เรื่องสั้น สัพเพเหระ(Very soon,indeed)
3
ด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะมีพระโอรส รัมภะและกรัมภะ จึงออกเดินทางไปยังแม่น้ำ ปัญ
จนัท และถือพรตกรรมฐานอยู่อย่างเคร่งครัดและเป็นเวลายาวนาน โดยกรัมภะ ประกอบพิธีอยู่ในน้ำ ส่วนรัมภะ ประกอบพิธีอยู่บนบก ก่อกองไฟพิธีบวงสรวงขึ้น 5 กอง เรียกว่า ปัญจอัคคี
เรื่องนี้เดือดร้อนถึงพระอินทร์กษัตริย์แห่งสวรรค์ พระองค์ทรงสองทิพเนตรแลเห็นอสูร 2 ตน บำเพ็ญตบะอยู่อย่างยิ่งยอด ทรงเกรงว่าเมื่อ อสูร ทั้งสองมีตบะแก่งกล้าขึ้นจะเป็นอันตรายต่อสวรรค์ จึงคิดตัดไฟแต่ต้นลม โดยจะจัดการอสูรเสียก่อนที่จะสายเกินแก้ จึงทรงจำแลงร่างเป็นจระเข้ใหญ่ เพชรฆาตน้ำ แอบซ่อนตัวอยู่เงียบๆ เมื่อสบโอกาสจึงว่ายพุ่งเข้าหากรัมภะที่ยืนทำสมาธิอยู่ และจัดการขบเคียวกินเป็นภักษาหาร
ส่วนรัมภะอสูร ทราบว่ากรัมภะอสูรผู้น้องถูกจระเจ้กัดตาย รู้สึกโศรกเศร้าเสียใจและโกรธแค้น เพราะทราบว่า ผู้ที่ฆ่าน้องชายตนคือพระอินทร์ จึงทรงตั้งพระทัยที่จะบำเพ็ญพรตอุทิศถวายศีรษะของตนแก่พระอัคคีเทพแห่งไฟ เมื่อรัมภะตัดสินพระทัยอย่างแน่วแน่แล้ว จึงยกขวานขึ้นเพื่อจะตัดศีรษะตนเอง และขณะนั้นได้บังเกิดเสียงดังสนั่นมาจากกองไฟพิธีว่า
“รัมภะ เหตุใดท่านจึงโง่เหง่านัก ท่านก็รู้อยู่แล้วว่าการฆ่าตนเองนั้น เป็นบาปยิ่งใหญ่ และไม่มีทางลบล้างบาปนั้นได้เลย ดังนั้น อย่าคิดฆ่าตนเองเลย เจ้ามีความประสงค์สิ่งใดบอกข้าฯ ข้าจะหาทางช่วยเจ้าเอง.”
สำหรับตอนนี้มีข้อคิดคือ : การฆ่าตนเองหรือฆ่าใคร จะโดยทางตรงหรือทางอ้อมก็ตามเป็นบาปยิ่งใหญ่ และไม่มีทางลบล้างบาป เช่นเดียวกับนางแต้ม ที่สนุกสนานกับทำร้ายผู้อื่นด้วยการทุบหม้อข้าวเขา หรือหักเงินเดือนเขาเพื่อแอบเอาไปใช้เอง และกดขี่ข่มเหงเขา สร้างความทุกทรมานให้แก่เขาและครอบครัว เป็นบาปอันยิ่งใหญ่เช่นกัน และไม่มีทางลบล้างบาปนั้นได้เลย
ฉะนั้น คุณนางแต้มหรืออีเวรตะไลเอ้ย! ระหวังตัวให้ดีนะ บาปกรรมกำลังติดตามมาอย่างกระชั้นชิด ในเร็วๆวันนี้ “Very soon,indeed”
….