เหล่านี้คือผู้แทนของเรา

วิสุทธิ์ ตูน  11  พค  53

มึงเล่นกันไปให้พอ…อ้าย…..

a50

ช่วยจัดฉาก!แดงเลิก ‘เทือก’มอบตัวดีเอสไอ-แกนนำไพร่ชิ่งหนีฮาร์ดคอร์
ข่าวหน้า 1 ไทยโพสต์  11 พฤษภาคม 2553 – 00:00

 มติเสื้อแดงยังไม่สลายตัว! จนกว่า “เทือก” จะเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ ฐานสั่งฆ่าประชาชน ระบุถ้าวันนั้นมาถึงเสื้อแดงก็พร้อมจะยุติการชุมนุมทันที และจะเข้ามอบตัว 15 พฤษภาคม ขณะที่ ผอ.ศอฉ.เตรียมแสดงตัวต่อดีเอสไอวันอังคารนี้ แต่แกนนำไพร่ต่อรองอีกต้องเข้ามอบตัวกับตำรวจเท่านั้น ส่วน “เสธ.แดง” ลั่นไม่ถอยแน่ เผยแม้วสั่งเปลี่ยนตัวแกนนำ ให้ “กี้-สุภรณ์-ไวพจน์” นำทัพสู้ต่อ แต่ “ณัฐวุฒิ” ปัดพัลวันอ้างนายใหญ่ไม่ได้สั่ง ด้านพันธมิตรฯ แฉรัฐบาล-นปช. จัดฉากหาทางลง

     ช่วงเช้าวันจันทร์ ท่าทีของแกนนำและแนวร่วมเสื้อแดงยังไม่มีความชัดเจนว่าจะยุติการชุมนุมหรือไม่ หลังเบื้องต้นตอบรับข้อเสนอปรองดองของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยก่อนหน้านี้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเสื้อแดง บอกว่าจะมีความชัดเจนในช่วงเช้าวันจัทนร์ แต่ก็เลื่อนไปเป็นช่วงเย็นแทน โดยแกนนำอ้างว่าจะต้องหารือกันเสียก่อน

     นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำเสื้อแดง กล่าวก่อนการหารือของแกนนำ เพื่อกำหนดท่าทีว่า แม้พวกตนยอม ประชาชนก็ไม่ยอม เพราะผู้ที่สั่งการยังไม่ต้องรับผิดชอบอะไร อย่างนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่สั่งการหยุดยิงได้ภายใน 5 นาที ก็ต้องรับผิดชอบ เพราะเมื่อคุณสั่งหยุดยิงได้ คุณต้องสั่งยิงได้เช่นกัน

     “แต่คดีนี้แม้แต่หมายเรียกยังไม่มีเลย อย่าเอาเรื่องปรองดองมาแลกกับชีวิตพวกเราที่เสียไป มันไม่จบง่ายๆ หรอก อย่ามาเอาเปรียบกันให้มาก ตอนนี้อย่าเอาสังคมมากดดันตน อยากถามว่าถ้าพี่น้องท่านเจ็บหรือตายบ้าง ท่านจะเป็นอย่างไร”

     นายจตุพรกล่าวต่อว่า ที่รัฐบาลบอกว่าจะปรองดอง แต่วันก่อนยังออกหมายจับแกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 หรือการซ้อมผู้ต้องหาคดีจับอาวุธให้รับสารภาพ นี่หรือคือกระบวนการยุติธรรม นายอภิสิทธิ์คุณอย่ามาสร้างมายาภาพ เรื่องปรองดองหากเป็นอย่างนี้ใครรับก็รับไป แต่ตนไม่รับ นายกอร์ปศักดิ์เองก็อย่าออกมาซ่าให้มาก ความปรองดองต้องเกิดจากความเท่าเทียม พวกคุณต้องถูกดำเนินคดี เพราะในส่วนคดีก่อการร้าย หรือล้มสถาบัน พวกตนก็พร้อมจะสู้คดี

     “วันนี้ผลการประชุมจะเป็นอย่างไรยังไม่รู้ ใครก็ตามที่เดินออกจากที่ชุมนุมโดยที่ไม่รับผิดชอบต่อคนที่ตายไป เป็นคนอัปรีย์ ตราบใดที่ไม่มีการดำเนินคดี เราก็จะสู้กันจนตายไปข้าง ใครจะปรองดองก็ปรองดองไป ผมไม่เอาด้วย จะมาฆ่ากันอีกรอบก็ได้ แต่จะไม่เดินออกไปจากที่นี่ ถ้ายังไม่ดำเนินคดีกับนายกรัฐมนตรี นายสุเทพและนายกอร์ปศักดิ์ เอาความตายมาให้พวกผมดีกว่า” นายจตุพรกล่าว

     ผู้สื่อข่าวถามว่า คุณเองจะไม่จบ แม้เป็นมติแกนนำก็ตาม นายจตุพรกล่าวว่า “ใครจะกล้ามีมติอย่างนั้น” ส่วนที่ถามว่า พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกที่ออกมาเปิดเผยว่าคุณอยากจะชุมนุมต่อ อย่างไรก็ตาม นายจตุพรบอกว่า ไม่มีอะไร ท่านก็ว่าของท่านไป

     พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก กล่าวว่า เมื่อคืนวันอาทิตย์ประมาณตี 1 พ.ต.ท.ทักษิณได้ตกลงใจทางโทรศัพท์กับตน โดยสั่งการให้แต่งตั้ง นปช.ชุด 2 ขึ้นมา และให้ใครที่ไม่สู้กลับบ้านไป ไม่ต้องมาขึ้นเวทีเสื้อแดงอีก ทั้งนายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ นายวิสา คัญทัพ ที่ไปประนีประนอม ไปแอบเจรจารัฐบาลใน ร.11 รอ. มอบตัวฮาร์ดคอร์ให้เขาติดคุก มึงบ้าหรือเปล่า พวกมึงอยากจะเลิกก็เลิกไป แต่ประชาชนเขาไม่เลิก

     “แกนนำตอนนี้เหลือไว้เพียงนายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่สู้ต่อ แต่หากใครเปลี่ยนใจสู้ต่อก็ไม่ต้องไป ส่วนแกนนำ นปช.ชุด 2 ประกอบด้วย นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ นายขวัญชัย ไพรพนา พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ความจริงป่านนี้แกนนำ นปช.ต้องแจ้งความฟ้องศาลดำเนินคดีข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนากับนายอภิสิทธ์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แล้ว ประชาชนจะยึดราชประสงค์ไม่เลิกจนกว่าพวกมึงจะยุบสภา ถูกดำเนินคดี เปิดพีทีวี และยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เอาทหารกลับกรมกองเท่านั้น” พล.ต.ขัตติยะกล่าว

“แม้ว” ปัดตั้งแกนนำรุ่น 2

     อย่างไรก็ตาม นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า กรณีที่มีการนำเสนอข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณแต่งตั้งให้นายสุภรณ์ นายอริสมันต์ นายขวัญชัย เป็นแกนนำชุด 2 แทน 3 เกลอนั้น ถือเป็นการเสนอข่าวที่คลาดเคลื่อน ทั้งนี้ พอ พ.ต.ท.ทักษิณทราบเรื่องจึงโทรศัพท์มาหาตน เพื่อให้ช่วยชี้แจงว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น มันไม่ใช่เรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณที่จะไปตัดสินใจเปลี่ยนตัวแกนนำ เป็นเรื่องของมวลชนเสื้อแดง

     “ขณะนี้มีมวลชนคนเสื้อแดงโทรศัพท์ไปหา พ.ต.ท.ทักษิณแสดงความเป็นห่วง โดยเฉพาะวีรชนที่เสียชีวิตยังไม่ได้รับความเป็นธรรม และคนสั่งการยังไม่ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมทั้งยังเห็นว่าแผนโรดแม็พของนายอภิสิทธิ์เป็นเพียงการหาทางลงให้ตัวเองเท่านั้น พ.ต.ท.ทักษิณจึงแนะนำให้แกนนำคนเสื้อแดงคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชน พี่น้องผู้สูญเสียด้วย แต่กระบวนการดำเนินการต่างๆ เป็นเรื่องของแกนนำคนเสื้อแดง ไม่เกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ” นายนพดลอ้างคำพูด พ.ต.ท.ทักษิณ

     บริเวณด้านหลังเวทีปราศรัย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเสื้อแดงกล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.ขัตติยะเผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณต้องการให้เปลี่ยนแกนนำ ว่าไม่ทราบว่าข้อมูลของเสธ.แดงนั้นได้มาอย่างไร แต่แกนนำ นปช.จัดขึ้นด้วยมวลชนคนเสื้อแดง มีสิทธิ์เท่าเทียมกัน ไม่มีใครเป็นเจ้านาย เป็นองค์กรแห่งเสรีชน ไม่มีใครแต่งตั้งใครได้

     ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะปลดใครหรือแต่งตั้งใคร ซึ่งตนได้พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ตลอด มีการโทร.มาถามข่าวคราวอยู่เป็นระยะๆ

     นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ แกนนำเสื้อแดง กล่าวว่า เรื่องของการเป็นแกนนำนั้นตนไม่รู้เรื่อง และไม่มีความคิดที่จะเป็นแกนนำรุ่น 2 จะเป็นได้อย่างไร เพราะตนยังมีคดีความเรื่องก่อการร้ายและหมายจับ ยืนยันว่าความคิดของเสธ.แดงไม่เกี่ยวกับ นปช. เพราะว่า นปช.ทำงานร่วมกันมีความเป็นเอกภาพ สำหรับแผนการปรองดองยังดำเนินการต่อไป

     “ที่สำคัญคนที่จะมาเป็นแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงรุ่นต่อไปไม่ควรจะถูกออกหมายจับ แต่ผมถูกออกหมายจับกรณีก่อการร้ายและล้มเจ้า ดังนั้นคิดว่าคงเป็นแกนนำ นปช.รุ่นต่อไปไม่ได้ ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่ได้ติดต่อมาเป็นการส่วนตัวในเรื่องนี้ ดังนั้นเรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้ และคิดว่าเป็นความคิดของ เสธ.แดงเพียงคนเดียว”

“ขวัญชัย” ผวาไม่ได้ประกันตัว
     นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร กล่าวโจมตีนายอภิสิทธิ์ว่าแผนปรองดอง 5 ข้อนั้นไม่จริงใจและไม่เป็นรูปธรรม รัฐบาลพูดเองเออเอง โดยไม่ถามความรู้สึกของประชาชน ยืนยันว่าเหตุที่แกนนำต้องประชุมหลายรอบ เพราะต้องระดมความคิดจากทุกคน เราต้องคุยกันทุกแง่มุม เพราะตอนนี้รัฐบาลยังไม่ชัดเจนว่าจะยุบสภาวันใด

     “ขณะนี้โรดแม็พของ นปช.เสร็จแล้ว แต่การประชุม 6 ชม.ที่ยังไม่มีข้อสรุป เพราะจากการเจรจาลับกับตัวแทนรัฐบาล ปรากฏว่า รัฐบาลเฮงซวย กวนโอ้ยไม่ยอมให้ประกันตัวแกนนำทั้งหมดที่ทำผิดข้อหาชุมนุมเกิน 5 คน ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยระบุว่า ให้ประกันได้ 20 คน ยกเว้นตน นายสุภรณ์ นายอริสมันต์ และ พ.ต.อ.ไวพจน์ ซึ่งผมเห็นว่าไม่ยุติธรรม ไปมอบตัวด้วยกันก็ต้องกลับด้วยกัน” นายขวัญชัยกล่าว

     นายสมชาย วงสวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแผนปรองดองว่า ส่วนตัวเห็นด้วยและเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณก็เห็นด้วยและอยากให้เกิดกระบวนการปรองดองขึ้น เพราะไม่มีใครอยากเห็นความขัดแย้งเกิดขึ้นในบ้านเมือง

     พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ หัวหน้ากลุ่ม กทม.50 พรรคเพื่อไทย และคนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เท่าที่ได้คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ทราบว่าท่านต้องการให้คนที่มีอำนาจมาเจรจาที่ไหนก็ได้

     ช่วงเย็นหลังการหารือของแกนนำเสื้อแดง นายจตุพร นายณัฐวุฒิ นายขวัญชัย และแกนนำ นปช.อีกหลายคน ได้เดินออกมาจากตู้คอนเทนเนอร์รถ 6 ล้อติดเครื่องปรับอากาศที่ดัดแปลงเป็นห้องประชุม ภายหลังร่วมกันหารือเกือบ 3 ชั่วโมง ถึงท่าทีแผนปรองดองหรือโรดแม็พของคนเสื้อแดง

     เวลา 18.10 น. แกนนำ นปช.ทั้งหมดได้ร่วมกันแถลงข่าวบนเวที แต่ไม่มีนายวีระ มุสิกพงศ์ โดยนายณัฐวุฒิกล่าวว่า มติที่ทุกคนยืนยันเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ 1.นปช.แดงทั้งแผ่นดินขอประกาศตอบรับการกำหนดวันเลือกตั้ง 14 พ.ย.2553 ตามที่นายอภิสิทธิ์เสนอมา และเมื่อประกาศตอบรับแล้ว เราได้เคยตั้งคำถามถึงการกำหนดวันยุบสภา ซึ่งถือเป็นอำนาจหน้าที่โดยตรงของ กกต.ทางนายอภิสิทธิ์แสดงท่าทีตรงกันว่าวันยุบสภาคือวันใดวันหนึ่งของวันที่ 15-30 ก.ย. เมื่อมีคำตอบแบบนี้ เราก็ยินดีตอบรับวันยุบสภา 15-30 กันยายน โดยไม่มีเงื่อนไข นี่คือการแสดงความจริงใจของ นปช.ทั้งแผ่นดินที่จะนำพาบ้านเมืองสู่สันติภาพ โดยไม่มีผู้บาดเจ็บล้มตายอีก

     นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า แต่ประการสำคัญคือ การต่อสู้ของคนเสื้อแดงคือเราต่อสู้กับกระบวนการยุติธรรม 2 มาตรฐาน ดังนั้นเมื่อเราต่อสู้กับกระบวนการยุติธรรม 2 มาตรฐาน จึงมิอาจยอมรับกับกระบวนการยุติธรรมจากรัฐในทุกกรณี อันหมายถึงว่าในการดำเนินคดีความต่างๆ อันเกี่ยวเนื่องหรือเกิดขึ้นระหว่างการต่อสู้ เราบอกแล้วว่าไม่ประสงค์รับการนิรโทษกรรมไม่ว่าจะเป็นคดีเล็กหรือคดีใหญ่ อาทิ คดีผู้ก่อการร้าย ที่ถึงขั้นประหารชีวิต เรายินดีเข้าสู่การต่อสู้ แต่รัฐบาลต้องเข้าสู่การปฏิบัติในมาตรฐานเดียวกัน

     เขากล่าวว่า ที่มาของข้อกล่าวหาก่อการร้ายของ นปช.เกิดขึ้นในคืนวันที่ 10 เมษายน 2553 ที่ทหารเข้าสลายการชุมนุมจนมีผู้บาดเจ็บกว่า 800 ราย เสียชีวิตอีก 25 ราย ภายหลังเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น พวกเราถูกกล่าวหาเป็นผู้ก่อการร้ายโดยรัฐบาล และถูกออกหมายจับจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ขณะที่นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพในฐานะผู้รับผิดชอบปฏิบัติของ ศอฉ.กลับไม่ปรากฏว่าถูกดำเนินคดีแม้แต่อย่างใด ทั้งที่มีการแจ้งข้อหาเอาผิดไปแล้วหลายกรรมหลายคดี

     แกนนำเสื้อแดงรายนี้กล่าวอีกว่า นายอภิสิทธิ์กับนายสุเทพต้องเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในเหตุการณ์ 10 เมษายน เช่นเดียวกัน คดีผู้ก่อการร้ายถ้าเราทำผิดจริงก็ยินดีถูกประหารชีวิต แต่คดีสั่งปราบปรามเข่นฆ่าประชาชน หากศาลตัดสินประหารชีวิต อภิสิทธิ์กับสุเทพก็ต้องถูกประหารชีวิตเช่นเดียวกัน

เทือกมอบตัว “แดง” พร้อมสลาย

     “นายอภิสิทธิ์ที่เป็น ส.ส.ที่อยู่ในสมัยประชุมสภา จึงได้รับเอกสิทธิ์ยกเว้นเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยวันยุติการชุมนุมของ นปช.เพื่อเดินหน้าเข้าสู่การปรองดองจะเป็นวันเดียวกับวันที่นายสุเทพเข้ามอบตัวกับตำรวจ นายสุเทพประกาศมอบตัวกับตำรวจวันไหน เราประกาศยุติการชุมนุมวันนั้น แต่หากปฏิเสธการมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ นปช.ก็ปฏิเสธการยุติการชุมนุมทันที นายสุเทพมอบตัววันไหน เรากลับบ้านวันนั้น นายสุเทพปฏิเสธวันไหน เราก็ปฏิเสธวันนั้นเช่นเดียวกัน และวันนั้นจะเป็นวันที่แกนนำ นชป.จะเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม” นายณัฐวุฒิแถลงจุดยืนเสื้อแดง

     นายจตุพรกล่าวว่า นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพต้องถูกดำเนินคดีข้อหาฆ่าคนตาย 21 คดี ข้อหาพยายามฆ่าอีกกว่าพันคดี ถ้านายสุเทพไปมอบตัว แล้วตำรวจไม่ให้ประกันตัว ขังนายสุเทพ ก็ไม่ต้องให้ประกันตัวพวก นปช.เช่นกัน หลังปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 21 พ.ค.2553 นายอภิสิทธิ์ก็นัดหมายกับตนเลยว่าจะไปมอบตัววันไหน ตนก็จะไปมอบตัววันนั้น นี่เป็นบันไดลงของทรราช รวมถึงนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ด้วย ที่ไม่ได้รอดเลย

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเสร็จสิ้นการแถลงข่าวมีกระแสข่าวว่านายสุเทพเตรียมเข้ามอบตัวกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในวันอังคารนี้ ทำให้นายณัฐวุฒิที่เตรียมตัวตอบคำถามของสื่อมวลชนได้โทรศัพท์ขึ้นมาติดต่อโดยทันที โดยไม่ทราบว่าปลายสายคือใคร

     จากนั้นนายณัฐวุฒิกล่าวถึงกระแสข่าวดังกล่าวว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เป็นหนึ่งในกรรมการ ศอฉ. และสุเทพเป็น ผอ.ศอฉ. ถ้านายสุเทพไปมอบตัวที่ดีเอสไอ อธิบดีอยู่ในผลประโยชน์ทับซ้อนทันที อธิบดีอาจมีความผิดด้วย พอทราบแบบนี้ตนคิดว่าเอาความสง่างามดีกว่า นายสุเทพไม่ควรแสดงเจตนาค้ากำไรทางการเมือง แบบนี้ตนเชื่อว่าถ้าไปมอบตัว ตนท้าว่าอธิบดีดีเอสไอบอกว่าไม่มีความผิด

     “ผมว่านายสุเทพมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจดีกา และไม่ทราบว่าเป็นวันอังคาร ตอนบ่ายเราเตรียมการทันหรือเปล่า แต่เราพร้อมประกาศทันที เช่น นายสุเทพไปวันอังคาร มะรืนเช้าแยกย้ายกัน เพราะตอนดึกไม่สะดวก และยืนยันผมไม่ได้ตั้งแง่ ไม่มีบิดพลิ้ว ถ้ายุติก็ต้องยุติ ถ้ารัฐบาลบิดพลิ้วก็จะกลับมาอีก มันก็ต้องไปกันข้างหนึ่ง”

     เขากล่าวด้วยว่า กำหนดการมอบตัววันที่ 15 พ.ค.เป็นกำหนดการเดิม แต่จะไปก่อนก็ได้ ถ้ายังไม่เรียบร้อยก็ต้องอยู่ ถ้าชัดเจนก็จะไปก่อนไม่ต้องรอวันที่ 15 และเมื่อเราไม่รับนิรโทษกรรมก็ไม่มีปัญหาเรื่องการสู้คดี แต่นายสุเทพตีกินแบบนี้อย่าทำเลย ถ้ารัฐบาลใช้อำนาจไม่ชอบธรรมจะพูดคำว่าปรองดองพร้อมกันได้อย่างไร

     นายจตุพรกล่าวว่า นายสุเทพควรไปมอบตัวที่กองปราบปราม หรือโรงพักใด แต่การไปแสดงตัวก่อนมีการออกหมายเรียก เพื่อต้องการความมั่นใจเรื่องการประกันตัวจากดีเอสไอ อย่ามีเขี้ยวแบบนี้ พวกตนอะลุ่มอล่วยให้แล้ว แต่ถ้าไปหลังตำรวจออกหมายเรียกหรือหมายจับ จะทำให้ตำรวจใช้ดุลยพินิจได้ว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่

“เทือก” แสดงตัวดีเอสไออังคารนี้

     เวลา 18.40 น. ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงการประชุม ศอฉ.ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เข้าร่วมการประชุม โดย ศอฉ.มีการพูดถึงการดำเนินคดีต่างๆ โดยเฉพาะในส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทั้งเรื่องขั้นตอนเรื่องการเข้ามอบตัว นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้รับทราบถึงการกล่าวหานายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ โดยได้มีการปรึกษาหารือในประเด็นดังกล่าว

     “ท่านรองนายกฯ สุเทพได้ตัดสินใจเดินทางไปพบอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษในวันที่ 11 พฤษภาคม ช่วงบ่าย ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อรับทราบการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อตัวท่าน ส่วนขั้นตอนตามกฎหมายก็ยังมีอีกหลายขั้นตอน” นายปณิธานกล่าว

     สำหรับกรณีของนายอภิสิทธิ์นั้นจะต้องผ่านกระบวนการทางรัฐสภาก่อน และจะได้ดำเนินการต่อไป ทั้งนี้เข้าใจว่าตัวนายกฯ เป็น ส.ส.จึงมีเอกสิทธิ์คุ้มครอง จึงต้องผ่านรัฐสภา ส่วนระยะเวลาในการดำเนินการนั้นจะขึ้นอยู่กับสภา

     นายปณิธานอธิบายต่อว่า ในเมื่อมีประชาชนเข้าไปร้องทุกข์กล่าวโทษ ฝ่ายบริหารจึงต้องไปรับทราบ โดยวันที่ 11 พ.ค.เป็นวันที่นายสุเทพแสดงเจตนาชัดเจนในการเข้าสู่กระบวนการซึ่งถือเป็นการเริ่มต้น จากนั้นดีเอสไอจะตั้งเรื่อง สรุปสำนวน สอบพยาน แล้วจึงตั้งข้อกล่าวหา

     “การตัดสินใจของนายสุเทพนั้น เข้าใจว่าที่ประชุม ศอฉ.ก็เพิ่งได้รับทราบเมื่อช่วงเย็น แต่อย่างไรก็ตามนับว่าเป็นไปตามแนวทางของนายอภิสิทธิ์อยู่แล้ว เพราะนายอภิสิทธิ์ได้ตอบคำถามกับสื่อมวลชนมาตั้งแต่แรกว่ายินดีเข้าสู่กระบวนการ โดยการทำงานของ ศอฉ.และฝ่ายความมั่นคงสามารถอธิบายได้ และสามารถนำหลักฐานต่างๆ ไปต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมได้”

     โฆษกรัฐบาลกล่าวด้วยว่า การยุติการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายรอคอย และเห็นว่าขณะนี้ไม่มีเงื่อนไขใดๆ ที่เป็นอุปสรรคสำคัญที่จะทำให้การยุติการชุมนุมไม่เกิดขึ้น ทั้งนี้กระบวนการประสานงานเพื่อให้มีการยุติการชุมนุมก็ผ่านไปได้ด้วยดี โดยนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกฯ ได้ประสานไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ทันทีที่ยุติการชุมนุมต้องทำอย่างไรบ้าง

     ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความเป็นห่วงถึงเหตุแทรกซ้อนหลังจากนี้หรือไม่ นายปณิธานกล่าวว่า ได้กำชับเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลพื้นที่ มีการกระชับมาตรการการรักษาความปลอดภัยต่างๆ มากขึ้นในบริเวณที่จะเกิดปัญหา เข้าใจได้ว่าทุกอย่างเดินไปด้วยดี ส่วนกรณีกลุ่มฮาร์ดคอร์นั้น คิดว่าคงไม่เป็นปัญหาอะไร

     เมื่อถามถึงกรณีที่นายขวัญชัยระบุว่า เหตุที่การเจรจายังไม่ยุติ เนื่องจากติดปัญหาเรื่องหมายจับแกนนำ ซึ่งข้อปัญหาดังกล่าวได้ถูกคลี่คลายแล้วหรือไม่ นายปณิธานกล่าวว่า เข้าใจว่าการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจะเป็นไปตามหลักการ ซึ่งทุกฝ่ายต้องเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายกำหนด แต่อย่างไรก็ตามการดูแลเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องแทรกซ้อนก็ได้ประสานงานทำกันอยู่ ยืนยันว่าทุกฝ่ายจะได้รับความยุติธรรมโดยเท่าเทียมกัน

     นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เผยว่า นายสุเทพได้โทรศัพท์แจ้งมายังตนว่า ในวันที่ 11 พ.ค.นี้ในเวลา 08.30 น.จะเดินทางมาพบกับตน เพื่อรับทราบการร้องทุกข์กล่าวโทษกรณีที่นายสุเทพ ในฐานะ ผอ.ศอฉ.มีการสั่งทหารให้มีการขอคืนพื้นที่บริเวณแยกคอกวัวจนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

     ทั้งนี้ สืบเนื่องจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยและญาติผู้เสียชีวิตได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษที่ดีเอสไอเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เมื่อนายสุเทพรับทราบจึงต้องการเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรมเรียกร้อง เพราะเชื่อว่าการเข้ารับทราบการร้องทุกข์กล่าวโทษจะสามารถลดเงื่อนไขหนึ่งของ นปช.และจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น

“ศอฉ.”ระบุยังคงทหารไว้

     ขณะที่ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แถลงผลการประชุม ศอฉ.ว่า ศอฉ.มีการเสนอนายกรัฐมนตรีว่ายังไม่ควรยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และเรื่องกำลังทหารยังไม่เหมาะสมจะถอนแม้จะมีการสลายการชุมนุมไปแล้ว คงต้องรอให้ยุติการชุมนุม เพราะมีความจำเป็นต้องดูแลความปลอดภัย ตามที่ทราบว่ามีการก่อการร้ายแฝงอยู่ในการชุมนุม

     เมื่อถามว่า การขอคืนพื้นที่จะมีการดำเนินการอย่างไร พ.อ.สรรเสริญบอกว่า ถ้ายุติการชุมนุมจริงอย่างที่แกนนำแถลงคงจะดำเนินการร่วมกันหลายฝ่าย ในเรื่องการดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนกลับบ้าน แต่ทหารมีความจำเป็นต้องตั้งด่านตรวจ เพราะต้องป้องกันไม่ให้ลักลอบอาวุธสงครามออกนอกพื้นที่ โดยเฉพาะอาวุธสงครามของทหารที่ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมยึดไป

     ถามว่า กลัว พล.ต.ขัตติยะจะสร้างสถานการณ์ทำให้เกิดความรุนแรงหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า เราได้เตรียมการอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ วันนี้เรากระชับวงล้อมด้วยการตั้งด่านเพิ่มจากเดิม 6 ด่าน เป็น 14 ด่าน และบีบวงล้อมเข้าไปในพื้นที่ชุมนุม ทั้งนี้แกนนำผู้ชุมนุมได้ประกาศต่อสาธารณชน คิดว่าทุกคนต้องรักษาสัจจะตัวเอง และต้องเชื่อใจกันและกัน ซึ่งเป็นทิศทางที่ดีที่ทำให้บ้านเมืองสงบ

     นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐบาลยังรอคำตอบจากคนเสื้อแดงว่าจะคืนพื้นที่แยกราชประสงค์เมื่อไหร่ เพราะสังคมกำลังรอคอยการตัดสินใจที่ชัดเจน ซึ่งทางกลุ่มผู้ชุมนุมจะต้องแยกออกจากกันให้ได้ ระหว่างแกนนำซึ่งนำมวลชนมากับฝ่ายที่พยายามจะขัดขวางแผนปรองดอง เนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้ให้สัญญาณที่ชัดเจนไปแล้วว่าควรจะมีความชัดเจนภายในจันทร์นี้

     “เท่าที่มีการพูดคุยกันมาถึงวันนี้ถือว่ามีการพูดคุยกันครบทุกประเด็นแล้ว ไม่มีประเด็นใดที่ตกค้าง ดังนั้นหากตอบรับแผนปรองดองก็ต้องตอบให้ได้ด้วยว่าจะมีการเลิกชุมนุมเมื่อใด เพราะในช่วงหลังดูเหมือนว่าทาง พล.ต.ขัตติยะซึ่งเชื่อโยงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็พยายามที่จะเข้ามาขัดขวางแผนปรองดอง ฉะนั้นตัวแกนนำจะต้องแยกออกจากกันให้ชัดเจนระหว่างท่าทีการรับแผนปรองดองตั้งแต่เบื้องต้นว่าการเข้ามาแทรกแซงของเสธ.แดง

     เพราะหากแยกจากกันไม่ได้ การชุมนุมที่ยืดเยื้อจะยิ่งสร้างปัญหา และทำให้รัฐบาลต้องบังคับใช้กฎหมายต่อไป หากคนเสื้อแดงไม่มีกำหนดเลิกชุมนุมที่ชัดเจนก็คงต้องนำเรื่องนี้หารือในที่ประชุม ครม.ในวันอังคาร ว่าจะดำเนินการอย่างไรให้เป็นไปตามกฎหมาย”

เทือกกำชับจับ”เสธ.แดง”

     นายสาทิตย์กล่าวต่อว่า สำหรับการดำเนินคดีกับ พล.ต.ขัตติยะตามหมายจับนั้น นายสาทิตย์กล่าวว่า ในที่ประชุมศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) นายสุเทพได้กำชับตำรวจไปว่าจะปล่อยให้ผู้ต้องหาตามหมายจับมีท่าทีที่ไม่เหมาะสมกับตำรวจไม่ได้ จะต้องดำเนินการตามกฎหมายด้วย เพราะที่ผ่านมาประชาชนก็มีความรู้สึกว่าอึดอัดและคับข้องใจต่อการทำงานในลักษณะนี้มาตลอด ดังนั้นการบังคับใช้กฎหมายจะต้องชัดเจน

     นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เหตุผลที่เสื้อแดงยังไม่ยอมยุติการชุมนุมเป็นเพราะว่าแกนนำมีความขัดแย้งภายในอย่างรุนแรง และหาจุดลงตัวได้ยาก โดยสังเกตได้จากท่าทีของกลุ่มฮาร์ดคอร์ที่นำโดย พล.ต.ขัตติยะที่ออกมายื่นข้อเสนอ 5 ข้อ รวมถึงการตั้งกองกำลังอิสระแยกออกจากการ์ด นปช. และการให้สัมภาษณ์ของเสธ.แดงที่มีการเยาะเย้ยถากถางแกนนำ นปช.3 เกลอ ซึ่งตนคิดว่าถือเป็นความแตกแยกที่ยากจะรักษาได้

     ที่พรรคเพื่อไทย นายวิทยา บุรณศิริ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปรัฐบาล) แถลงภายหลังประชุมพรรคว่า ที่ประชุมเสียงส่วนใหญ่จะมอบหมายให้ตนนำเสนอทางออก ต่อที่ประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 11 พ.ค.โดยมีข้อเสนอ 3 ข้อ คือ 1.จะให้รัฐสภาเป็นผู้ดำเนินการเสนอโรดแม็พแทนรัฐบาลโดยมีสาระสำคัญ คือ จะต้องให้ความขัดแย้งของสังคมยุติโดยเร็วที่สุด เพื่อนำประเทศชาติเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย และรัฐสภาจะต้องเป็นตัวกลางที่คุยกับทั้งสองฝ่าย ทั้ง นปช.และรัฐบาลเพื่อแก้ข้อวิตกกังวลที่ทั้งสองฝ่ายมี

     2.ให้นายกรัฐมนตรีกำหนดวันยุบสภาและวันเลือกตั้งให้ชัดเจนโดยเร็วที่สุด เพื่อให้บ้านเมืองหลุดพ้นเงื่อนไข ป้องกันโรคแทรกซ้อนที่จะเข้ามาขัดขวางไม่ให้เกิดความปรองดองและให้ประเทศชาติพ้นภาวะความอึมครึมโดยเร็วที่สุด และ 3.ให้พัฒนาโรดแม็พให้เป็นสัญญาประชาคม โดยให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมโดยจะเสนอให้ที่ประชุมรัฐสภาตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งจะเป็นผู้รับฟังความเห็นและสรุปให้เสร็จโดยเร็วในเวลากำหนด

     “เราไม่เห็นด้วยที่จะให้นายกฯ เสนอโรดแม็พ เพราะถือว่าเป็นคู่กรณีคู่ขัดแย้งกับกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงโดยตรง ขณะที่ในสภาเราจะได้นำเสนอไป โดยเรามีแค่ 3 ข้อน่าจะรวดเร็วกว่าของนายกฯ ที่มี 5 ข้อของรัฐบาล ในส่วนของพรรคเพื่อไทยก็มีคณะกรรมการดำเนินการจัดทำแผนโรดแม็พไปเพื่อเสนออีกทาง” นายวิทยากล่าว

     นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ (กมม.) กล่าวว่า ทันทีที่แกนนำคนเสื้อแดงยื่นเงื่อนไขให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ไปมอบตัวข้อหาสั่งสลายการชุมนุมวันที่ 10 เมษายนหลัง นปช.แถลงเสร็จไม่ถึง 10 นาที โฆษกรัฐบาลก็ออกมาแถลงว่าพรุ่งนี้นายสุเทพจะไปดีเอสไอเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาทันที เป็นเรื่องตลกมาก เพราะประชาชนยังไม่รู้เลยว่าดีเอสไอตั้งข้อหานายกฯ กับนายสุเทพเรื่องสั่งสลายม็อบ 10 เมษา ตั้งแต่เมื่อไหร่

     “นี่เป็นการจัดฉากร่วมกันระหว่างแกนนำ นปช.กับรัฐบาล เป็นฉากสุดท้ายของละครน้ำเน่าเรื่องโรดแม็พ ซึ่งก็เป็นการยืนยันชัดเจนว่ามีการตกลงกันมาก่อนล่วงหน้าระหว่างแกนนำม็อบกับรัฐบาล และเหตุที่ม็อบต้องยื้อมาหลายวันเพราะกลัวว่าจะไม่ได้ประกันตัว งานนี้รัฐบาลอาจจะยอมใช้นายสุเทพเป็นเหยื่อเพื่อแลกกับการยุติการชุมนุมไปก่อนหลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกที ซึ่งวิธีคิดแบบนี้เป็นเรื่องอันตราย เพราะปัญหาไม่จบและกลุ่มก่อการร้ายก็จะลอยนวล และให้ประชาชนไปตายเอาดาบหน้า”

     เขาบอกว่า ส่วนประเด็นการประกันตัวนั้นดีเอสไอและตำรวจต้องตอบคำถามสังคมให้ได้หากจะมีการให้ประกันตัวแกนนำม็อบเสื้อแดง เพราะแกนนำเหล่านี้ก่อคดีอุกฉกรรจ์ร้ายแรงเป็นคดีข้อหาก่อการร้ายในระหว่างมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินด้วย ซ้ำร้ายคนเหล่านี้ก่อความผิดทั้งที่อยู่ในระหว่างการประกันตัวในคดีอื่นๆ มาก่อนหน้านี้ หากดีเอสไอและตำรวจให้ประกันตัวอาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ฉะนั้นอำนาจในการให้ประกันตัวจะต้องเป็นอำนาจของศาลเท่านั้น คดีอุกฉกรรจ์แบบนี้ตำรวจกับดีเอสไอไม่มีสิทธิ์ให้ประกันตัวอย่างเด็ดขาด

     “ผมเป็นห่วงว่าหากดีเอสไอหรือกรมสอบสวนคดีพิเศษถูกลากมาเล่นการเมืองมากๆ จะเป็นเรื่องอันตราย เพราะอาจกลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองของรัฐบาลกลั่นแกล้งเล่นงานฝ่ายตรงข้ามได้ตลอดเวลา ซึ่งรัฐบาลอภิสิทธิ์จะต้องระมัดระวังไม่ให้ประชาชนเข้าใจและรู้สึกเช่นนั้น”นายสุริยะใสกล่าว.