มีอาการ (ไม่แกร่งจริง)

วิสุทธิ์  ตูน   31  มีนาคม  2552

วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11342 มติชนรายวัน

เปิดตัว”ปีย์ มาลากุล” คนนัด”สุรยุทธ์”ถก3ตุลาการ

“ไม่มีการพูดเรื่องปฏิวัติ หรือเรื่องตำแหน่ง ไม่มีทหารอยู่สักคนจะพูดเรื่องปฏิวัติได้อย่างไร”

หมายเหตุ – “มติชนออนไลน์” สัมภาษณ์พิเศษนายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา บุคคลซึ่งถูก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน กล่าวหาเป็นเจ้าของบ้านที่เชิญ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ขณะเป็นองคมนตรี มาพบกับตุลาการระดับสูงเพื่อวางแผนโค่นล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ (ก่อนการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549) และเผยแพร่เมื่อวันที่ 29 มีนาคม

ในการพูดคุยกัน 7 คน ที่บ้านประกอบด้วย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์, พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี, คุณอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด, คุณชาญชัย ลิขิตจิตถะ ขณะเป็นประธานศาลฎีกา คุณจรัญ ภักดีธนากุล ขณะเป็นเลขาธิการประธานศาลฎีกา คุณปราโมทย์ นาครทรรพ (นักคิดนักเขียนในกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย) และผม ไม่มีการพูดเรื่องการวางแผนรัฐประหารหรือโค่นล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่เป็นการเชิญคนที่สนิทสนมและเป็นเพื่อนมารับประทานอาหารที่บ้านเพื่อพูดคุยถึงปัญหาบ้านเมืองซึ่งทำเป็นปกติอยู่แล้ว

การเชิญเพื่อนและคนที่มีความสนิทสนมมารับประทานอาหารเย็นที่บ้านเป็นประจำอยู่ก็เพื่อให้เล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง เพราะต้องการทันสถานการณ์เนื่องจากมีอาชีพเป็นนักข่าว ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสกับตุลาการศาลปกครองสูงสุดและผู้พิพากษาศาลฎีกาเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2549 เกี่ยวกับปัญหาวิกฤตของบ้านเมือง จึงได้เชิญคุณอักขราทร ซึ่งเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ รวมทั้งคุณชาญชัย (ปัจจุบันเป็นองคมนตรี) มารับประทานอาหารที่บ้านในวันที่ 6 พฤษภาคม 2549 เพื่อคุยว่า จะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่างไรตามที่ทรงมีพระราชดำรัส จากนั้นได้โทรศัพท์ชวน พล.อ.สุรยุทธ์ พล.อ.พัลลภ และคุณปราโมทย์ ซึ่งมีความสนิทสนมกันอยู่แล้วว่า อยากจะมาฟังหรือไม่

ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2549 ปรากฏว่า พล.อ.สุรยุทธ์ มาถึงบ้านที่สุขุมวิท 103 เป็นคนแรก จึงนั่งคุยกันก่อน จากนั้นอีกประมาณ 15 นาที คุณอักขราทร คุณชายชัย และคุณจรัญ ภักดีธนากุล (ปัจจุบันเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ) มาถึงพร้อมกัน โดย พล.อ.พัลลภและคุณปราโมทย์เดินเข้ามาบ้านพร้อมกัน จากนั้นจึงขึ้นนั่งโต๊ะอาหารรูปทรงกลม โดย พล.อ.สุรยุทธ์นั่งขวามือของผม พล.อ.พัลลภนั่งทางซ้ายมือ ส่วนตุลาการทั้ง 3 คน นั่งตรงกันข้ามเพื่อที่จะได้ซักถามสะดวก

ผมถามทางฝ่ายตุลาการว่าจะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร ซึ่งทั้งคุณอักขราทรและคุณชาญชัยก็อธิบายว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสอย่างไรบ้าง จนเข้าใจ และทางตุลาการมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างไรในทางกฎหมายโดยไม่ได้ลงรายละเอียดถึงตัวบุคคล แต่พูดถึงขั้นตอนในทางกฎหมายโดยคุณอักขราทรและคุณชาญชัยเป็นคนอธิบายเป็นหลัก ส่วนคุณจรัญพูดน้อยหน่อยซึ่งจำไม่ได้ว่าพูดเรื่องอะไรบ้าง แต่หลังจากนั้นก็คุยกันเรื่องอดีตเก่าๆ เรื่องมโนสาเร่ จนกระทั่งเลิกประมาณ 4 ทุ่มกว่า และผมยังเดินไปส่ง พล.อ.สุรยุทธ์และ พล.อ.พัลลภ ซึ่งคนทั้งสองไม่เคยอยู่กัน 2 ต่อ 2 เพราะมีผมนั่งคั่นอยู่ตรงกลาง เวลามีอะไรต้องคุยผ่านผม

เรื่องที่เกิดขึ้นมันนานหลายปีแล้ว คนที่มากินข้าวไม่มีใครจำวันที่ได้สักคน ผมอายุ 72 แล้วก็จำไม่ได้ แต่เมื่อมีคนมาให้สัมภาษณ์ก็ต้องเปิดดูบันทึกของเลขาฯ เพราะต้องสั่งอาหารญี่ปุ่นจากโรงแรมดุสิตธานีจึงรู้ว่าเป็นวันนี้ ซึ่งมีแผนผังด้วยว่า ใครนั่งตรงไหนอย่างไร

@ ในการพูดคุยมีเรื่องเกี่ยวกับการล้มการเลือกตั้งหรือไม่

มีการพูดถึงการเลือกตั้ง แต่จำไม่ได้ในรายละเอียด เพียงแต่ฝ่ายตุลาการมีการพูดถึงการทำตามขั้นตอนของกฎหมาย ยืนยันว่าไม่มีการพูดเรื่องปฏิวัติ หรือพูดเรื่องตำแหน่ง ไม่มีทหารอยู่สักคนจะพูดเรื่องปฏิวัติได้อย่างไร

@ ทำไมเชิญ พล.อ.พัลลภและนายปราโมทย์เข้าร่วม และร่วมในฐานะอะไร

มีความสนิทสนมกับคนทั้งสองมานานแล้ว และตอนนั้น พล.อ.พัลลภกำลังดังเรื่องคาร์บอมบ์ (คดีวางระเบิด พ.ต.ท.ทักษิณ) ส่วนคุณปราโมทย์นั้น เขียนหนังสือเกี่ยวกับปฏิญญาฟินแลนด์และมีความรู้ทางด้านกฎหมายเลยเชิญมาร่วม

@ พล.อ.พัลลภระบุว่ามีการประชุมวางแผนที่บ้านนายปีย์ถึง 3-4 ครั้ง

พบเพียงครั้งเดียว ผมดู พล.อ.สุรยุทธ์ให้สัมภาษณ์ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แต่ที่ พล.อ.พัลลภพูดไม่ตรง ก็แปลกใจว่าทำไม

@ เคยสนิทสนมกับ พล.อ.พัลลภมาก่อน ทราบสาเหตุหรือไม่ว่า ทำไมถึงพลิกขั้วแบบ 180 องศา

รู้สึกแปลกใจเหมือนกัน แต่คิดว่าอาจไม่พอใจ พล.อ.สุรยุทธ์ที่ไม่ได้ตำแหน่งอะไรในรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ หรือไม่ได้รับการตอบแทนอะไรบางอย่าง ซึ่งก็ไม่เข้าใจความคิดของ พล.อ.พัลลภเช่นกัน

@ หลังจากเกิดเหตุที่มีการเปิดโปงกัน ได้ติดต่อกับ พล.อ.พัลลภ พล.อ.สุรยุทธ์ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือไม่

ยังไม่ได้ติดต่อกับบุคคลใดทั้งสิ้น

@ พ.ต.ท.ทักษิณเคยมารับประทานอาหารที่บ้านหรือไม่

เคยมาหลายครั้งเพราะเคยสนิทสนมกันในช่วงก่อนที่จะเป็นนายกฯ ส่วนช่วงเป็นนายกฯไม่ได้มา อาจจะเป็นเพราะไม่มีเวลา แต่หลังจากรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และกลับจากต่างประเทศ คุณทักษิณมา 2 ครั้ง คุณพญิงพจมาน ชินวัตร มา 1 ครั้ง

“ปีย์” เป็นใคร

นายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา เกิดเมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.ศ.2480 สมรสกับท่านผู้หญิงอารียา

เป็นบุตรชายคนรองของ ม.ล.ปีกทิพย์ มาลากุล กับนางชนัฏ มาลากุล ณ อยุธยา บุตรีของพระยาประกิตกลสาร มีพี่น้องทั้งหมด 4 คน พี่สาวคือ ปนัดดา มาลากุล ณ อยุธยา น้องชายคือ พล.อ.แป้ง มาลากุล ณ อยุธยา อดีตผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (สมรสกับ คุณหญิงศิริรัตน์ เอื้อวิทยา และน้องสาวอีก 2 คนคือ คุณหญิงทิพยวดี ปราโมช ณ อยุธยา (สมรสกับ ม.ล.เสรี ปราโมช) นางทับทิม มาลากุล ณ อยุธยา สมรสกับ นายอลาสแตร์ เลน ชาวอังกฤษ

จบการศึกษาชั้นมัธยมจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ปริญญาตรีด้านการเงินการธนาคาร ประเทศอังกฤษ ทำงานที่ธนาคารกรุงเทพ สาขากรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ระหว่าง พ.ศ.2502-2506 และกลับเข้ามาทำงานที่สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ ช่วงปี พ.ศ.2506-2511 จากนั้นจึงหันมาทำงานด้านสิ่งพิมพ์ โดยเริ่มจากเป็นบรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์ “ประชาธิปไตย” ต่อจากนายสนธิ ลิ้มทองกุล (แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย) ราวปี พ.ศ.2518-2519 หลังจากนั้นในปีเดียวกัน จึงเข้าซื้อกิจการนิตยสาร “ดิฉัน” จากนายสนธิ

ต่อมาในปี พ.ศ.2527 นายปีย์ร่วมกับ ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในขณะนั้น ก่อตั้งบริษัท แปซิฟิค อินเตอร์คอมมูนิเคชั่น จำกัด เข้าไปปรับปรุงการนำเสนอข่าวภาคค่ำประจำวัน ทางไทยทีวีสีช่อง 9 อ.ส.ม.ท. ทั้งรูปแบบการนำเสนอ และเนื้อหาข่าว ให้เป็นรูปแบบสมัยใหม่ ไม่น่าเบื่อหน่าย

จากนั้นในปี พ.ศ.2534 ทำสัญญาสัมปทานกับกรมการทหารสื่อสาร เพื่อจัดตั้งสถานีวิทยุข่าวสาร และการจราจร ให้ชื่อว่า “จส.100” ช่วงเดียวกันนั้นก่อตั้ง “ศูนย์ข่าวแปซิฟิก” ผลิตข่าวต้นชั่วโมงให้สถานีวิทยุกระจายเสียงเครือกองทัพบก นอกจากนั้น ยังเริ่มผลิตรายการ “บ้านเลขที่ 5” ให้กับ ททบ.5 ด้วย

(ข้อมูลจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี)

หน้า 2

14 thoughts on “มีอาการ (ไม่แกร่งจริง)

  1. ทักษิณไม่ใส่เสื้อลายขวาง(คุก) แล้วเหรอ Wisuttoon

Comments are closed.