ผมติดอยู่ที่สมรภูมิหลักสี่

ผมติดอยู่ที่สมรภูมิหลักสี่   วันที่ 1  กุมภาพันธ์  2557  เวลาประมาณ 15.30 – 18.00 น.

วันนี้เวลาประมาณสามโมงกว่าๆ ผมออกจากบ้านเพื่อไปร่วมชุมนุมกับ กปปส. เป็นปกติ ที่แรกคิดว่าจะไปเวทีลาดพร้าว แต่เปลี่ยนใจไปเวทีแจ้งวัฒนะของหลวงปู่พุทธอิสระ เพราะรู้ว่าคนน้อย  จะได้ช่วยเพิ่มจำนวนอีกสัก 1 คน  อีกอย่างเพราะอยู่ใกล้บ้าน จะได้กลับง่าย

ผมนั่งรถตู้ข้ามสะพานถนนวิภาวดีรังสิต  มองไปทางขวามือ เห็นรถของกลุ่ม กปปส.จอดอยู่ ซอยหน้าเขตหลักสี่ คิดว่าจะลงที่นี่แหละ แต่ช้าไปรถตู้ออกก่อน  เลยตัดสินใจไปลงหน้าศูนย์ราชการ  จากนั้นก็เดินดูร้านค้าและผู้ชุมนุมไปจนถึงหน้าเวที  มีคนไม่มากนัก คงไปทำกิจกรรมกันหมด จากนั้นผมเดินจากศูนย์ราชการมาเขตหลักสี่ เดินมาสักพัก เห็นคนเดินกลับ ถามได้ความว่ารถไปไม่ได้ มีการยิงกันที่สี่แยกหลักสี่  ผมมองไปทางสะพานข้ามถนนวิภาวดี เห็นเจ้าหน้าที่ห้ามรถเข้าออก มีแต่รถพยาบาลทหารวิ่งไปมา 2 คัน  มีรถนักข่าวและรถตำรวจจอดอยู่  ช่วงนี้มีทั้งคนเดินกลับออกมาและเดินเข้าไปยังที่เกิดเหตุ  ผมก็ไม่ค่อยกล้าจึงค่อยๆเดินเข้าไปช้าๆ   เดินขึ้นไปบนสะพานลอยข้ามถนนหน้าบริษัท ทีโอที  เพื่อสังเกตการณ์ในที่สูงเพื่อให้มั่นใจ มองไปทางสะพานข้ามถนนวิภาวดี  บนสะพานโล่ง ข้างสะพานด้านศูนย์การค้า ไอ ที สแควร์ ตรงสะพานข้ามคลองเปรมประชา มีรถพยาบาล 2 คัน เปิดไฟกระพริบจอดอยู่ ผมเห็นว่ายังไม่ปลอดภัย  เลยไถลยืนดูนักข่าวต่างประเทศรายงานข่าวเพื่อฆ่าเวลาให้เหตุการณ์สงบ  จะได้กลับบ้าน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีวี่แววว่าจะเปิดทาง ผมจึงตัดสินใจเดินเข้าไปให้ใกล้ที่เกิดเหตุ โดยเดินข้ามไปทางฝั่งบริษัท ทีโอที  เดินตามคนอื่นไปเรื่อยๆ จนเกือบถึงคลองเปรมประชา ตอนนั้นก็ไม่รู้อะไรเลย ค่อยเงียหูฟังก็ได้ความว่ามีการปะทะกัน มีคนได้รับบาดเจ็บ ก็เท่านั้น

เมื่อผมเดินไปถึงคลองเปรมประชา เวลาน่าจะประมาณ 16.30 น. เป็นช่วงเวลาที่ผมอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุมากที่สุด คือ ประมาณ 60 หลา ผมเห็นรถกระจายเสียงของกลุ่ม กปปส. ซึ่งเดินทางมาจากเวทีลาดพร้าวเพื่อเสริมกำลังเวทีแจ้งวัฒนะที่ล้อมเขตหลักสี่เลี้ยวมาติดอยู่ข้างป้อมตำรวจทุ่งสองห้องก่อนถึงทางรถไฟ ไปต่อไม่ได้ เพราะถูกพวกแดงสกัด กลุ่มแดงนี้มาจากวัดหลักสี่ มาอยู่บริเวณมุมถนนที่จะเลี้ยวไปทางดอนเมือง และบริเวณศาลพระภูมิ ศูนย์การค้า ไอ ที สแควร์ มีจำนวนเท่าไรไม่ทราบเพราะมองไม่ค่อยเห็น คนข้างๆคุยว่ามาก มีอาวุธปืน มีมีดยาวขนาดนี้แน่ะ พร้อมทำไม้ทำมือประกอบให้ดู 

ในช่วงนี้ผมเข้าใจเอาเองว่า ทั้งสองฝ่ายคงปะทะกันไปแล้ว แต่ยังคุมเชิงกันอยู่ อาจมีการยั่วยุและทำร้ายกันบ้าง ซึ่งผมมองไม่เห็น เพราะเสาสะพานบังพอดีได้ยินแต่เสียงจากรถของ กปปส. ที่พยายามพูดหว่านล้อมให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจว่าเราเป็นคนไทยเหมือนกัน ฆ่ากันก็ไม่มีประโยชน์อะไร  และพยายามควบคุมมวลชนฝ่ายตนไม่ให้เข้าไปปะทะ เสียงประกาศให้มวลชนถอยออกมา ถอยออกมา ตลอดเวลา

สักคู่หนึ่งเริ่มมีเสียงระเบิดและเสียงปืน ทำให้พวกเรา ถึงแม้จะอยู่ค่อนข้างไกลได้พากันหลบเป็นพันละวัน ผมพยายามถ่ายรูปเหตุการณ์ มีคนหนึ่งเตือนทุกคนว่า ดูบนสะพานด้วย อาจมีคนปาระเบิดลงมา เราพากันค่อยๆถอย

ทุกครั้งที่มีเสียงระเบิดและเสียงปืน ผู้ร่วมชุมนุมจะพากันหมอบและหลบอยู่ใกล้ๆรถด้วยความหวาดกลัว ส่วนแกนนำก็จะนำ สวดบทพุทธคุณ อิติปิโส ภควา  เพื่ออ้างเอาพุทธคุณมาเป็นเครื่องคุ้มครองป้องกัน สวดจบแล้วจบเล่าจนเสียงปืนค่อยๆสงบลง  ภาพและเสียงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณนี้สร้างความสะเทือนใจให้ผมได้มากพอสมควร

ผมได้ยินรถกระจายเสียงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยระงับเหตุด้วย แต่ป่วยการเปล่า เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจแม้แต่คนเดียวเข้ามาช่วยระงับเหตุ มีเสียงคนข้างๆพูดเบาๆว่า “แย่ ประเทศไทย”

ผมเดินถอยออกจากเหตุการณ์มาอยู่ไกลมากๆ เมื่อเด็กหนุ่มขับรถมอร์เตอร์ไซด์รับจ้างที่อยู่ข้างๆบอกว่าไปเถอะลุง

เท่านั้นแหละผมก็ไม่ลังเลใจ เดินตาม เด็กหนุ่มคนนั้นและกลุ่มคนที่ถอยกรูดเข้าไปในซอย  จากนั้นก็ได้แต่เพียงคอยฟังเสียงปืนและระเบิดเป็นระยะๆ  คอยดูกลุ่มผู้ชุมนุม กลุ่มนักข่าวทั้งไทยและต่างประเทศ กลุ่มหน่วยกู้ภัย หนีถอยออกมา  ผมเห็นสีหน้าของแต่ละคนมีร่องรอยวิตกกังวลบ่งบอกได้ว่ากลัว เพราะมันน่ากลัวจริงๆ จะไม่ให้กลัวได้อย่างไร  เพราะไม่รู้ว่าระเบิดหรือปืนยิงมาจากทางไหน

ผมยืนอยู่กับกลุ่มชาวบ้านเพื่อรอให้เหตุการณ์สงบ จะได้กลับบ้าน มีข่าวว่าทหารออกมาเคลียร์แล้ว ทำให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นบ้าง แต่เสียงปืนก็ยังไม่สงบ จนเวลาประมาณ 18.30 จึงค่อยๆสงบลง  ผมตัดสินใจเดินทางกลับบ้าน ตัดผ่านเข้าไปในชุมชนหลังสถานีรถไฟหลักสี่ ตอนจะข้ามสะพานคลองเปรมประชาในหมู่บ้าน มีชาวบ้านบอกว่าอย่าเพิ่งไป ยังยิงกันอยู่ ผมเลยหยุดรอสักพัก ท้ายสุดก็ตัดสินใจเดินข้ามสะพานออกมาที่ถนนหลังสถานีรถไฟหลักสี่ มีคนตะโกนบอกพวกผู้ชุมนุมที่หนีเข้าไปในชุมชนว่าใครจะกลับลาดพร้าว รถทหารจะไปส่ง มีคนวิ่งออกไปขึ้นรถสองสามคน  ส่วนผมคิดว่าเดินข้ามสะพานลอยวิภาวดีไปจะดีกว่า มีคนบอกว่าเดินบนสะพานให้ระวังหน่อยนะ ทำให้ผมเดินแบบปอดๆ ตัวรีบ แบบหมาเดินหางจุกตูดอย่างไงอย่างนั้น  “ไปทุกวันอย่าคิดว่าแน่นะครับ”  สุดท้ายผมขึ้นรถตู้กลับบ้านอย่างปลอดภัย ระทึกใจดี ครับ

Comments are closed.