สวมหัวใจสิงห์

วิสุทธิ์ ตูน  14  เมษายน  2552

มาร์ค สู้งัดพรก.ฉุกเฉิน ปราบคนเสื้อแดง
โพสต์ทูเดย์ วันจันทร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2552

หลังรัฐบาลต้องเสียหน้าในเหตุการณ์กลุ่มเสื้อแดงบุกล้มการประชุมอาเซียนบวก 3 และบวก 6 ที่พัทยา จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 11 เม.ย.

ปรากฏว่า วานนี้รัฐบาลก็ได้ใช้มาตรการเข้มข้นเข้าจัดการม็อบเสื้อแดงทันที โดยในช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำคนเสื้อแดงถึงบ้านพัก จากนั้นในช่วงเวลา 14.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ประกาศภาวะฉุกเฉิน ที่กระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อีก 4 วันข้างหน้าจะทำให้บ้านเมืองเราสงบสุขที่สุด กลับไปเป็นนิติรัฐ ทำให้บ้านเมืองมั่นคง เป็นพื้นฐานระบอบประชาธิปไตย ย้ำมาตลอดว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่มีการประชุมการเมือง รัฐบาลได้พยายามเต็มความสามารถที่จะหลีกเลี่ยงในการเผชิญหน้าใช้ความรุนแรง แต่ที่ผ่านมาการชุมนุมได้พัฒนาไปเป็นการชุมนุมที่ไม่สอดคล้องตามรัฐธรรมนูญ มีการปลุกระดมให้ไม่ทำตามกฎหมาย ปิดล้อมสถานที่ราชการ ละเมิดสิทธิเสรีภาพ ทั้งหมดเป็นสิ่งที่รัฐบาลไม่อาจเพิกเฉยได้ ที่ผานมาเราอาจมีข้อจำกัด เพราะต้องทำให้บ้านเมืองเรียบร้อย

แต่ตอนนี้มีความจำเป็นที่ต้องเร่งดำเนินการแก้ปัญหาก่อนสถานการณ์จะลุกลามบานปลาย ก่อนสูญเสีย ด้วยเหตุนี้ ผมจึงได้ดำเนินการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในท้องที่ที่ได้ประกาศไว้แล้ว และเมื่อได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ผมได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ที่จะรับผิดชอบแก้ไขปัญหา ให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้กำกับการปฏิบัติงานรับผิดชอบสถานที่ราชการที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ ให้รองนายกฯ รับผิดชอบทุกท้องที่ที่ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินร้ายแรง ออกข้อกำหนดตามความมาตรา 9 ได้กำหนดห้ามไม่ให้มีการชุมนุมมั่วสุมตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปในเขตท้องที่ หรือดำเนินการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ห้ามเผยแพร่ หรือสิ่งพิมพ์ที่ทำให้คนหวาดกลัว หรือเข้าใจผิด หรือกระทำการอันไม่สงบ ผิดต่อศีลธรรมอันดี ห้ามใช้คมนาคม ยานพาหนะ ตามที่ผู้รับผิดชอบได้กำหนด

ห้ามใช้อาคารหรือสถานที่ใดๆ ตามที่หัวหน้าได้กำหนด อพยพประชาชนออกจากพื้นที่กำหนดเพื่อ ความปลอดภัย จากที่ได้ประกาศ ให้อำนาจหน้าที่แก่ เจ้าพนักงาน ออกคำสั่งจับกุมตัว ออกคำสั่งตรวจค้น รื้อถอน ตามอาคารสิ่งปลูกสร้างตามความจำเป็น หรือสิ่งสื่อสารอื่นใดที่เกี่ยวข้อง ห้ามมิให้ผู้ใดครอบครอง หรือวัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ก่อความไม่สงบ ให้ข้าราชการตามที่กำหนด ช่วยเจ้าหน้าที่รักษาความสงบ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทั้งหมดเป็นการประกาศให้มีความพร้อมทางเครื่องมือทางกฎหมายเพื่อให้ทุกฝ่ายมั่นใจจะปฏิบัติหน้าที่ที่ได้ตามกฎหมาย โดยรองนายกฯ จะรับผิดชอบทั้งหมด

ในการประกาศภาวะฉุกเฉินร้ายแรงและข้อกำหนดต่างๆ ก็เพื่อให้นำสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด รัฐบาลจะทำทุกวิถีทางให้หลีกเลี่ยง ไม่เกิดปัญหา ขอให้พี่น้องประชาชนเข้าใจถึงความจำเป็นครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม หลังนายอภิสิทธิ์แถลงเสร็จ ปรากฏว่ากลุ่มเสื้อแดงได้เข้ามาปิดล้อมทำให้เกิดการปะทะกันจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ

อย่างไรก็ตาม เวลา 17.10 น. นายอภิสิทธิ์ได้แถลงข่าวผ่านช่องสทท. อีกครั้งว่า หลังจากที่ได้แถลงข่าวที่กระทรวงมหาดไทย พี่น้องประชาชนคงได้เห็นแล้ว ทั้งการทุบรถ ล้อมกรอบ กักขัง หน่วงเหนี่ยว โดยไม่ได้เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ตลอดจนการก่อความวุ่นวาย จลาจล ดังนั้นขณะนี้ผมพร้อมที่จะเข้าปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ในพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งเมื่อสักครู่ ที่ผ่านมา ท่านรองนายกรัฐมนตรีสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งเป็นผู้กำกับการปฏิบัติงาน ก็ได้ให้ทราบรายละเอียดทั้งหมดแล้ว

“ผมขอให้พี่น้องประชาชนอยู่ในความสงบ มีความมั่นใจว่ารัฐบาลนั้นกำลังดำเนินการทุกวิถีทางที่จะรักษากฎหมาย และทำให้บ้านเมืองกลับไปสู่ความเรียบร้อยโดยเร็วที่สุด ขณะเดียวกันก็ขอบอกไปยังผู้ชุมนุมว่า ผมย้ำตลอดและยังย้ำอยู่ว่า หากการชุมนุมเป็นเรื่องของการเรียกร้องในสิ่งที่ท่านพึงจะเรียกร้องนั้น เป็นเรื่องที่รัฐบาลพร้อมที่จะ พูดคุยและตอบสนอง แต่ว่าท่านผู้ชุมนุม ไม่มีสิทธิในการที่จะทำอะไรที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งไปละเมิดสิทธิและ เสรีภาพของผู้อื่น เพราะฉะนั้นขอให้หยุดการกระทำดังกล่าว และรัฐบาลมีความจำเป็น ถ้าหากการกระทำดังกล่าวยังดำเนินต่อไป ที่จะต้องใช้มาตรการตามพระราชกำหนด ในการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินต่อไป”

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ผมขอย้ำกับพี่น้องประชาชนอีกครั้งหนึ่งว่า ทั้งหมดที่เราทำอยู่นี้ เพื่อประโยชน์ ของส่วนรวม เพื่อประโยชน์ของระยะยาว เพื่อให้บ้านเมืองสามารถเดินไปได้อย่างที่ควรจะเป็น และเราจะตัดสินใจและดำเนินการทุกวิถีทาง โดยยึดประโยชน์ ตรงนี้เท่านั้น ขอให้พี่น้องประชาชนให้ความร่วมมือกับรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ ในการทำให้บ้านเมืองของเราสามารถฟันฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปได้ ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนอีกครั้งหนึ่ง