับ ก็นอนกระสับกระสายมาตลอดทาง ตามปกติผมเดินทางขึ้นล่องอยุ่กับรถขบวนนี้เป็นประจำ แต่ไม่เคยนอนไม่หลับซักครั้งเดียว ทุกครั้งเมื่อนายตรวจมาตรวจตั๋วเสร็จผมก็จะนอนและหลับไปเลยจะตื่นก็ต่อเมื่อเจ้าหน้าที่ประจำตู้รถมาปลุก ตอนถึงสถานีบุรีรัมย์
ผมยกมือขวาก่ายหน้าผาก ทบทวนเรื่องราวที่พูดคุยกับครูไหวที่สถานีรถไฟดอนเมือง คิดถึงสาเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้น ผมรู้สึกเป็นหวงครูไหวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ตอนอยู่ที่สถานีรถไฟดอนเมือง ครูไหวเล่าให้ผมฟังว่าครอบครัวแกร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานาน ช่วงทำร้านอาหารก็สนุกสนานเพลิดเพลิน ถึงแม้จะยุ้งและวุ่นวายบ้าง แต่ทำให้มีรายได้พอมีกินพอมีใช้สบายขึ้น ดูแล้วก็จะไปได้ด้วยดีซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้ตลอด ก็คงจะดี แต่อย่างว่าแหละ ไม่มีอะไรราบรื่นเสมอไปหรอก วันหนึ่งก็เกิดปัญหาขึ้นจนได้คือเกิดมีหนุ่มใหญ่มาติดแม่ครัว ก็แม่มลเมียผมเองนั้นแหละหนุ่มใหญ่ที่ว่า เป็นนายตำรวจเสียด้วย เรื่องนี้เป็นสาเหตุให้เรา ซึ่งหึงหวงกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หนักหนาสากรรจ์ยิ่งขึ้น ก็ระหองระแหงกันมานาน ท้ายที่สุดก็ตกลงกันว่าให้แต่ละฝ่ายแก้ไขปัญหาของตัวเองให้เรียบร้อย ช่วงนี้ก็หย่ากันก่อน ต่างคนต่างอยุ่ มลเขาก็ไปแต่ตัว ไม่เอาอะไรทั้งนั้น ถ้าสามารถปรับตัวได้ดีทั้งคู่แล้ว ค่อยว่ากันใหม่
ดังนั้น ตอนนี้เราก็เลยแยกกันอยู่ ครูไหวหยุดเว้นจังหวะ ยกกระป๋องเบียร์ที่เหลือขึ้นดื่มจนหมดก่อนที่จะเล่าต่อ
“มลเขาก็ไปของเขา ส่วนผมก็อยู่กับลูกสาว ช่วยกันดูแลร้านอาหารไป”
“ก็ดีนี่ แยกกันอยู่ ท่านชอบอยู่แล้วไม่ใช่หรือ” ผมออกความเห็นเชิงถาม
“ดีกะผีกะสางอะไร” ครูไหวแย้ง
“ผมยังรักมลเขาอยู่เต็มอก” ครูไหวเปิดใจ และตัดพ้อว่า
“ที่สำคัญ ถ้ามลเขาไปเลยก็แล้วไป แต่นี่ไปๆมาๆมันเห็นกันอยู่ ก็เลยทำใจไม่ได้”
“อย่างนั้นก็กลับมาอยู่ด้วยกันใหม่ซิ จะได้แล้วเรื่องกันไป” ผมเสนอแนะ
ครูไหวทำท่าครุ่นคิด ดวงตาเหม่อลอยบ่งบอกถึงความวิตกกังวล ก่อนที่จะตอบว่า “ผมน่ะพร้อมจะตกลงด้วยตลอดเวลา แต่มลเขาไม่ยอม” ครูไหวทำเสียงละห้อยน้ำตาซึมคลอเบ้าตา “หวงแต่ลูกสาวนั้นแหละ แกกำลังเจริญเติบโต บางครั้งผมเห็นลูกซึมๆ มันเจ็บปวดเข้าไปถึงหัวใจจริงๆ”
พูดถึงลูกสาวครูไหว ผมก็พลอยน้ำตาซึมไปด้วยแกเป็นเด็กเรียบร้อย น่ารัก เรียนหนังสือเก่ง ครอบครัวกำลังจะดี ไม่น่ามีเรื่องอย่างนี้เลย ผมคิดในใจแต่ไม่ได้ออกความเห็นอะไร ผมปลอบครูไหวว่า
“เรื่องนี้ต้องใจเย็นๆ รอไปอีกซักระยะหนึ่ง มลเขาคงจะกลับมา”
ทีแรกผมก็คิดอย่างนั้น ผมให้อภัยมลเขาทุกอย่างแต่ตอนนี้มันทำท่าจะไม่ได้เสียแล้วละ” ครูไหวปรารภ
“ทำไมล่ะ” ผมถามอย่างสงสัย
“ก็เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้วนี่เอง แม่มลเขามาทานอาหารที่ร้านผม ก็มากับไอ้หนุ่มใหญ่คนนั้นแหละ” ครูไหวเล่าอย่างมีอารมณ์
“มันมาแบบเต็มยศเลย ร้านอื่นตั้งเยอะแยะแม่ง…มันไม่รู้จักไป ต้องมาร้านผมด้วย”
“แล้วเกิดอะไรขึ้นละ” ผมซัก
“ผมก็เลยเผารถยนต์ แมง.. มันซะเลย ตำรวจก็ตำรวจเถอะวะ”
“เอ้า ! ท่านหย่าขาดกันแล้ว ทำอย่างนั้นได้อย่างไร”ผมรู้สึกตกใจกับคำตอบของครูไหว
“ก็มันโกรธ ลำพังผมไม่เท่าไหร่หรอก พอทนได้ แต่มันมาทำจู๋จี๋ต่อหน้าลูกสาว ผมทนไม่ได้จริงๆ” ครูไหวถอนหายใจ “ถ้าเป็นอาจารย์ละจะทนได้หรือ” ครูไหวพูดทำนองตั้งคำถาม
“แล้วเรื่องถึงโรงถึงศาลหรือเปล่า” ผมถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่” ครูไหวตอบห้วนๆ และอธิบายต่อไปว่า “ผมตกลงซื้อรถเขาเลย หมดไปห้าแสนกว่าบาท ผมไม่เสียดายเงินหรอก มันสะใจดี”
กรรมเวรจริงๆ ผมรำพึงในใจ
ก่อนจากกันที่สถานีรถไฟดอนเมืองนั้น ครูไหวกัดฟันกรอด พร้อมกับกระซิบข้างหูผมว่า
“คอยดูนะ อาจารย์ คราวหน้า ถ้ามันขืนทำอย่างนี้อีกละก็ มึง..!..!”
เท่านี้แหละผมก็เลยนอนไม่หลับ

4
วันที่ 16 มกราคม หรือวันครู ของทุกปี ชมรมกอล์ฟเสมากรุงเก่า ซึ่งมีครูเหรกเป็นหัวเรียวหัวแรงใหญ่จะจัดกิจกรรมให้เหล่าสมาชิกซึ่งส่วนใหญ่เป็นครูในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ยืดเส้นยืดสาย โดยจัดการแข่งขันกอล์ฟชิงถ้วยกันเป็นประจำ ปีที่แล้วก็สนุกสนานกันเต็มที่คาดว่าปีนี้จะมาสมาชิกมากันคับคั่ง แต่ก่อนจะถึงวันแข่งขันเหล่าสมาชิกกอล์ฟเสมากรุงเก่า ก็มักจะไปวอล์มกันก่อนเสมอทั้งนี้เพื่อว่าเมื่อถึงวันจริงจะได้มีแรงสู่เขาได้ ไม่หมดเรี่ยวหมดแรงยอมแพ้ไปเสียก่อน ส่วนผม ครูไหวเพจมาบอกล่วงหน้าหลายวันแล้ว
ที่สนามกอล์ฟซิสโก อำเภอท่าเรือ อยุธยา เป็นสนามขนาด 9 หลุม ที่ถึงแม้แฟร์เวย์จะไม่ราบเรียบเหมือนสนามบางไทร หรือ นอร์ธเทิร์น รังสิต แต่ธรรมชาติรอบๆซึ่งเป็นสวนป่า ที่มีทั้งมะขามป้อม มะกอก สะเดาและพวกที่มีดอกสวยงาม เช่น จาม ตะแบก หางนกยุง ก็มีหลากหลาย ขึ้นอยู่ทั่วไป ก็ถือได้ว่าเป็นสนามที่มีเสน่ห์ไปในอีกรูปแบบหนึ่ง
วันนี้เรามากันหลายคน เริ่มออกรอบกันตั้งแต่บ่ายและตอนนี้เป็นหลุม 18 พาร์ 5 หลุมสุดท้าย แฟร์เวย์เป็นรูปคล้ายตัวแอล
ความจริงทีออฟของหลุมนี้ เป็นเนินดินสูงไกลออกไปด้านชายป่าขวามือ แต่เราไม่ได้แข่งกันจริงจังอะไร ขี้เกียจเดินเลยใช้ทีออฟของหลุม 9 แทน ยาก ง่าย ต่างกันเล็กน้อยผมมองครูไหวเดินอย่างมั่นใจขึ้นไปบนทีออฟ ก้มลงปักทีบนพื้นหญ้า วางลูกกอล์ฟใหม่เอี่ยมลงบนทีอย่างประณีตเดินถอยออกไปลองหวดวอล์ด้วยหัวไม้หนึ่ง สอง-สาม ทีก่อนที่จะจรดหัวไม้ไปที่ลูก ครูไหวมองไปข้างหน้า เป็นถนนมีสะพานข้าม สองข้างเป็นสระน้ำไม่ใหญ่นัก ด้านขวาเป็นแนวป่าเบญจพรรณ และร่องน้ำ ด้านซ้ายเป็นโอบีมีต้นยูคาลิบตัสเปลือกลำต้นลอกเห็นสีขาววอมน้ำตาลอ่อนสูงชะลูดเรียงเป็นทิวแถวครูไหวเล็งไปที่ต้นหมากด้านซ้ายสนามแล้วหวดลูกด้วยวงสวิงที่ไม่เหมือนใคร ลูกพุ่งจากทีออฟตรงลิ่วกลางแฟร์เวย์ แกมองตามอย่างชื่นชม และเดินลงจากทีออฟพร้อมกับพูดพอให้เพื่อนได้ยินว่า เบิล ซึ่งหมายความถึงดับเบิล หรือหลุมนี้เราจะเล่นกัน 2 เท่า คือจากได้เสียกันแค่ 20 บาท ก็เป็น 40 บาท แกคงหวังจะเอาคืนที่หลุมสุดท้ายนี้ เพราะเสียไปหลายหลุมแล้ว หลุม 17 พาร์ 3 แกหน้าจะได้พาร์ หลัตไม่ดี ก็เลยพลาดไป และถ้าหลุมนี้ได้พาร์สมใจ แกก็จะคุยโม้โอ้อวดไม่หยุดเหมือนเคย
ผมเดินขึ้นทีออฟกลังจาก ดร.โรจน์ ที่หวดได้ไม่ดีนักดูเหมือนลูกวิ่งไปทางแนวป่าขวามือ แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกเรื่องของกอล์ฟ เราชนะกันบนกรีน
ผมจรดหัวไม้หนึ่งไปที่ลูกหลังจากที่วอล์มข้างลูกสองครั้งเพื่อตรวจสอบวงสวิง หัวไม้หนึ่งใหม่เสียด้วย ก็เพิ่งได้มาจากพี่เชาว์ พี่เชาว์เป็นอาจารย์อยู่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ แกเป็นคนเบื่อง่าย ซื้อมาแล้วพอใจแค่เดือน-สองเดือน ก็หาใหม่ ผมก็เลยเอามาลองดู ถ้าถูกมือก็จะซื้อต่อแบบกันเองถูกกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ แถมเงินผ่อนเสียด้วย
หัวไม้หนึ่งของพี่เชาว์ดีอย่างที่คิดจริงๆ ไม่ค่อยพลาดลูกที่หวดวิงออกจากทีออฟ ตรงลิ่วไป เคียงคู่กับลูกครูไหวผมคิดในใจ อย่างน้อยก็ 180 หลา หญ้าเรียบดีเสียด้วยมองเห็นขาวโพนอยู่คู่กันโน่น หลุมนี้แหละ ครูไหวเอ๋ย คงต้องเจ็บปวดไปอีกนาน อย่างน้อยก็จนกว่าวันครูนั้นแหละ
“ไง! ครูไหว เพิ่มอีกซักแบนไหม หลุมนี้”
“ไม่มีปัญหา กินด้วยกันอยู่แล้ว” ครูไหวตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน
“แน่ใจนะ” ผมย้ำ
“เรื่องเล็กน่ะ เอาชนะผมให้ได้ก็แล้วกัน” ครูไหวกล่าวเชิงท้าทาย
จากที่ออฟ ยกเว้นชอตแรก ผมและครูไหวมัวตีเข้าป่า ตกน้ำ ลงหลุมทราย กว่าจะชิปขึ้นกรีนได้ก็ปาเข้าไปตั้ว 5 ชอตแล้ว พาร์เป็นอันไม่ต้องพูดถึงกัน เหลือแต่โบกี้ ผมมองระยะและไลน์ แค่ 4 หลา เคยพลัตลงสบายๆมาแล้ว ผมคิดเข้าข้างตัวเอง แต่กอล์ฟ ไม่มีอะไรแน่หรอก พลาดมาเยอะแล้ว
ครูไหวก้มลงมองดูไลน์ และความลาดเอียงของกรีน ความจริงแกดูมาตั้งแต่ชิปขึ้นกรีนแล้ว แต่คงจะเพื่อความแน่ใจ ครูไหวกดเท้าทั้งคู่ให้กระชับแน่น วอล์มข้างลูกไปมาสอง-สามครั้ง เพื่อตรวจสอบความเที่ยงตรง ก่อนจะจรดไม้พลัตไปที่ลูก แล้วพลัตเบาๆ ปล่อยลูกให้วิ่งตามไลน์ลงหลุมไปอย่างง่ายดาย แกกำมือทำท่าเกรงข้อ มองมาที่ผม เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นฝีมือ แล้วเดินออกไปยืนดูอยู่ที่ขอบกรีนด้านทิศใต้
ดร.โรจน์ พลัตต่อจากครูไหว และก็ไม่มีปัญหาอะไรได้พาร์ไปอย่างง่ายดาย ที่นี้ก็เป็นตาผม ซึ่งอยู่ในสภาพกดดันมาก ก็มีแค่สองประตู พลัตลงก็เสมอ พลาดก็แพ้
ผมเดินไปวางลูกหน้าหมุดที่ปักไว้ จัดแนวเครื่องหมายบนลูกให้ตรงกันหลุม กรีนลาดลง ทำให้พลัตค่อนข้างยาก ดีไม่ดีไหลลื่นลงไปไกลหลุมกว่าเดิมอีก ต้องกะน้ำหนักให้ดี ใจหนึ่งคิดว่าจะแพ้ไม่ได้เป็นอันขาด พวกนี้ปากตะไกรทั้งนั้น แพ้ก็ถูกถล่มจนเละตุ้มเป๊ะ หมดสนุกกันไปเลย
แต่อีกใจหนึ่งคิดว่า ช่างมันเถอะ กีฬาก็มีแพ้มีชนะ เป็นธรรมดา ไม่ได้เสียอะไรกันมากมาย เล็กๆน้อยๆก็เท่ากับเลี้ยงเพื่อนฝูง เสียอย่างอื่นมากกว่านี้เยอะแยะนานๆทีเรามาสนุกด้วยกัน
เมื่อคิดได้ดังนี้ ผมก็จรดไม้พลัตไปที่ลูกพลัตไปตามไลน์ที่แคดดี้บอก ลงหลุมไปได้อย่างสบายๆ
ทุกคนเฮฮาพอใจเสมอกันหมด
ก็ ดร.โรจน์ เขาต่อให้พวกเราคนละ 1 สะโตก

5

พระอาทิตย์ดวงกลมด๖สีแดงสดลับขอบฟ้าไปแล้วท้องฟ้าค่อยๆเปลี่ยนจากส้มแดงเป็นแดงคล้ำ ทุ่งนาเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท แสงไฟตามแนวชายทุ่งเป็นจุดๆเรียงรายเป็นแถวยาวเหยียด ทิ้งระยะห่างกันบ้าง ชิดกันบ้าง ก็ถึงเวลาพักผ่อนของชีวิตกลางวัน ส่วนชีวิตกลางคืนเพิ่งจะเริ่มต้น
ที่ร้านอาหารครูไหวไก่รวน ไกล้วัดบ้านเกาะ พวกเรามารวมทีมกันหลังเสร็จจากเล่นกอล์ฟ ก็เป็นร้านอาหารประจำ ถูก อร่อย และเป็นกันเอง ครูไหวซึ่งเป็นเจ้าของร้านก็มาร่วมวงด้วย ก็เฮฮาพาทีสนุกสนานกันจนดึกดื่นท้ายสุด เพื่อนๆเขากลับกันไปหมด เหลือผมกับครูไหว นั่งหัวจุ่มกันอยู่ ก็มีเรื่องพูดคุยกันเยอะ ฟังได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้าง ก็เมาด้วยกันทั้งคู่
ตอนหนึ่งเราพูดถึงปัญหาหย่า-ร้าง ของแก ครูไหวเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นก่อน
ผมเองอยากฟังเรื่องนี้มานาน อยากรู้ความเป็นไปแต่เป็นเรื่องครอบครัวเลยไม่กล้า เมื่อแกเอ่ยขึ้นมา ก็เป็นโอกาสดีของผม ผมยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม ใช้ส้อมจิ้มชิ้นไก่รวนใส่ปากดับรสขมของเบียร์ รอฟังแกเล่าอย่างตั้งใจ
ครูไหวบอกว่า “วันนี้แม่บ้านไม่อยู่ เขาไปลพบุรีกับลูกสาว อาจารย์เลยไม่เจอ”
ผมฉงน แม่บ้านคนไหนวะ คนเก่าที่เลิกกัน หรือไปคว้าที่ไหนมาใหม่อีก ผมไม่กล้าถาม แต่ไม่นานผมก็กระจ่าง เมื่อแกพูดต่อว่า
“แม่บ้านที่ว่า ก็ “แม่มล เมียเก่าผม” นั่นแหละ เราคืนดีจดทะเบียนกันใหม่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ก็เป็นเมียใหม่” ครูไหวอดตลกไม่ได้ และพูดต่อ “ผมโชคดีจริงๆ ก็ได้อาจารย์นี่แหละช่วย”
ผมแสดงความชื่นชมยินดีกับครูไหว ที่ครอบครัวสามารถกลับมาคืนดีกันได้ใหม่ แต่ยังสงสัยว่า ผมไปช่วยอะไรแกตรงไหน แต่ไม่ได้ถาม
ครูไหวยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มรวดเดียวหมด ยิ้มที่มุมปาก “ตอนนี้ครอบครัวผมเป็นปึกแผ่นเหมือนเดิม เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ผมเห็นสัจธรรม มันเป็นความใจร้อนและความมุทะลุของผม..ผมมันบ้าแต่ต่อไป เรื่องอย่างนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกเป็นอันขาด”
“เรื่องมันเป็นมาอย่างไรล่ะ” ผมถาม
“เมื่อเดือนที่แล้ว “มล เมียผม” กับหมวดแหวง ก็ตำรวจคนที่ผมเคยเล่ามาติดแม่มล เมียผมนั่นแหละ เขาพากันมาหาผมที่นี่ โชคดีนะ ที่เขามาตอนที่ผมได้รับเพจจากอาจารย์แล้ว ข้อความในเพจทำให้ผมเย็นและไม่วู่วามเหมือนแต่ก่อน ก็ต้อนรับขับสู้เขาตามอัธยาศัย เพราะไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหนกัน” ครูไหวเล่า
ผมพยักหน้าแสดงให้เห็นว่าเข้าใจ แต่ยังสงสัยว่า
เพจที่ครูไหวพูดถึง มันเพจอะไรของมัน
ครูไหวพูดต่อ อดหัวเราะขำตัวเองไม่ได้ “อาจารย์รู้ไหม?” แกยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ปรากฏว่าเป็นเรื่องที่ผมเข้าใจผิดคิดเอาเองทั้งเพ”
“เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน และร่วมมือกันสร้างสถานการณ์เพื่อจะดัดสันดารความมุทะลุ โมโหร้าย บ้าดีเดือดและความเจ้าชู้ของผม”
ครูไหวหัวเราะในลำคอก่อนจะเล่าต่ออย่างสนุกสนาน
“ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จของแม่มลเขา ผมเปลี่ยนนิสัยได้จริงๆ แต่ก็เล่นเอาเกือบติดคุกติดตะรางนั้นแหละ”
“อาจารย์ครับ” ครูไหวพูดต่อ “ข้อความในเพจที่อาจารย์เพจมาดีม๊ากมาก มันเป็นข้อความธรรมดา แต่สามารถเปลี่ยนนิสัยผมได้”
“ต้องควบคุมอารมณ์ความรู้สึกร้อนของตัวเองให้ได้แล้วจะชนะทุกอย่าง” ครูไหวอ่านเพจที่ดึงมาจากเอวและโม้โอ้อวดว่า “แล้วผมก็ชนะ แต่วันนี้ เสียดายจริงๆน่าจะชนะอาจารย์สักหลุม” ครูไหวแหย่ผม
“ข้อความในเพจผมเขียนติดไว้ที่ข้างห้องนอนด้วยนะ ตัวอย่างใหญ่เลย ไปดูตอนนี้ก็ได้” ครูไหวชวน
“ไม่ต้องถึงกับอย่างนั้นหรอก เล่าต่อดีกว่า แล้วอย่างไรต่อไป” ผมเร่งเร้า
“ก็ไม่มีอะไรแล้ว เมื่อผมเลิกมุทะลุ เลิกเจ้าชู้ประตูดินเปลี่ยนมาดูแลครอบครัว ดูแลลูก ดูแลร้านอาหาร สุดท้าย “มล” เขาก็กลับมาเอง ก็อย่างที่บอกแต่แรก พวกเขาร่วมมือกัน”
ครูไหวโม้ต่อ “ที่แรกผมไม่คิดว่าเรื่องจะง่ายอย่างนี้สับสนและวิตกกังวลอยู่นาน แต่เวลามันง่ายก็ง่ายยิ่งกว่าพลัตลูกระยะ 4 หลา ลงหลุม เสียอีก อาจารย์ !”
ครูไหวหัวเราะเอิ๊กอ๊าก
ผมเองก็งงเหมือนกัน “ให้ตายเถอะ ผมสาบานได้ผมไม่เคยส่งเพจข้อความที่ว่านั่นไปให้แกเลยจริงๆ
แต่ดีแล้วละ ช่างหัวมันเถอะ

Comments are closed.