วจนะล้มละลาย

วิสุทธิ์ ตูน  13  พค 53

a51

เส้นตาย!แดงต้องสลายม๊อบวันนี้       
Wednesday, 12 May 2010 07:45 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า หากคนเสื้อแดงจะรับแผนปรองดองและวันเลือกตั้งที่ตนเสนอ ก็ควรแสดงออกด้วยการกระทำ ด้วยการยุติการชุมนุมแล้วเดินทางกลับภูมิลำเนาภายในวันนี้ (12 พ.ค.) ทันที โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งนี้ หากยังยื้อเวลาอยู่ชุมนุมต่อ รัฐบาลก็มีความชอบธรรมทุกประการที่จะเข้าดำเนินการ 

ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. กล่าวว่า การยื่นคำขาดดังกล่าวของนายกรัฐมนตรีนั้น ยอมรับว่า คนเสื้อแดงไม่วิตกและไม่ขอต่อรอง แต่จะปักหลักชุมนุมต่อไป จนกว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยให้ดีเอสไอออกหมายจับและเรียกนายสุเทพมารายงานตัว รับทราบข้อกล่าวหา เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

“นายสุเทพจะไปมอบตัวที่กองปราบปรามหรือดีเอสไอก็ได้ แต่ต้องถูกแจ้งข้อหาให้เป็นผู้ต้องหาในคดีสั่งสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เม.ย. จากนั้นคนเสื้อแดงก็พร้อมยุติการชุมนุม” นายจตุพร กล่าว

Written by :
 พิราบขาว

ตีพิมพ์ในเว็บไซต์ ไทยโพสต์ (http://www.thaipost.net)

Home > Weekday Category > ข่าวหน้า 1 > ขู่ล้มเลือกตั้ง14พ.ย.มาร์คโวยไพร่ไม่ปรองดอง

ขู่ล้มเลือกตั้ง14พ.ย.มาร์คโวยไพร่ไม่ปรองดอง
By thaipost
Created 13 May 2553 – 00:00

      โรดมาร์คล้มไม่เป็นท่า ศอฉ.กดดันเสื้อแดงเต็มรูปแบบ สั่งตัดน้ำ-ไฟ-โทรศัพท์ ปิดทางเข้า-ออกเส้นทางส่งกำลังบำรุงทุกด้านภายหลังเที่ยงคืน ระบุนายกฯ ประกาศแผนปรองดองแล้วแต่แกนนำบิดพลิ้ว โฆษก ศอฉ.ขู่พร้อมใช้กำลังทหารขอพื้นที่คืน ยอมรับชาวบ้านโทร.เฉ่งทำให้เดือดร้อนต้องเลื่อนขีดเส้นไปอีก ขณะที่แกนนำเสื้อแดงลั่นเป็นไงเป็นกัน จี้รัฐบาลเลือกระหว่าง “เทพเทือก” มอบตัวตำรวจกับความปลอดภัยของประชาชน “กอร์ปศักดิ์” เผยนายกฯ ล้มแผนยุบสภาเลือกตั้ง 14 พ.ย. อ้าง นปช.ไม่ยอมสลายตัว


     ตลอดห้วงวันพุธ มีความชัดเจนว่าโรดแม็พหรือแผนปรองดองของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ล้มเหลวแล้ว หลังจากนายอภิสิทธิ์ขีดเส้นให้กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดง จะต้องยุติการชุมนุมภายในวันดังกล่าว แต่กลุ่มเสื้อแดงยังไม่ยอมรับ
     โดยในช่วงเช้า เวลา 10.30 น. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แถลงผลการประชุม ศอฉ.ว่า ยอดผู้ชุมนุมเมื่อช่วงเช้ามีจำนวน 5,000 คน ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่กลุ่มคนเสื้อแดงได้เริ่มชุมนุมในพื้นที่ต่างๆ ศอฉ.ได้ปฏิบัติงานควบคู่กับรัฐบาลมาตลอดได้ พยายามทุกวิถีทางเพื่อนำความสงบกลับสู่บ้านเมืองด้วยวิธีไม่ใช้กำลังเกินความจำเป็น มีการขอคืนพื้นที่บางส่วน มีการบังคับใช้กฎหมายโดยใช้มาตรการจากขั้นเบาไปหาหนัก จนนายกรัฐมนตรีประกาศแผนปรองดอง 5 ประการ แต่แกนนำพยายามตั้งเงื่อนไขรายวันบิดพลิ้วเพื่อประวิงเวลาออกไป แม้กระทั่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ได้ไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ดีเอสไอแล้วก็ตาม วันนี้ยิ่งมีความชัดเจนว่าแกนนำ นปช.ประกาศชัดเจนว่าจะไม่ยอมรับการดำเนินการใด
     “มติของ ศอฉ.จึงสรุปว่า เราจำเป็นต้องใช้มาตรการกดดันพื้นที่การชุมนุมอย่างเต็มรูปแบบในวันนี้ ตั้งแต่เที่ยงคืนเป็นต้นไป เริ่มต้นจากวิธีการที่ไม่ใช้กำลัง คือกำหนดตัดน้ำ ไฟ สาธารณูปโภค โทรศัพท์ การเดินทางโดยการใช้บริการสาธารณะ รถเมล์ รถไฟฟ้า เส้นทางน้ำคลองแสนแสบ คือ ปิดตั้งแต่ท่าเรือสุขุมวิท 15 ถึงท่าเรือบ้านครัวเหนือ ส่วนสถานีรถไฟฟ้า อาจปิดตั้งแต่สถานีสยามถึงสถานีเพลินจิต ราชดำริ ชิดลม นอกจากนี้ ในพื้นที่ชุมนุมทั้งหมดจะมีการปิดเส้นทางเข้า-ออก เส้นทางการส่งกำลังบำรุงให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ และวันนี้จะมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับมาตรการที่กำหนดมาหารือในรายละเอียดว่ามีข้อปฏิบัติอะไรบ้าง ซึ่งเรามีเวลาไม่นานนัก เพราะใกล้ช่วงเวลาเปิดเทอม อาจจะมีผลต่อความปลอดภัยของเยาวชนของชาติ แต่มาตรการนี้ไม่ใช่มาตรการสุดท้าย หากไม่เป็นผลคงต้องมีมาตรการเข้มข้นมากไปกว่านี้”
     พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นความพยายามอย่างที่สุดที่เราพยายามหลีกเลี่ยงการใช้กำลังป้องกันการสูญเสียเลือดเนื้อ ดังนั้นผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ชุมนุม หรืออาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่ชุมนุม หรือพื้นที่ใกล้เคียง อาจต้องได้รับผลกระทบประสบปัญหาไม่สะดวกสบาย ทาง ศอฉ.ต้องกราบขออภัย ณ ที่นี้ ทันทีที่มีการคลี่คลายสถานการณ์ได้ ทุกอย่างจะกลับคืนสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้จะมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบอีกครั้ง โดยเฉพาะพื้นที่ชุมนุมใกล้เคียง ผ่านใบปลิว เอสเอ็มเอส รถกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์

ขู่ใช้กำลังทหาร
     อย่างไรก็ตาม จากมาตรการดังกล่าวคงไม่ถึงขั้นต้องอพยพประชาชนในบริเวณพื้นที่ชุมนุมออก แต่บางคนที่มีที่พักสำรอง ขอความกรุณาออกจากพื้นที่ก่อน แต่หากมีความจำเป็นอาศัยอยู่ในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ที่ตั้งด่านอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับที่ชุมนุม จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับท่านในการผ่านเข้า-ออก อาจมีการทำเอกสารเป็นรายบุคคล
     “กองทัพพร้อมที่จะใช้กำลังทหารในการขอพื้นที่คืน มาตรการในการกดดันหลังเที่ยงคืนของคืนนี้ นายกฯ ได้ขีดเส้นใต้เอาไว้ว่าต้องยุติการชุมนุมภายในวันนี้ ในช่วงที่ผ่านมา นายกฯ ได้ทอดสะพานเพื่อความปรองดองอย่างที่สุด แต่สิ่งต่างๆ ที่แกนนำได้เปิดออกมาเป็นเงื่อนไขรายวันการมอบตัวดีเอสไอ การรับทราบข้อกล่าวหากับดีเอสไอ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมออกมาระบุต้องไปมอบตัวกองปราบฯ  สาเหตุดีเอสไอเป็นกรรมการใน ศอฉ. จึงอยากถามว่า ผบ.ตร.ไม่ได้เป็นกรรมการ ศอฉ.หรือเป็นสิ่งที่คนรับทราบอยู่แล้ว เป็นเพียงเงื่อนไข” โฆษก ศอฉ.ระบุ
     พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ที่ประชุม ศอฉ.พูดถึงเงื่อนไขที่ผู้ชุมนุมกำหนดเป็นแค่การต่อรอง เช่น เรื่องประกันตัว คดีความ โดยรัฐบาลยืนยันมาตลอดไม่มีการต่อรองในเรื่องพวกนี้ เพราะเป็นเรื่องของศาล  โดยกลุ่มเสื้อแดงเคยบอกว่าไม่ต้องการให้เข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม วันนี้เป็นสิ่งที่ชี้ชัดว่าเข้าพยายามบีบให้รัฐเข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม
     ถามว่า เราจะทำให้เสร็จก่อนวันที่ 17 พ.ค.นี้ ก่อนเปิดเทอมใช่หรือไม่ พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า  มีความชัดเจนในระดับหนึ่ง เพราะนายกฯ เป็นผู้กำหนด ไม่เช่นนั้นปัญหาจะขยายลุกลามไปเรื่อย 
     เวลาไล่เลี่ยกัน นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภาว่า นายกรัฐมนตรีส่งสัญญาณชัดเจน และเปิดโอกาสให้แกนนำคนเสื้อแดง แต่ถ้ายังไม่รับ ก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคงที่จะเป็นผู้ดำเนินการ  ซึ่งเชื่อว่าไม่เกินเที่ยงวันจะมีข่าวดีให้กับคนไทยทั่วประเทศ หากถ้ายังไม่มีการยุติการชุมนุม รัฐบาลก็ต้องทบทวนมาตรการ โดยนายกฯ ไม่อยากเห็นความรุนแรง แต่ต้องการให้นักเรียนได้เรียนตามปกติ
     ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ให้การต้อนรับนายกิตติ วะสีนนท์ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงลอนดอน พร้อมด้วยตัวแทนชุมชนชาวไทยในสหราชอาณาจักร จำนวน 14 คน ที่เดินทางเข้าเยี่ยมคารวะที่รัฐสภา จากนั้นช่วงบ่ายได้เดินทางไปยัง ศอฉ. 
     ภายหลัง ศอฉ.ประกาศมาตรการดังกล่าว เมื่อเวลา 12.40 น. ที่เวทีราชประสงค์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. แถลงว่า ขอประกาศท่าทีสุดท้ายอย่างชัดเจนว่าเราตอบรับวันเลือกตั้ง 14 พ.ย.และวันยุบสภาไปแล้ว มาตรการที่ได้มีการนำเสนอมาเสื้อแดงก็ได้ตอบรับไปแล้ว แต่ติดค้างเรื่องเดียวคือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามขั้นตอน ไม่ใช่การเรียกร้องให้นายสุเทพเข้าคุก เพราะเราเข้าใจดีว่าต้องใช้เวลา ซึ่งถ้ามีการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้องเมื่อไหร่ เสื้อแดงจะประกาศยุติการชุมนุมทันที

แดงลั่นเป็นไงเป็นกัน
     “ถ้านายสุเทพยังเล่นแง่ศรีธนญชัยเช่นนี้ ใช้อำนาจเล่นละครตบตาประชาชนแบบนี้ เรารับไม่ได้ เราขอยืนยันว่าถ้ารัฐบาลเลือกปกป้องนายสุเทพคนเดียวด้วยการจัดกำลังทหารและตำรวจ ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องตัดสินใจว่าเลือกอะไร ระหว่างนายสุเทพกับความปลอดภัยของประชาชนจำนวนมาก ซึ่งเราตัดสินใจแล้วว่าเราจะปักหลักสู้อยู่ที่นี่จนกว่าจะได้รับความยุติธรรม ถ้าหากเราจะลงจากเวทีการต่อสู้โดยไม่อาจอธิบายกับคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตไปกว่า 21 ชีวิตว่าจะทวงถามความยุติธรรมอย่างไร เราก็จะอยู่ที่นี่ เป็นไงเป็นกัน เราก็ยินดีที่จะเอาอิสรภาพของเราเป็นการเดิมพันเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมต่อไป เราจะรอพวกท่านอยู่ที่นี้ด้วยมือเปล่าๆ สันติวิธี นี่เป็นท่าทีสุดท้าย เราจะไม่แสดงท่าทีนี้อีก” นายณัฐวุฒิกล่าว
     แกนนำ นปช.กล่าวว่า มีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าการเรียกร้องให้นายสุเทพไปมอบตัวต่อกองปราบฯ ไม่ได้มีความหมายอะไร เพราะนายสุเทพเป็นประธาน ก.ตร. จึงคิดว่าการไปดีเอสไอของนายสุเทพจะพอแล้ว แต่เราขอบอกว่าแตกต่างกัน เพราะคดีนี้เป็นคดีอาญา มีอายุความ เมื่อนายสุเทพมอบตัวอายุความก็จะเดินหน้าทันที 
     ด้านนายก่อแก้ว  พิกุลทอง แกนนำ นปช. กล่าวว่า ที่รัฐบาลขู่ว่าจะตัดน้ำตัดไฟเพื่อกดดันกลุ่มคนเสื้อแดงให้เลิกชุมนุมนั้น เป็นสิ่งที่รัฐบาลทำไม่ได้ เพราะทางกลุ่มผู้ชุมนุมใช้เครื่องไฟฟ้าจากเครื่องปั่นไฟ ส่วนน้ำอาศัยจากดับเพลิง เป็นการต่อท่อน้ำประปาหลัก ซึ่งการประปาไม่สามารถตัดท่อน้ำหลักได้ เพราะท่อน้ำดับเพลิงนี้จะใช้เลี้ยงหน่วยงาน บ้านเรือนของประชาชนที่อยู่ตามละแวกนี้ ซึ่งถ้ารัฐบาลจะทำตามคำขู่ดังกล่าว จะทำให้ทุกหน่วยเดือดร้อน 
     จากนั้น นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.ได้ขึ้นเวทีปราศรัยว่า รัฐบาลไม่มีสิทธิ์มาต่อรองแล้ว เสื้อแดงต้องการให้มีกระบวนการยุติธรรมเพื่อดำเนินการกับบุคคลที่สั่งทำร้ายประชาชนเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ถ้าตัดน้ำไม่ให้เราใช้ เราก็จะไปหาน้ำที่อื่น ดังนั้นนายอภิสิทธิ์ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาขู่ว่าจะไม่มีการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ย. ถ้าจะไม่มีการเลือกตั้งก็เรื่องของคุณ ถ้าคุณจะทรยศคำพูดตัวเองก็เชิญ จะเลือกตั้งไปทำไมถ้าคนผิดยังลอยนวล
     “ถ้าคุณไม่ให้นายสุเทพเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม  ก็ให้นำกำลังทั้งหมดมาที่ราชประสงค์ได้เลย เพราะเราจะไม่ยุติการชุมนุมถ้าความยุติธรรมยังไม่บังเกิด เราจะไม่ทิ้งวิญญาณวีรชนเอาไว้ที่นี่” นายจตุพรกล่าว
    ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า การเดินทางไปพบอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษของนายสุเทพไม่ใช่การไปมอบตัว ไม่ได้ไปในฐานะผู้ต้องหา เป็นเพียงการเดินทางไปถามตอบคำถามกันเท่านั้น ถือเป็นแค่ละครฉากหนึ่ง กรณีที่ ป.ป.ช.ท่านหนึ่งออกมาให้ความเห็นว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษไม่มีสิทธิ์สอบสวนนักการเมืองนั้นถูกต้อง เพราะต้องเป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช.
     “ไม่อยากให้มีการนองเลือด ถ้าสลายการชุมนุมอีกก็มีแต่จะต้องนับศพเพิ่ม ฉะนั้นจะทำไปทำไม นายอภิสิทธิ์ควรยุบสภา หรือลาออกให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นมาเป็นนายกฯ แทน ทั้งนี้ต้องขอแสดงความเสียใจล่วงหน้าหากคิดจะสลายการชุมนุม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.บอกไว้ถูกต้องการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง ปัญหาจะจบด้วยการเจรจาเท่านั้น เชื่อว่าทหารและตำรวจจะไม่ทำตามคำสั่งสลายชุมนุมแน่” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

แจ้งจับนายกฯ-ศอฉ.
     ขณะที่นายพีรพันธุ์  พาลุสุข, พล.ต.อ.วิรุฬ ฟื้นแสน ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และนายเรืองเดช เหลืองบริบูรณ์ ทนายความของนายเกรียงไกร คำน้อย ผู้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 เม.ย. แถลงถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เดินทางไปมอบตัวต่ออธิบดีดีเอสไอเมื่อวันที่ 11 พ.ค.ว่า ข่าวที่ออกมาเหมือนกับนายสุเทพทำทีต้องการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทั้งที่อธิบดีดีเอสไอก็เป็นส่วนหนึ่งของ ศอฉ. ซึ่งจะทำให้ประชาชนเชื่อมั่นได้อย่างไรว่าดีเอสไอจะทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง สุจริต
     โดยนายเรืองเดชกล่าวว่า ขณะนี้คดีของนายเกรียงไกรทางพนักงานสอบสวน สน.ดุสิตได้ชี้แจงว่าได้ทำหนังสือเรียกร้องผู้ถูกกล่าวหาคือนายกฯ และนายสุเทพแล้ว จึงขอเรียกร้องให้ทั้ง 2 คนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในขั้นต้นอย่างถูกต้อง
     ที่กองบังคับการกองปราบปราม นายธนาภัทร เรืองพันธ์ เลขานุการส่วนตัวนางประทีป อึ้งทรงธรม ฮาตะ อดีต ส.ว.และอดีตแกนนำ นปก.รุ่น 2 ได้พาญาติของนายเทิดศักดิ์ ฟุ้งกลิ่นจันทร์ อายุ 29 ปี, นายจรูญ ฉายแม้น อายุ 46 ปี และนายวสันต์ ภู่ทองชัยศรี อายุ 39 ปี ซึ่งผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. เข้าพบ พ.ต.อ.ศานิตย์ มหถาวร รอง ผบก.ป. เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี, นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการ ศอฉ. ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีสั่งการให้ทหารเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงดังกล่าวจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต
     ทางด้าน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน พร้อมด้วยนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงถึงกรณีที่นายสุเทพเข้ารับฟังข้อกล่าวหาที่ดีเอสไอเมื่อวันอังคารว่า เป็นการรับทราบข้อกล่าวหาตามหนังสือกล่าวโทษของผู้กล่าวโทษทั้ง 14 คนโดยตรง ในข้อกล่าวหาว่าสั่งการให้ใช้อาวุธจริงประทุษร้ายต่อชีวิตร่างกายของประชาชน ซึ่งการเดินทางไปรับฟังข้อกล่าวหาที่ดีเอสไอนั้น เป็นการกระทำที่ถูกต้องแล้ว เพราะกรณีการทำร้ายประชาชนได้บรรจุเข้าเป็นคดีพิเศษแล้ว
     “ในกรณีกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือข้าราชการทางการเมืองกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ จะต้องส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวนนั้น คดีนี้ทางดีเอสไอจะดำเนินการรวบรวมข้อเท็จจริงเบื้องต้นแล้วส่งไปยัง ป.ป.ช.ดำเนินการต่อไป และอยากให้ยุติการชุมนุมที่มีอยู่ในขณะนี้” พล.ต.ต.อำนวยกล่าว
     ที่เวทีราชประสงค์ เวลา 17.00 น. นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. กล่าวว่า วันนี้ยังไม่มีการนัดประชุมแกนนำ นปช. แต่เงื่อนไขของเรายังคงไม่เปลี่ยนแปลง คือนายสุเทพต้องเข้ามอบตัวตามหมายเรียกของดีเอสไอ เพื่อเริ่มต้นกระบวนการยุติธรรมอย่างสง่างามเท่านั้น นปช.จึงจะยุติการชุมนุม ทั้งนี้ตนได้รับการแจ้งว่าทางกองปราบปรามจะออกหมายเรียกนายสุเทพภายในคืนนี้ หลังจากที่ญาติผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. 3 รายไปแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งเมื่อมีหมายเรียกออกมา เพียงแต่นายสุเทพประกาศต่อสาธารณชนว่าจะไปมอบตัวเราก็พร้อมยุติการชุมนุมทันที
     ส่วนที่รัฐบาลจะดำเนินการตัดน้ำตัดไฟเพื่อกดดันผู้ชุมนุมนั้น นพ.เหวงกล่าวว่า หากทำจริงบริเวณแยกราชประสงค์จะมีผู้ได้รับผลกระทบจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม สถานทูต วัด โรงเรียนจำนวนมาก ดังนั้นรัฐบาลต้องคิดให้ดีว่าจะสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนมหาศาลเพียงเพื่อปกป้องคนคนเดียวไม่ให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการปรองดอง สุดท้ายถามว่าคุ้มค่าหรือไม่
    ต่อมา นายเสนอ วิสุทธนะ รองประธานสหภาพการไฟฟ้านครหลวง ขึ้นเวทีปราศรัยว่า วันนี้ตนจะอยู่หลังเวทีปราศรัยของคนเสื้อแดงตลอด เพื่อประสานกับการไฟฟ้านครหลวงไม่ให้ตัดไฟตามที่ ศอฉ.ได้ประกาศไป และมั่นใจว่าจะไม่มีการตัดไฟบริเวณที่ชุมนุมเด็ดขาด และการไฟฟ้านครหลวงไม่สามารถจะตัดไฟได้ เนื่องจากตึกต่างๆ ในบริเวณนี้ไม่ได้ติดค้างการชำระค่าไฟแต่อย่างใด
     ด้านนายอารี ไกรนรา เปิดเผยว่า ขณะที่ด่านสกัดของ นปช.ทุกจุดมีความพร้อมเต็มที่ที่จะป้องกันการบุกเข้ามาสลายการชุมนุมโดยกำลังทหารของ   ศอฉ. ส่วนมาตรการตัดน้ำ ตัดไฟที่ ศอฉ.จะนำมากดดันมวลชนนั้น นปช.ไม่ได้มีความกังวลแม้แต่น้อย เพราะได้เตรียมน้ำมันสำรองไว้เพียงพอสำหรับการปั่นไฟใช้ตลอดทั้งคืน สำหรับน้ำประปานั้นเราได้ต่อน้ำจากท่อน้ำดับเพลิงที่รับน้ำตรงจากท่อประปาขนาดใหญ่ จึงไม่ห่วงเลย

“มาร์ค”ล้มแผนยุบสภา
     ขณะเดียวกัน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. ให้สัมภาษณ์ถึงผลการประชุมร่วมกันระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานเอกชน ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ภายหลัง ศอฉ.มีมาตรการตัดน้ำไฟสาธารณูปโภคกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ในเรื่องการขนส่ง จราจร เริ่มมีการวางแผนดำเนินการ แต่ส่วนของการไฟฟ้า ประปา ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ต้องพิจารณาว่า การตัดน้ำ ตัดไฟ จะส่งผลกระทบให้เกิดกับกลุ่มผู้ชุมนุม หรือประชาชนที่ทำงานบริเวณนั้นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการชุมนุม  ใครจะได้รับผลกระทบมากกว่ากัน เพราะมีโทรศัพท์จากประชาชนจำนวนมากโทร.เข้ามา
     โฆษก  ศอฉ.ระบุว่า จำเป็นต้องมีการหารือหารืออีกครั้งในวันนี้ เวลา 19.30  น.ว่าจะมีการดำเนินการตัดน้ำตัดไฟในพื้นที่ใดบ้าง เพราะในพื้นที่นั้นมีโรงพยาบาลหลายแห่งที่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้หากเราพร้อมเมื่อไร เราจะทำทันที ไม่จำเป็นว่าจะต้องดำเนินการตอนเที่ยงคืน อาจเป็นพรุ่งนี้เช้าก็ได้ หากเรามีความพร้อม อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เราพยายามทำดีที่สุดเท่าที่จะสามารถลดการชุมนุมได้
     ต่อมามีความชัดเจนว่าแผนปรองดองได้ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงแล้ว โดยนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในช่วงค่ำว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ขอยกเลิกแนวทางปรองดองที่มีการกำหนดวันยุบสภาในช่วง 15-30 ก.ย. และวันเลือกตั้งใหม่ 14 พ.ย. 2553 แล้ว เนื่องจากกลุ่ม นปช.คนเสื้อแดงไม่ยอมสลายการชุมนุม
     “แม้แกนนำกลุ่มเสื้อแดงจะยอมรับแนวทางปรองดองของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ไม่สามารถหาข้อยุติได้ เพราะแกนนำขาดเอกภาพ รวมทั้งมีการยื่นเงื่อนไขเพิ่มเติม ทำให้การเจรจาระหว่างรัฐบาลและกลุ่มเสื้อแดงไม่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นนายกฯ จึงขอยกเลิกแนวทางที่กำหนดวันเลือกตั้งใหม่ เพราะกลุ่มเสื้อแดงไม่ยอมสลายการชุมนุม” นายกอร์ปศักดิ์กล่าว
     นายกอร์ปศักดิ์กล่าวว่า  สำหรับแนวทางปรองดองข้ออื่นๆ ที่นำไปสู่การแก้ไขปัญหาการเมืองและปฏิรูปประเทศนั้น ยังคงมีการเดินหน้าต่อไป โดยมีการยกเลิกเฉพาะเงื่อนไขการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 14 พ.ย.เท่านั้น
     เวลา 19.30 น. ทางหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน ภาคธุรกิจ ประกอบด้วย การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การประปานครหลวง บริษัทบีทีเอส ผู้ประกอบการสัญญาณโทรศัพท์มือถือ อาทิ เอไอเอส, ฮัท, ทรู, แคท, ทีโอที, กรมการขนส่งทางน้ำ, บีทีเอส และตัวแทนจากกระทรวงคมนาคม ได้มีการประชุมร่วมกันที่ ร.11 รอ. เพื่อหารือถึงมาตรการในการดำเนินการภายหลังที่ ศอฉ.มีมติให้มีการตัดน้ำ ไฟ สาธารณูปโภค ระบบสื่อสาร ในพื้นที่การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง
     โดยในที่ประชุม กฟน.ได้แสดงความคิดเห็นว่า จะไม่มีการตัดไฟพื้นที่แยกราชประสงค์ เนื่องจากการตัดไฟดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้ชุมนุมมากนัก เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมมีการใช้ไฟจากเครื่องปั่นไฟที่มีอยู่ ส่วนในการปิดสถานีบีทีเอสนั้น ต้องมีการไปร่วมประชุมกับประธานกรรมการบริหารบริษัท ระบบมวลชนขนส่งกรุงเทพ อีกครั้งว่าจะใช้มาตรการปิดสถานีใดบ้างเพื่อไม่ให้กระทบประชาชนในพื้นที่ ส่วนการประปานครหลวงนั้น ต้องไปตรวจสอบว่ากลุ่มผู้ชุมนุมใช้น้ำจากส่วนใด เพราะเดิมผู้ชุมนุมมีการต่อระบบสายท่อจากระบบสายส่งสาธารณะ ซึ่งในที่ประชุมได้มอบหมายให้แต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ไปดำเนินการแบ่งการจัดสรรการดำเนินการ และให้ไปศึกษาถึงผลกระทบต่อประชาชนส่วนรวม 
     อย่างไรก็ตาม จากคำสั่งของ ศอฉ. จะทำให้ทางหน่วยงานรัฐวิสาหกิจต่างๆ ต้องดำเนินการตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ซึ่งอาจจะมีการตัดน้ำ ตัดไฟ เฉพาะบริเวณพื้นที่ หรือเฉพาะบางอาคาร บางตึกเท่านั้น แต่ยังไม่สามารถระบุเวลาได้ว่าเป็นช่วงใด 
     ทางด้านกลุ่มเสื้อแดงก็มีการประชุมแกนนำ จากนั้นเวลา 20.30 น. นายก่อแก้ว พิกุลทอง เปิดเผยระหว่างการพักการประชุมว่า ที่ประชุมยังมีความเห็นแตกต่างไปสองทางในประเด็นที่นายสุเทพเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาจากดีเอสไอ ในคดีสั่งฆ่าประชาชนในวันที่ 10 เม.ย. ว่า กรณีดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วหรือยัง โดยแกนนำบางส่วนเห็นว่านายสุเทพเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว และอีกบางส่วนยังไม่เข้ากระบวนการ จำเป็นต้องเดินหน้าต่อไป
     “ที่ประชุมจึงต้องเชิญทีมกฎหมายที่มีความรู้กฎหมาย ป.ป.ช.มาอธิบายให้ที่ประชุมได้เข้าใจ ซึ่งหากนักกฎหมายระบุว่าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว แกนนำทั้งหมดก็จะเดินทางไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ทั้งหมด ทั้งคดีความ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในวันที่ 13 พ.ค.นี้ทันที และคดีก่อการร้าย ซึ่งทาง นปช.ได้มีการเจรจากับรัฐบาลเป็นการภายในเรียบร้อยว่า แกนนำ นปช.ทุกคนจะได้รับการประกันตัวในทุกคดีทุกคน หากเป็นเช่นนี้พวกตนกลับมาที่สี่แยกราชประสงค์อย่างปลอดภัยก็จะมีการยุติการชุมนุมในวันรุ่งขึ้น แต่ถ้าแกนนำคนใดคนหนึ่งไม่ได้รับการปล่อยตัว รับรองว่าม็อบไม่จบจะมีการระดมคนเข้ามาเพิ่มเตินอีกแน่” นายก่อแก้วระบุ
     ส่วนกรณีที่นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ระบุว่า นปช.ชุมนุมยืดเยื้อทำให้รัฐบาลต้องยกเลิกแผนการปรองดองนั้น นายก่อแก้วกล่าวว่า เป็นเรื่องที่นายกอร์ปศักดิ์พูดเอง เพราะนายอภิสิทธิ์ยังให้เวลา นปช.ถึงวันที่ 15 พ.ค. เชื่อว่าขณะนี้เรื่องใกล้ยุติแล้ว ติดอยู่ที่เงื่อนไขอีกนิดเดียว ไม่เกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ.
 

ข่าวหน้า 1

——————————————————————————–

Source URL: http://www.thaipost.net/news/130510/22135

Comments are closed.