วิสุทธิ์ ตูน 30 มีนาคม 2552
วันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11341 มติชนรายวัน
สุรยุทธ์ จุลานนท์ โต้ข้อกล่าวหา”แม้ว” อยู่เบื้องหลังปฏิวัติ19ก.ย.
หมายเหตุ : เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 28 มีนาคม พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี แถลงข่าวที่สนามบินสุวรรณภูมิ ภายหลังกลับจากปฏิบัติภารกิจเป็นประธานปลูกต้นกล้า 9 ล้านมหามงคล ที่ จ.เชียงใหม่ ตอบโต้กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวหาว่ามีส่วนในการวางแผนปฏิวัติ 19 กันยายน 2549 และกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณไม่จงรักภักดี
ผมไม่ได้มีฐานะไปวางแผนทำรัฐประหาร ถ้าจำไม่ผิดที่มีการพบปะกันในครั้งนั้นเกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2549 โดยนายปีย์ มาลากุล เป็นคนเชิญไปพบ ไม่ได้มีการเตรียมการอะไรมากมาย เพราะช่วงนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากการมีเลือกตั้งทั่วไป 2 เมษายน 2549 ผมจำเป็นจะต้องติดตามสถานการณ์ ต้องไปพบปะพูดคุยกับคนที่เกี่ยวข้อง และในสถานการณ์ช่วงนั้นก็เป็นช่วงเวลาที่อาจจะเรียกว่าเป็นเรื่องของฝ่ายตุลาการที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง และวันนั้นมีโอกาสฟังความเห็นจากฝ่ายตุลาการสูงๆ ผมรู้จักเพียงท่านเดียวคือ นายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด เพราะรู้จักตั้งแต่ผมเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 ส่วนคนอื่นๆ ไม่รู้จักกันมาก่อน
การพูดคุยไม่ได้กระทำใดๆ คงพูดได้ว่าถ้าพูดกับผู้พิพากษาหรือตุลาการ มันไม่ได้สมเหตุผลเลย (ที่จะพูดเรื่องปฏิวัติ) ถ้าผมพูดกับผู้บัญชาการเหล่าทัพมันน่าจะสมเหตุผล จึงอยากเรียนในเบื้องต้น แม้กระทั่งคุณปีย์เป็นผู้อยู่ในวงการสื่อ เป็นผู้บริหารบริษัท แปซิฟิก คอมมูนิเคชั่น และเกี่ยวข้องกับ จส.100 ผมรู้จักคุณปีย์มานาน ยืนยันได้หากเราทั้งหลายอยากได้รับข้อมูลก็สอบถามคุณปีย์ได้
ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้วิดีโอลิงก์มาเมื่อวันที่ 27 มีนาคม ถึงเรื่องที่เกิดในปี 2545 นั้น ผมได้ดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอน คือ แผนการเคลื่อนย้ายกำลังที่จะไปพิทักษ์ชายแดนในการพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง กองทัพบกได้เรื่องขออนุมัติไปยังผู้บัญชาการทหารสูงสุด (พล.ร.อ.ณรงค์ ยุทธวงศ์) ทาง บก.สส.ได้ทำเรื่องไปยัง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รัฐมนตรีกลาโหมขณะนั้น และมีคำสั่งให้เคลื่อนย้ายกำลังไปฝึกในพื้นที่ใกล้ชายแดนได้ โดยคำสั่งนี้เป็นคำสั่งในชั้นความลับ ไม่สามารถเปิดเผยได้ และเรื่องนี้ได้รับการอนุมัติจากรัฐมนตรีแล้วเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2545 เราทำตามขั้นตอน จากนั้นรัฐบาลเห็นว่าไม่เหมาะสมก็สั่งให้ถอนกำลังกลับ ประมาณวันที่ 20 กว่าๆ เดือนพฤษภาคม
การอ้างถึงมีผู้มีเสียชีวิตจำนวนมากนั้น ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกำลังทางฝ่ายไทย เพราะไม่ได้เคลื่อนที่ไปชายแดน แต่เป็นเรื่องที่เกิดบริเวณชายแดนที่มีชนกลุ่มน้อยอยู่บริเวณชายแดน กองทัพบกก็ไม่ได้เกี่ยวข้อง และผลการสอบสวนที่กระทรวงกลาโหมได้ตั้งกรรมการสอบสวนออกมาว่าไม่ได้เป็นเรื่องที่กองทัพบกดำเนินการ
สำหรับการพบปะกับ พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นั้น มองได้ 2 แง่ โดย พล.ต.จำลองได้โทรศัพท์มาให้ไปพูดด้วยเห็นว่าโอกาสที่ กกต.ทั้งหมดจะถูกฟ้องศาลมีมาก และโอกาสที่จะพลาดก็มีสูง จึงมีการพูดคุยกัน จนกระทั่งปัจจุบัน พล.อ.จารุภัทรได้มาขอบคุณว่าหากไม่ฟังผมป่านนี้ท่านก็ถูกจำคุกไปแล้ว ถือว่าการที่ผมให้ข้อคิดไปแล้ว พล.อ.จารุภัทร เลือกทางเดินที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ผมเป็นผู้ให้ข้อคิดเห็นเท่านั้น ไม่ได้เป็นผู้จะไปสั่งใครได้ ข้อมูลที่ปรากฏในสื่อมวลชนเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง จึงเสนอในสิ่งที่เป็นมุมมองและข้อเท็จจริงให้นำไปพิจารณาเพื่อประกอบการตัดสินใจว่าแต่ละท่านควรจะเชื่อในสิ่งที่ผมพูดหรือจะเชื่อในข่าวที่ออกมา
การพบปะกันนั้น คุณปีย์เป็นคนเชิญในลักษณะไปทานข้าว ผมรู้จักคุณปีย์มานานแล้ว ไปบ้านคุณปีย์หลายครั้ง ได้คุยแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกันเป็นธรรมดา คิดว่าเราทุกคนมีเสรีที่จะคิดที่และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นแต่ไม่มีเสรีที่จะปฏิบัติ
@ การพูดคุยมีเฉพาะประเด็นสถานการณ์การเมืองเท่านั้นใช่หรือไม่
ใช่ครับ พูดคุยแค่สถานการณ์บ้านเมือง คงไม่ได้เกี่ยวกับการเมืองอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของบ้านเมืองที่ว่าเรามีปัญหาเราจะมีทางออกอย่างไร จากมุมมองแต่ละฝ่าย
@ จะฟ้องดำเนินคดี พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่
ผมคงไม่ฟ้อง อย่างที่เคยพูด เพียงแต่ให้ทุกคนได้ทราบความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น
@ ข้อสรุปที่พูดคุยในขณะนั้นคืออะไร
ข้อสรุปก็คือ ฟังมุมมองจากฝ่ายตุลาการว่าสิ่งที่เราเคยพูดว่าตุลาการภิวัตน์จะมีทางออกหรือไม่ นั่นก็เป็นเรื่องที่ถือเป็นข้อสรุปในวันนั้น
@ แสดงว่าไม่มีข้อสรุปเรื่องการรัฐประหารใช่หรือไม่
ไม่มี (ตอบทันที) ผมได้พูดแล้วว่า หากพูดกับผู้พิพากษา แล้วเราจะพูดว่าจะทำโดยการใช้กำลังว่าเป็นสิ่งที่ไม่มีเหตุผล
@ การที่พูดกันว่ามีการขอให้ทำเพื่อชาติบ้านเมือง
ผมไม่ได้พูดอย่างนั้นเลย
@ สิ่งที่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี พูด แสดงว่าคลาดเคลื่อน
ก็คงจะคลาดเคลื่อน ผมคงเรียนได้แค่นั้น
@ ได้มีการพูดคุยว่า พ.ต.ท.ทักษิณหมิ่นสถาบันเบื้องสูงหรือไม่
ในวันนั้นไม่ได้มีเรื่องการหมิ่นสถาบัน ก็คงได้กล่าวไว้ว่าเป็นเรื่องที่พูดถึงแนวทางที่แก้ไขปัญหาบ้านเมืองที่อยู่ในสภาวะวิกฤตในช่วงนั้น ว่าจะมีทางออกอย่างไร
@ มองแผนการที่ พ.ต.ท.ทักษิณพาดพิงถึงสถาบันเบื้องสูงนี้อย่างไร
ผมไม่ทราบ คงไปคาดเดาอย่างนั้นลำบาก ผมเรียนความจริงที่ผมได้ประสบ ได้รับฟัง ได้เห็น ให้รับทราบเท่านั้น
@ พล.อ.พัลลภเรียกร้องให้ท่านลาออก
บอกไปแล้วว่าเรื่องนี้เป็นข้อคิดเห็น ก็คงจะประกอบการตัดสินใจของผม ซึ่งคงต้องใช้เวลาอีกพอสมควร
@ การไปพบปะพูดคุยกันถือเป็นหน้าที่องคมนตรีหรือไม่
หน้าที่ของที่ปรึกษา หากท่านนั่งอยู่ในห้องเฉยๆ จะมีข้อมูลไหม หากท่านโดนถามจะตอบได้ไหมว่าอะไรเกิดขึ้น จะมีคนเขียนจดหมายให้ท่านว่าอะไรเกิดขึ้นอย่างไร นี่คือหน้าที่ของที่ปรึกษา ที่จะต้องรวบรวมข้อมูลและมีหน้าที่จะรับฟังความคิดเห็น แต่ไม่มีหน้าที่จะไปปฏิบัติ
@ พ.ต.ท.ทักษิณจะวิดีโอลิงก์มายังทำเนียบโดยจะเปิดเผยถึงเทปการสนทนากับ พล.อ.จารุภัทรด้วย
ผมชี้แจงวันนี้จะเป็นส่วนสำคัญให้ทุกท่านได้พิจารณา
@ พ.ต.ท.ทักษิณได้พาดพิงนั้น โดยส่วนตัวได้หารือกับ พล.อ.เปรม ที่จะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร
ผมยังไม่ได้คุย เพียงแต่กราบเรียนท่านว่าขออนุญาตที่จะแถลงข่าว เพื่อชี้แจงที่ผมได้รับทราบมา และอยากให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบด้วย ส่วน พล.อ.เปรมจะชี้แจงเรื่องนี้อย่างไร ผมคงไม่ทราบ
@ ความรู้สึกที่มีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณในขณะนี้เป็นอย่างไร
ผมไม่ได้รู้สึกมีโมโหหรือโกรธอย่างใด ผมเข้าใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณประสบปัญหาอะไร เพียงแต่อยากให้ประชาชนรับทราบว่าอย่าฟังเพียงด้านเดียว ให้ฟังอีกด้านหนึ่งด้วย ผมไม่สามารถประเมินเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณออกมาพูดได้ เพราะมันยังมีความต่อเนื่องของเรื่องนี้ไปอีก และไม่ทราบว่าจะลากยาวไปหรือไม่
@ พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่าท่านเสนอจะให้ฟรีทีวีแก่นายสนธิ ลิ้มทองกุล
ผมไม่เคยให้สัญญาเรื่องฟรีทีวี ผมไม่เคยคุยกับคุณสนธิ คนที่ผมเคยพูดถึงตอนที่รับเป็นนายกฯ คือ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. ที่พูดกับผม 3 ครั้ง จนจำคำพูดครั้งสุดท้ายของ พล.อ.สนธิได้ว่า “พี่ครับผมไม่มีใครแล้ว ผมต้องขอร้องให้พี่ช่วยรับ” นั่นคือสิ่งที่ผมได้ตัดสินใจ ซึ่งฝืนความรู้สึกผม เพราะได้พูดคุยกับครอบครัวว่าไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง แต่ผมต้องตัดสินใจทำ
@ มีการกล่าวหาว่าท่านให้กำลังใจคุณสนธิในการล้มรัฐบาลทักษิณ
ผมเคยพูดว่าคุณสนธิก็ต้องอดทนต่อสู้ต่อไป ผมเคยพูด และผมไม่ได้สนับสนุน แต่ให้กำลังใจว่า ขอให้ต่อสู้ เพราะคนที่ทำเป็นเรื่องที่อาจเกิดปัญหาง่ายๆ ผมก็ควรให้กำลังใจเขา
@ พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่า พล.อ.สุรยุทธ์เข้าเฝ้าฯพระเจ้าอยู่หัวกล่าวหาว่าเขาไม่จงรักภักดี
ผมว่าไม่จริง ผมคงไม่บังอาจกราบบังคมทูลฯในลักษณะเช่นนั้นเพราะว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงมีสายพระเนตรยาวไกล ผมไม่เคยปรักปรำคุณทักษิณ และไม่มีหลักฐานใดๆ จะอยู่ดีๆ บอกว่าคุณทักษิณไม่จงรักภักดี ยืนยันเรื่องนี้ยิ่งไม่มีใหญ่ ผมว่าไม่มีใครกล้าทำลักษณะนี้
@ ความสัมพันธ์ของท่านกับ พล.อ.พัลลภตอนนี้เป็นอย่างไรหลังถูกกล่าวหา
ผมคงไม่ไปวิจารณ์ท่านอื่น ท่านเป็นรุ่นพี่ เพราะว่าเรื่องต่างๆ เหล่านี้ก็เป็นช่วงระยะเวลา และเราก็ใกล้ถึงกาลอวสานกันอยู่แล้ว (พูดเสียงดัง) เพราะฉะนั้นไม่มีประโยชน์ไปทำให้เกิดความโกรธ โทสะขึ้นมา และทุกคนก็ต้องลงหลุมกันไปหมดแล้ว และผมได้คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณครั้งสุดท้ายที่งานศพมารดา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.
@ ทำไมช่วงหลัง พ.ต.ท.ทักษิณถึงเพ่งเล็งองคมนตรี
ผมไม่ทราบ ตอบแทนคุณทักษิณไม่ได้
@ ถือเป็นการยุ่งเกี่ยวการเมืองหรือไม่ในฐานะที่เป็นองคมนตรีแล้วไปพบปะพูดคุยสถานการณ์การเมืองกับตุลาการ
ผมแค่ฟังข้อคิดเห็น ถ้าฟังคนอื่นไม่ได้เลยก็ถือเป็นการจำกัดสิทธิในการรับฟัง ในการที่จะไปพบปะบุคคลอื่นมากมาย แม้กระทั่งคนที่เดินขบวนอยู่ทุกวันนี้ก็มีเสรีที่จะเดินขบวนโดยสงบตามกฎหมายกำหนด หากผมไปพบปะโดยสงบไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ ก็เป็นสิทธิ
@ ถือเป็นวิบากกรรมที่สุดในโลกหรือไม่ที่ได้เจอ
มันไม่มาก ผมเคยเจอมากกว่านี้แล้ว ยังไงเราก็ต้องหาทางแก้ไขปัญหาดูว่าวิธีใดน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
@ จะฝากอะไรและขออะไรถึง พ.ต.ท.ทักษิณ
ผมคงไม่มีอะไรที่จะฝาก เพราะว่าท่านก็คงฟังที่ท่านทั้งหลายจะไปออกอากาศว่ามีอะไรยังไงบ้าง และผมคงไม่สามารถทำให้คุณทักษิณหยุดได้ เรื่องนี้ทุกคนควรช่วยกันแก้ไข
@ ตัดสินใจผิดหรือไม่ที่มารับนายกฯในครั้งนั้น
(นิ่งคิด) คงไม่ใช่เรื่องตัดสินใจที่ดีนัก เมื่อย้อนกลับมาคิดตอนหลังแล้ว ก็พูดได้แค่นั้น
@ ช่วยยืนยันสัจจะที่ท่านเคยมีอยู่ได้หรือไม่
ผมคงไม่สามารถบอกว่าผมเป็นคนมีสัจจะ แต่ท่านคงพิสูจน์ได้ว่า ท่านรู้จักผมมานานพอสมควร สิ่งผมพูดแต่ละเรื่องพิเคราะห์ได้เลย และผมยืนยันแทนคุณทักษิณไม่ได้
@ พล.อ.เปรมได้ให้กำลังใจท่านหรือไม่
ไม่ได้มีการให้กำลังใจ มีแต่ขออนุญาตท่านว่า ผมจะออกมาให้สัมภาษณ์เท่านั้นเอง ไม่มีครับ
หน้า 2
Comments are closed.