เครื่องแบบสีแดง

วิสุทธิ์ ตูน 17 เมษายน 2552

ASTVผู้จัดการออนไลน์ – “ไทยรัฐ” เป็นกระบอกเสียงให้ “กบฎเสื้อแดง” แพร่ข่าว “กาฝากกองทัพ -หมวดเจี๊ยบ” เดินทางไปให้กำลังใจคนเสื้อแดงที่สนามหลวง บีบน้ำตาตอแหลได้อีกทหารปราบปรามประชาชนมือเปล่า


ช่วงเวลาประมาณ 21.30น. ที่ผ่านมาเว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ได้เผยแพร่ข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดงที่ก่อการจลาจลขึ้นที่เมืองพัทยา และ กรุงเทพมหานคร รวมไปถึงทำร้ายประชาชนจนเสียชีวิต 2 ราย จนทำให้รัฐบาลต้องสลายการชุมนุมไปในช่วงเที่ยงวันนี้ ว่าในช่วงเย็น กลุ่ม นปช. ราว 300 คนได้จับกลุ่มกันอยู่บริเวณสนามหลวง โดยมีการเปลี่ยนเสื้อแดงเป็นเสื้อสีปกติ โดยไม่มีการตั้งเวทีปราศรัย หรือเครื่องขยายเสียง

ไทยรัฐได้รายงานว่า “บรรยากาศการรวมตัวกันของประชาชนยังคงเป็นไปด้วยความโกรธแค้น ผู้ชุมนุมบางคนยังมีอารมณ์คุกรุ่นอยู่ ได้พยายามตะโกนปลุกระดมให้ผู้ชุมนุมรายอื่นๆ ปักหลักสู้กับรัฐบาลต่อ บางรายมีการปลุกระดมให้วัยรุ่นออกไปป่วนทหารรอบ กทม.ในลักษณะจรยุทธ โดยมีกำลังตำรวจนครบาล กว่า 200 นายเข้ามาตรึงกำลังคอยควบคุมดูแลเหตุ และถอนกำลังกลับไปเมื่อพบว่า สถานการณ์ไม่มีทีท่าจะลุกลาม”

นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่า ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต หรือ หมวดเจี๊ยบ ผู้หนีราชการไปเขียนหนังสือ ทักษิณ Where Are You? และ Thaksin Are You OK? เดินทางมาให้กำลังใจกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่ชุมนุมกันอยู่บริเวณสนามหลวง โดยไทยรัฐระบุว่า

“หมวดเจี๊ยบ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ด้วยน้ำตานองหน้า โดยกล่าวแสดงความเสียใจและรับไม่ได้กับการที่รัฐบาลใช้กำลังทหารสลายการชุมนุม ท่ามกลางความสนใจของกลุ่มมวลชนที่พร้อมใจกันมาคอยล้อมให้กำลังใจ ถ่ายรูป ขอลายเซ็น บางคนเข้าไปกอดหมวดเจี๊ยบและปลอบโยนให้เลิกร้องไห้

ทั้งนี้หมวดเจี๊ยบให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า “เดินทางมาสนามหลวงเพราะดูโทรทัศน์แล้วเห็นภาพทหารใช้อาวุธสงครามมาจัดการกับประชาชน จึงอยากมาเห็นด้วยตัวเอง และพบว่าประชาชนที่มาไม่มีอาวุธอะไรในมือ การเดินทางมารวมตัวที่สนามหลวง ก็มีความเสี่ยงจะถูกทำร้ายได้ทุกเมื่อ ประชาชนจึงไม่กล้า แม้แต่จะใส่เสื้อสีแดงออกมา เหตุที่เกิดนั้นมองว่า ไม่มีใครอยากเห็นรัฐบาล และกองทัพที่ซื้อมาจากภาษีของประชาชนมาทำร้ายประชาชนจนเลือดตกยางออก วันนี้ประชาชนที่ออกมาไม่ใช่เพราะสีแดงแล้ว แต่ไม่เห็นด้วยกับใช้ความรุนแรงการปราบปรามประชาชน มั่นใจว่าไม่ใช่แค่ความรู้สึกของตน แต่ทุกคนรู้สึก ซึ่งหลังจากนี้อยากเห็นรัฐบาลและกองทัพแสดงความรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น และตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐปราบปรามประชาชนนั้นถูกต้องกับหลักสิทธิมนุษยชนหรือไม่ วันนี้ทุกคนก็เห็นว่าประเทศไทยมีกี่มาตรฐาน และมีความยุติธรรมหรือเปล่า ส่วนเรื่องการรับผิดชอบเป็นจิตสำนักที่อยู่จิตใจแต่ละคน เพราะเสียงเรียกร้องของประชาชนเชื่อว่าผู้มีอำนาจคงได้ยินและนำไปพิจารณาด้วย”

สำหรับ ร.ท.หญิง สุนิสา นั้นปัจจุบันดำรงตำแหน่งนายทหารประจำสำนักงานเลขาธิการกองทัพบก เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ที่ผ่านมาเพิ่ง เดินทางเข้าชี้แจงต่อ พล.ต.วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล เลขานุการกองทัพบก ในฐานะผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด กรณีออกหนังสือคำสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เล่มที่ 2 ทักษิณ Are You Ok? ซึ่งเป็นภาคต่อของหนังสือ ทักษิณ Where Are You? โดยกองทัพบกระบุว่า ร.ท.หญิง สุนิสา กระทำความผิดข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยข้าราชการกลาโหมกับการเมือง พ.ศ.2499 ข้อ 8 ที่ระบุว่า ไม่เขียนจดหมาย หรือบทความใดลงหนังสือพิมพ์ หรือพิมพ์หนังสือ หรือใบปลิว ที่จะจำหน่ายแจกจ่ายไปยังประชาชน อันมีข้อความที่เป็นลักษณะของการเมือง ทำให้โฆษณาหาเสียงเพื่อประโยชน์แก่พรรคการเมือง หรือแสดงการสนับสนุนพรรคการเมือง หรือแสดงการสนับสนุนพรรคการเมืองใดๆ ที่ปรากฏแก่ประชาชน ทั้งนี้ จึงให้ ร.ท.(หญิง) สุนิสา ทำหนังสือชี้แจงกองทัพบกเป็นลายลักษณ์อักษร

ก่อนหน้านั้น ร.ท.หญิง สุนิสา เคยถูกกองทัพตั้งคณะกรรมการสอบวินัยมาแล้วครั้งหนึ่ง จากการหนีราชการไปรวม 20 วัน เพื่อไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ประเทศอังกฤษ เพื่อนำมาเขียนหนังสือ “ทักษิณ Where Are You เมื่อปี 2550 ซึ่งเรื่องเข้าสู่กระบวนการชั้นศาลทหารแล้วนั้นยังไม่มีคำตัดสิน ขณะที่เมื่อปลายปี 2551 ถูกเรียกมาสอบถามการตั้งคณะสอบอีกครั้ง จากกรณีที่จะเข้าร่วมดำเนินรายการทางการเมืองกับสถานีโทรทัศน์ดี สเตชั่น


65 thoughts on “เครื่องแบบสีแดง

  1. รับไม่ได้ครับ ทำไมต้องมีเสื้อแดงมาพยายามทำลายชาติแบบนี้ด้วย ไม่รักในหลวงกันแล้วหรืออย่างไร ผมอ่านแล้วก้อโกรธจนน้ำตาจะไหล ที่เห็นคนไทยพยายามโค่นล้มระบอบกษัตริย์ และเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ไม่ช้า เมืองไทยคงไม่เหลือแผ่นดินอีก คงไม่มีระบอบกษํตริย์เหลืออยู่อีกถ้ายังมีแต่คนพวกนี้อยู่ในประเทศ ถ้ายังมีทักษิณมาพยายามขายชาติ อ่านแล้วเครียดเหลือเกินครับ

Comments are closed.