เรื่องสั้น อิงสถานการณ์ (ความจริง)
11
เมื่อวานนี้ไอ้เวรตะไล เห็นผม มันรีบเดินเข้ามาเลย มาถึงก็ไม่ฟังอีร้าค่าอีรม ใส่ไม่ยั้ง “มันเรื่องอะไรวะ ท่านถึงได้ตั้งหน้าตั้งตาด่าฉันอยู่เรื่อย แถมเสือกตั้งฉายาให้ฉันอีกว่า “ไอ้เวรตะไล” หนักไปหน่อยนะเพื่อน”
“ฉันว่ามันเบาไปด้วยซ้ำ เพราะท่านรู้หรือเปล่าว่า สิ่งที่ท่านทำไปนั้นได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้คนเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังทำให้องค์กรพินาจย่อยยับ เพราะความเห็นแก่ตัวของท่าน ดังนั้นรับมาเสียดีๆ ว่าเป็นความผิดพลาดของท่าน เปิดเผยความจริงมาให้หมด อย่างน้อนก็เป็นการถ่ายบาป”
“ฉันบอกท่านกี่ครั้งแล้วว่ามันเป็นเรื่องของสภาฯ ฉันเป็นแค่กรรมการคนหนึ่ง ฉันจะไปทำอะไรได้”
“ไม่ใช่แก่ส่งไอ้ดำ ไก่ชน ไปรอบบี้ ประธานฯ ที่พิษ-โลกรึ”
“เรื่องนี้ฉันไม่รู้จริงๆ”
“เอาอย่างนี้ดีกว่า ฉันขอถามตรงๆอีกครั้ง…ท่านเป็นคนเลือกให้นางแต้มเป็นอธิการบดี ม. สารขัณฑ์ใช่ไหม ทั้งๆที่ท่าน “ประภู่” มีคะแนนมาเป็นอันดับ 1”
“ไม่มีความเห็น”
“อย่าเอาคำตอบแบบในหนังสืบสวนทางทีวีมาใช้กับฉันนะ”
“ท่านก็เหมือนกัน อย่าทำตัวเป็นพนักงานสอบสวน ในหนังสืบสวนทางทีวีเหมือนกัน เพราะฉันไม่ใช่จำเลยของท่าน
ท่านจินตนาการเรื่องราวเป็นตุเป็นตะ ทั้งๆที่ความจริงแล้ว ท่านไม่รู้อะไรเลย ท่านเกษียณไปก่อนนานแล้ว และไม่ได้อยู่ที่นี่ อย่ามาแต่งเรื่องเหลวไหล ทำเหมือนว่า ตัวเองเป็นคนเก่ง คนดี คนอื่นเป็นผู้ร้าย มันสะใจมากนักหรือ อ้ายก๊วกเอ้ย !”
“อย่าโมโหซิ เพื่อน ที่ฉันต้องการรู้ความจริง ก็เพื่อจะได้หาทางขจัดระบบการสืบทอดอำนาจให้หมดไปจากองค์กรของเราเสียที เพื่อเรื่องเลวร้ายแบบนี้จะได้ไม่เกิดซ้ำรอยขึ้นอีก”
“ไม่มีความเห็น”
“ท่านนี่เป็นผู้ร้ายปากแข็งจริงๆนะ แทนที่จะรักองค์กร รักพวกพ้อง หาหนทางขจัดระบบเลวร้ายนี้ออกไปโดยการแฉความจริงออกมา เพื่อจะได้หาวิธีป้องกันระบบสืบทอดอำนาจ”
“พอ พอ ฉันจะไม่พูดอะไรกับท่านแล้ว ท่านอยากจะจินตนาการเรื่องสั้นน้ำเน่าของท่านอย่างไรก็ตามแต่ใจท่านเถิด ไม่มีใครเขาเชื่อท่านหรอก เรื่องนี้ท่านล้มละลายแล้ว เพราะความจริงมีอยู่ว่า “ฉันไม่รู้เรื่อง” ถึงแม้ว่าตอนนั้นฉันจะเป็นอธิการบดีฉันก็ไม่สามารถจะไปชี้นิ้วให้ใครเป็นอะไรได้”
“ก็ได้ แต่อย่าลืมนะว่า ฉันจะต้องหาความจริงเรื่องนี้ให้ได้ ไม่ว่าจะนานเท่าไร”
…